รายละเอียดทัวร์

www.TripleEnjoy.com
by Double Enjoy Travel Co., Ltd.

300/50 Nawamin Road, Nawamin, Buengkum, BKK 10240
Tel: 02-379-2955  Hotline: 099-130-6886  Fax: 02-379-1163 (Auto)

 Website: www.tripleenjoy.com   E-mail: [email protected]


 

Juristic Identification No. 0125554005216                                                               TAT License No. 11/05307


ทัวร์ไบคาล

TE357 : โปรแกรมทัวร์รถไฟสายทรานส์ไซบีเรีย เส้นทางรถไฟสายโรแมนติกที่ยาวที่สุดในโลก 12 วัน 10 คืน (OM)


พิมพ์ พิมพ์ คัดลอก URL คัดลอก URL
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
Anastasia Hotel
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
Best Western Premier Tuushin Hotel
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
Courtyard Marriott Hotel
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
Deluxe Tourist Ger Camp

ทัวร์รถไฟสายทรานส์ไซบีเรีย
เส้นทางรถไฟสายโรแมนติกที่ยาวที่สุดในโลก
เยือนมองโกเลียและไซบีเรียในทริปเดียว ครบและคุ้มค่า
อูลันบาตาร์ เมืองหลวงที่หนาวที่สุดในโลก
ตามรอยเจงกิสข่าน นักรบผู้ยิ่งใหญ่บนหลังม้า
นอนที่พักแบบกระโจมดีลักซ์ 
ชมทะเลสาบไบคาล ดวงตาสีฟ้าแห่งไซบีเรีย
เที่ยวเอียร์คุตสก์ กรุงปารีสแห่งไซบีเรีย
วลาดิวอสต๊อก เมืองท่าสำคัญ เมืองปลายทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรีย


กำหนดการเดินทาง

รหัสทัวร์วันที่เดินทางเดินทางโดยราคาเริ่มต้นสถานะ
TE357-00125 ก.ย.-06 ต.ค. 67MIAT Mongolian Airlines (MO)179,000จองด่วน
 
รายละเอียดการเดินทาง

วันที่ 1กรุงเทพฯ (สนามบินสุวรรณภูมิ) – ฮ่องกง – อูลันบาตาร์ 
08.00 น.พร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 สายการบินเมียท มองโกเลียน แอร์ไลน์ (Miat Mongolian Airlines) แถว G ประตู 4 พร้อมเจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกในการเช็คอินด้านสัมภาระและเอกสารให้กับท่าน   
11.00 น.เหินฟ้าสู่ เขตฮ่องกง โดยสายการบินเมียท มองโกเลียน แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ OM5638 (11.00-15.00) (ใช้เวลาบิน 3 ชั่วโมง)  (มีอาหารบริการบนเครื่อง)
15.00 น.เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง เขตบริหารพิเศษฮ่องกง จากนั้นรอเปลี่ยนเครื่องเพื่อเดินทางต่อไปเมืองอูลันบาตาร์
18.30 น.เหินฟ้าสู่ เมืองอูลันบาตาร์ ประเทศมองโกเลีย โดย สายการบินเมียท มองโกเลียน แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ OM298 (18.30-23.10) (ใช้เวลาบิน 4 ชั่วโมง 40 นาที) (มีอาหารบริการบนเครื่อง)
23.10 น.เดินทางถึงสนามบินเจงกิสข่านอินเตอร์เนชั่นแนล เมืองอูลันบาตาร์ ตามเวลาท้องถิ่น (เวลาท้องถิ่นที่อูลันบาตาร์เร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง) หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและรับกระเป๋าสัมภาระแล้ว

เดินทางมุ่งหน้าสู่โรงแรมที่พัก 
ที่พักBest Western Premier Tuushin Hotel  5* หรือเทียบเท่า
วันที่ 2อูลันบาตาร์ (Ulaanbaatar)
เช้ารับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

เริ่มเปิดประสบการณ์ใหม่บนดินแดนของมหาบุรุษเจงกิสข่าน นำท่านชม พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติ (National History Museum) สถานที่เก็บรวบรวมสิ่งของวัตถุโบราณต่างๆ และหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในยุคต่างๆ ของชาติพันธุ์มองโกเลียที่บ่งบอกถึงเรื่องราวความเป็นอยู่ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของประเทศชาติ ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นได้จากเครื่องเล่น เครื่องดนตรี และเครื่องแต่งกายที่จัดแสดงไว้ รวมถึงสิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดท่านไม่ควรพลาดชมในพิพิธภัณฑ์คือมุมเรื่องราวของอดีตจักรพรรดิเจงกิสข่าน ซึ่งจัดแสดงไว้ให้เรียนรู้และเข้าใจง่ายเป็นอย่างดี
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน
บ่ายนำชม เมืองอูลันบาตาร์ เมืองหลวงยุคใหม่ของประเทศมองโกเลียที่ถูกสถาปนาให้เป็นศูนย์กลางทั้งทางด้านการเมืองการปกครองและด้านพุทธศาสนา เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ในระดับความสูง 1,310 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีแม่น้ำทูล ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักที่สำคัญไหลผ่านเมือง 

นำชมเมืองอูลันบาตาร์ ณ จุดชมวิวที่ อนุสรณ์สถานแห่งการต่อสู้ ไซซาน (Zaisan Memorial Hill) ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงทหารที่เสียชีวิตในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ข้างบนเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองอูลันบาตาร์ได้ทั้งเมืองอย่างสวยงาม 

เดินทางต่อไปชม จัตุรัสซุคบาทาร์ (Sukhbaatar Square) จัตุรัสใหญ่ใจกลางเมืองหลวงเป็นเสมือนศูนย์กลางของมองโกเลีย ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นของซุคบาทาร์ ผู้ประกาศอิสรภาพแก่มองโกเลียในปีค.ศ. 1921 ปิดท้ายวันด้วยการพาชม การแสดงพื้นบ้านของชาวมองโกเลีย เป็นการแสดงนาฎศิลป์ดนตรีและการเต้นรำ ขับร้อง การแสดงพื้นเมือง และการแสดงยิมนาสติกที่หาชมได้ยาก
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ 
ที่พักพัก Best Western Premier Tuushin Hotel  5* หรือเทียบเท่า
(คืนนี้เตรียมเสื้อผ้าเพื่อไปพักค้างคืนในกระโจมในวันพรุ่งนี้ 1 คืน) 
วันที่ 3อูลันบาตาร์ – อุทยานแห่งชาติเทอเรลจ์ (Terelj National Park)
เช้ารับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เทอเรลจ์ อุทยานแห่งชาติที่มีชื่ออีกแห่งหนึ่ง ชมหินเต่าและหินที่มีรูปร่างแปลกตาตลอดจนถ้ำลึกลับ ท่านสามารถเดินชมธรรมชาติ สูดอากาศบริสุทธิ์เสมือนราวกับว่ากำลังเดินอยู่บนเส้นทางแสนสวยงามปูพรมด้วยดอกไม้สีขาวสะอาดตา (หากเป็นฤดูหนาวช่วงเดือนตุลาคม-เมษายนจะเต็มไปด้วยหิมะขาวโพลน) 
ระหว่างทางนำท่านแวะถ่ายรูปกับเหยี่ยวที่ชาวมองโกเลียนำมาฝึกในการล่าสัตว์ขนาดเล็กเป็นอาหาร 
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน 
บ่ายนำท่านขี่ม้ามองโกล สู่ลานเทียบม้า จากนั้นเดินเท้าต่อสู่ยอดเขาเพื่อชม วัดแห่งการปฏิบัติสมาธิบนยอดเขา (Aryabal Monastery) ระหว่างทางเดินขึ้นท่านจะได้ข้อคิดทางธรรมตลอดเส้นทาง เมื่อเดินขึ้นจนถึงยอดเขาบริเวณวัด ท่านจะสามารถชมวิวทิวทัศน์จากด้านบนที่สวยงามของธรรมชาติและทิวเขาที่รายรอบ นำท่านแวะเยี่ยมชมความเป็นอยู่ของครอบครัวชนเผ่าเร่ร่อนที่เลี้ยงม้าและวัวเพื่อดำรงชีพในทุ่งกว้าง   
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ
ที่พักDeluxe Tourist Ger Camp เพื่อพักผ่อนตามอัธยาศัย 
วันที่ 4อุทยานแห่งชาติเทอเรลจ์ – อูลันบาตาร์
เช้ารับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของกระโจม

ได้เวลาพอสมควร นำท่านเดินทางกลับสู่เมืองอูลันบาตาร์ ระหว่างทางแวะชม อนุสาวรีย์เจงกิสข่านนักรบบนหลังม้า (Chinggis Khaan Statue) ตั้งสง่าอยู่อย่างโดดเด่น ภายในอาคารคอมเพล็กซ์ใต้อนุสาวรีย์เป็นที่จัดแสดงเรื่องราวและอัตชีวประวัติของเจงกิสข่านไว้อย่างน่าสนใจ อีกทั้งท่านสามารถขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์โดยรอบในบริเวณด้านบนของอนุสาวรีย์พร้อมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับมหาบุรุษเจงกิสข่านในระยะใกล้ 
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน 
บ่ายนำท่านชม พระราชวังฤดูหนาวของข่านโบกด์ (Winter Palace of Bogd Khaan) เป็นพระราชวังของข่าน     องค์สุดท้ายแห่งมองโกเลียที่ไม่ถูกทำลายลงโดยรัสเซีย ปัจจุบันถูกใช้เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงสิ่งล้ำค่าต่างๆ อาทิเช่น เครื่องราชบรรณาการที่ถูกส่งมาจากประเทศต่างๆ และพระพุทธรูปแนววัชรยานหลากหลายองค์ เป็นต้น 

นำท่านไปชม แหล่งผลิตสินค้าที่สร้างชื่อเสียงให้แก่มองโกเลียในตลาดส่งออกต่างประเทศ คือ ผลิตภัณฑ์จากแคชเมียร์ ที่นักท่องเที่ยวนิยมซื้อหาเป็นของที่ระลึก โดยพาแวะที่ร้านค้าปลีกของโรงงาน Gobi Cashmere Factory Shop 
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ 
ที่พักBest Western Premier Tuushin Hotel  5* หรือเทียบเท่า
วันที่ 5อูลันบาตาร์ – รถไฟสายทรานส์มองโกเลีย
เช้ารับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำชม วัดกานดาน (Gandan Monastery) ซึ่งเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดของประเทศและถือว่าเป็นวัดสำคัญของเมือง    อูลันบาตาร์ ศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธในประเทศมองโกเลีย สร้างโดยท่านข่านโบกด์ในปี ค.ศ.1835  ภายในวิหารใหญ่เป็นที่ประดิษฐานองค์พระอวโลกิเตศวรซึ่งสูงถึง 26.5 เมตร อันเป็นที่ศรัทธาของชาวพุทธอย่างมาก
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน  

อิสระให้ท่านช้อปปิ้งก่อนเดินทางสู่สถานีรถไฟ
13.45 น.นำท่านเดินทางสู่สถานีรถไฟอูลันบาตาร์ เพื่อเช็คอินขึ้นรถไฟ
15.22 น.รถไฟด่วนขบวนที่ 305 สายทรานส์ไซบีเรีย ออกเดินทางจากสถานีอูลันบาตาร์มุ่งหน้าสู่เมืองเอียร์คุตสก์ ประเทศรัสเซีย ขบวนนี้เป็นรถด่วนที่จะไม่จอดสถานีย่อยระหว่างอูลันบาตาร์และเอียร์คุตสก์ (15.22-14.37+1) แต่จะจอดเฉพาะสถานีหลักๆเท่านั้น

รถไฟจะแล่นผ่าน เมืองดาร์คกัน (Darkhan) ที่เป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ จากนั้นขบวนรถไฟแล่นต่อ ไปยัง เมืองซุคบาทาร์ (Sukhbaatar) ตั้งอยู่ห่างจากอูลันบาตาร์ประมาณ 379 กิโลเมตร ซึ่งเป็นเมืองชายแดนของมองโกเลียที่คณะต้องผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ณ บริเวณเขตชายแดนระหว่างประเทศมองโกเลียและรัสเซีย  (ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงในการผ่านขั้นตอนการตรวจเช็ค) 

จากนั้นรถไฟแล่นเข้าพรมแดนของประเทศรัสเซียสู่ เมืองเนาชกิ (Naushki) ซึ่งเป็นเมืองชายแดนของรัสเซีย ขบวนรถไฟเคลื่อนต่อไปแล่นเข้าสู่ เมืองอูลันอูเด (Ulan Ude) ตั้งอยู่ห่างจากเมืองเนาชกิประมาณ 245 กิโลเมตร  เป็นเมืองชุมทางรถไฟสำคัญที่รถไฟสายทรานส์มองโกเลียจะแยกจากสายทรานส์ไซบีเรีย ชาวเมืองอูลันอูเดเป็นชาวพื้นเมืองสืบเชื้อสายมาจากเผ่าพันธุ์มองโกล คือ ชาวบูเรียต ซึ่งเข้ามาตั้งถิ่นฐานในบริเวณแถบนี้ตั้งแต่ก่อนช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 13 ชาวบูเรียตนับถือพุทธศาสนานิกายทิเบต จึงมีวัดพุทธที่เป็นศูนย์กลางทางศาสนาในรัสเซียคือวัดอิโวลกินสก์ ดาซาน (Ivolginsk Datsan) ตั้งอยู่ในเมืองนี้ด้วย 

หมายเหตุ : การเดินทางสู่ชายแดน ก่อนถึงด่านชายแดนมองโกเลีย-รัสเซีย ประมาณ 30-45 นาที รถไฟจะปิดประตูห้องน้ำ กรุณาทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนถึงด่าน ที่ด่านดังกล่าวรถไฟจะจอดประมาณ 3 ชั่วโมง เพื่อทำการตรวจคนเข้าเมือง ตรวจสินค้าขนส่งระหว่างประเทศ บรรยากาศการตรวจค้นเป็นไปอย่างเข้มงวด 
เย็นรับประทานอาหารเย็นบนรถไฟ 

ค่ำคืนนี้นอนบนรถไฟ  เชิญท่านพักผ่อนอย่างอิสระตามอัธยาศัย (ระยะทางจากสถานีต้นทางอูลันบาตาร์ถึงสถานีปลายทางเอียร์คุตสก์ รวม 1,113 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางรวม 23 ชั่วโมง 15 นาที)
วันที่ 6ทรานส์ไซบีเรีย – เอียร์คุตสก์ – หมู่บ้านลิสเวียนกา 
เช้ารับประทานอาหารเช้าบนรถไฟ

เส้นทางทรานส์ไซบีเรีย เมื่อฟ้าสางท่านจะเห็นวิวทิวทัศน์ของหมู่บ้านของชาวไซบีเรียเกาะกลุ่มอยู่เป็นระยะๆ บ้านไม้ทาสี หน้าต่างหลากสีสัน ระยะทางจากอูลันอูเดไปเอียร์คุตสก์เป็นช่วงที่ทิวทัศน์สองข้างทางสวยงาม รถไฟจะวิ่งเลียบไปตามชายฝั่งตอนใต้ตามโค้งของทะเลสาบไบคาล ผ่านแนวเนินเขาสูงต่ำสลับไปมา จะเห็นผืนน้ำสีฟ้าในทะเลสาบกับฉากแนวป่าสนสีเขียว แต่ในช่วงฤดูหนาวพื้นน้ำจะกลายเป็นน้ำแข็ง ป่าสนจะถูกปกคลุมด้วยหิมะ ดูเป็นสีขาวโพลนไปทั่วบริเวณ ความงดงามประดุจภาพที่วาดไว้อย่างวิจิตรบรรจงดั่งนี้เอง จึงถูกกล่าวขานว่าเป็น “โค้งทองแห่งเส้นทางเอกไซบีเรีย” 
กลางวันรับประทานอาหารกลางวันบนรถไฟ
13.50 น.กรุณาเตรียมเก็บสัมภาระเพื่อเตรียมตัวลงจากรถไฟ
14.37 น.รถไฟจอดสถานีเอียร์คุตสก์ (Irkutsk) ตามเวลาท้องถิ่น (เวลาท้องถิ่นที่เอียร์คุตส์ช้ากว่ามองโกเลีย 1 ชั่วโมง และเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง)

เอียร์คุตสก์ เมืองที่สำคัญที่สุดในเขตไซบีเรียตอนใต้ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของทะเลสาบไบคาล เป็นศูนย์การติดต่อค้าขายระหว่างรัสเซียตะวันออก จีน มองโกเลียและทิเบต อีกทั้งเป็นประตูหน้าด่านที่จะไปยังทะเลสาบไบคาล

จากนั้นนำท่านเดินทางโดยรถยนต์สู่ ทะเลสาบไบคาล (Baikal Lake) ทะเลสาบน้ำจืดที่ลึกที่สุดในโลก (ลึกกว่า 1,637 เมตร) และเก่าแก่มากที่สุดในโลกโดยมีอายุถึง 25-30 ล้านปี ทะเลไบคาลได้รับสมญานามว่าเป็น “ไข่มุกแห่งไซบีเรีย”  หรือ “ดวงตาสีฟ้าแห่งไซบีเรีย” ความสวยงามของวิวทิวทัศน์ที่รื่นรมย์ ทำให้องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้ทะเลสาบไบคาลเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1996  ทะเลสาบแห่งนี้อยู่ห่างจากเมืองเอียร์คุตสก์ประมาณ 65 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 1 ชั่วโมง

เดินทางต่อสู่ หมู่บ้านลิสเวียนกา (Listvyanka Village) ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่หุบเขาริมทะเลสาบไบคาล ภายในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้มีกระท่อมไม้สร้างในรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบไซบีเรียที่สวยงามด้วยสีสันสดใส มักนิยมทาด้วยสีเขียวหรือสีฟ้าสดใสตัดด้วยสีขาว กรอบประตูหน้าต่างและชายคาแต่งลวดลายด้วยไม้แกะสลักฉลุลาย ให้บรรยากาศแบบสบายๆ สไตล์เมืองชนบทที่เต็มไปด้วยอากาศบริสุทธิ์สดชื่น
เย็นรับประทานอาหารเย็น
ที่พัก Anastasia Hotel 4* หรือเทียบเท่า
วันที่ 7ลิสเวียนกา – พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมไม้ – พิพิธภัณท์แห่งทะเลสาบไบคาล 
เช้ารับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม                                                                                                                                                                 
นำท่านเดินทางไปชม พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมไม้ (Museum of Wooden Architecture Taltsy”) พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่กลางแจ้งและจัดแสดงอาคารบ้านเรือนเก่าที่เป็นเอกลักษณ์ชนเผ่าดั้งเดิม 4 เผ่า ภายในแสดงถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไซบีเรียชนบทในสมัยก่อน โดยจะมีโบสถ์ไม้ โรงเรียน บ้านเรือน ฟาร์ม คอกสัตว์ และอื่นๆ 

เดินทางกลับสู่หมู่บ้านลิสเวียนกา เพื่อไปชม ก้อนหินหมอผี (Shaman Rock) ตำนานต้นกำเนิดของแม่น้ำแองการ่า (Angara River) ปากแม่น้ำที่กว้างที่สุดในโลก (มีความกว้าง 863 เมตร ลึก 4-6 เมตร) กลางแม่น้ำแองการ่ามีก้อนหินที่มีตำนานกล่าวไว้ว่า ไบคาลโยนหินก้อนใหญ่นี้เพื่อขัดขวางลูกสาวนามว่า แองการ่าที่วิ่งออกไปหาคนรัก เยนิสเซ่ (Enisey หรือ แม่น้ำไซบีเรีย) คนโบราณเชื่อว่าตรงที่ก้อนหินนั้นตั้งอยู่เป็นสถานที่ทำพิธีกรรมของหมอผี ก้อนหินนี้จะมีพลังมหัศจรรย์และเชื่อว่าที่นี่คือบ้านของพระเจ้าแองการ่า ผู้คนยังใช้สถานที่แห่งนี้ในการตัดสินการกระทำผิดของอาชญากร โดยทิ้งผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นอาชญากรไว้ที่บริเวณก้อนหินนี้ในค่ำคืนที่มีพายุกระหน่ำรุนแรงท่ามกลางความหนาวเย็น หากเขาสามารถรอดพ้นจากความกลัวและการถูกแม่น้ำพัดพาและไม่หนาวตายเสียก่อน ชาวบ้านจะถือว่าเขานั้นได้รับการให้อภัย 
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน
บ่ายนำชม พิพิธภัณท์แห่งทะเลสาบไบคาล (Baikal Museum) ซึ่งเป็นพิพิธภัณท์ขนาดเล็กที่จัดแสดงสัตว์บกและสัตว์น้ำสายพันธุ์ที่พบเห็นได้ในแถบไบคาลและไซบีเรีย และความเป็นมาของทะเลสาบไบคาล 

จากนั้นนำท่านขึ้นเคเบิ้ลคาร์สู่ ยอดเขาเชอร์สโคโก้ (Cherskogo Peak) ที่ตั้งอยู่ในระดับความสูง 2,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นจุดชมวิวทะเลสาบไบคาลและแหล่งต้นน้ำของแม่น้ำแองการ่า  ในช่วงฤดูหนาวที่นี่ยังเป็นสถานที่เล่นสกีของชาวไซบีเรียอีกด้วย

นำท่านชม โบสถ์เซ็นต์นิโคลัส (St. Nicholas Church) ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของหมู่บ้านลิสเวียนกา ภายในมีการตกแต่งอย่างเป็นธรรมชาติซึ่งจะแตกต่างจากโบสถ์แบบรัสเชียนออโธด็อกซ์ทั่วไป  พร้อมรับฟังตำนานเรื่องเล่าความเป็นมาของการสร้างโบสถ์หลังนี้ที่น่าอัศจรรย์ใจ

นำท่านเดินไปชม Retro Park สวนสวยสไตล์เรโทรของครอบครัว Ospisov ที่รวบรวมรถโบราณหายากทั้งสมัยยุคโซเวียตและรถเก่าแก่ของอเมริกา ที่ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์นัก แต่ก็จัดว่าเป็นรุ่นที่หาดูได้ยาก  และในบริเวณเดียวกันนั้นท่านจะได้พบกับคนส่งนม นายสถานี คุณผู้หญิงกับสุนัข และอีกหลากหลายชิ้นงาน
ประติมากรรมที่ดัดแปลงจากเหล็ก ให้กลายเป็นงานศิลปะที่ทั้งประหลาดและน่ารัก
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ
ที่พักAnastasia Hotel 4* หรือเทียบเท่า
วันที่ 8ทะเลสาบไบคาล - พิพิธภัณฑ์แมวนํ้า (Nerpinarium) - เอียร์คุตสก์
เช้ารับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

หลังอาหารเช้า เชิญท่านเดินเล่นเลียบทางริมทะเลสาบ ชมทัศนียภาพของทะเลสาบที่สวยงามยามเช้า 

นำท่าน ล่องเรือชมทะเลสาบไบคาล ชมทัศนียภาพโดยรอบตามแนวขอบเกาะแก่งของทะเลสาบ สัมผัสกับไอเย็นของน้ำในทะเลสาบที่ต่ำกว่า 15 องศาตลอดปี 


นําท่านชม พิพิธภัณฑ์แมวนํ้า (Nerpinarium) ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 2004 ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ทั้งในหมู่ชาวเมืองเอียร์คุตสก์และนักท่องเที่ยวจากที่ต่างๆ ชมการแสดงโชว์ของแมวน้ำไบคาลหรือเนอรป์า (Nerpa) แมวนํ้าที่ตัวเล็กที่สุดในสายพันธุ์ พบเฉพาะในเอียร์คุตสก์เท่านั้น แมวน้ำไบคาลหรือเนอรป์ามีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว ฉลาด แสนรู้ และอายุยืนยาวถึง 60 ปี พบกับความน่ารักของแมวน้ำเนอร์ปากับความสามารถทางด้านศิลปะ (วาดรูป)
 
นำท่านชม ตลาดขายปลาและขายของที่ระลึก (Fish & Souvenir Market) ที่ตั้งอยู่ในบริเวณริมทะเลสาบ หากมาที่นี่ต้องลิ้มลองปลาโอมุล ซึ่งหาได้ง่ายเฉพาะในทะเลสาบไบคาล มีแผงร้านค้าของบรรดาพ่อค้าแม่ค้านำมาย่างขายให้เลือกซื้อหารับประทานอยู่มากมาย
กลางวันได้เวลาพอสมควร เดินทางกลับสู่ เมืองเอียร์คุตสก์ (Irkutsk) เมืองเอกแห่งเขตรัสเซียตะวันออก เป็นศูนย์กลางทั้งด้านการค้าและการบริหารปกครองที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1651 นั่งรถผ่านชมตัวเมืองที่มีความงดงามทางด้านสถาปัตยกรรมของตัวอาคารเก่า บ้านเรือนไม้ โบสถ์ วิหาร ที่ตกแต่งประดับประดาขอบประตู หน้าต่าง หน้าบันได ตลอดจนผนังและส่วนต่างๆ ของอาคารในรูปแบบของงานไม้แกะสลักฉลุลวดลายสวยงามตามแบบฉบับไซบีเรีย เป็นหนึ่งในเมืองที่ทรงคุณค่าในด้านการอนุรักษ์มรดกทางศิลปะวัฒนธรรมของไซบีเรีย สมกับที่ได้รับฉายานามว่า “ปารีสแห่งไซบีเรีย”      

จากนั้นนำชม บ้านกบฎเดือนธันวาคม (Decembrist Museum) ปัจจุบันถูกจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงเรื่องราวของเจ้าของบ้านและภรรยาที่ติดตามสามีที่ถูกเนรเทศมาอยู่ที่ดินแดนไซบีเรียอันไกลโพ้นแห่งนี้
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ 
ที่พักCourtyard Marriott Hotel 4* หรือเทียบเท่า
วันที่ 9เอียร์คุตสก์  
เช้ารับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม

นำท่านชม เมืองเอียร์คุตสก์ อาทิ คริสตจักรของพระผู้ช่วย (Church of the Saviour: Spasskaya)  หนึ่งในโบสถ์ที่สวยที่สุดตั้งอยู่ในใจกลางเมืองแห่งประวัติศาสตร์ของเอียร์คุตสก์ โครงสร้างเป็นอาคารหินเก่าแก่ที่สุดที่มีอยู่ในปัจจุบัน การก่อสร้างเริ่มในปีค.ศ. 1706 ด้านขวามีป้อมที่ทำจากไม้มีหอระฆังที่มีความสูง 42 เมตร 
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน
บ่ายผ่านชมย่าน คีรอฟสแควร์ (Kirov Square) ย่านการค้าสำคัญของภูมิภาค ชมตลาดท้องถิ่นและสวนสาธารณะ ชม อนุสาวรีย์เปลวไฟนิรันดร์ บริเวณริมแม่น้ำแองการ่า ชมป้อมไม้ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ป้องกันสัตว์ป่า และใช้เป็นที่เก็บข้าวของ ทองคำ เงินและสิ่งทอจากการค้าในอดีต
เย็นรับประทานอาหารเย็น
21.00 น.เดินทางสู่สนามบินเอียร์คุตสก์ เพื่อเตรียมตัวเช็คอินสำหรับเที่ยวบินภายในประเทศ
วันที่ 10เอียร์คุตสก์ – เมืองวลาดิวอสต็อก
00.45 น.เหินฟ้าสู่ เมืองวลาดิวอสต็อก โดยสายการบิน S7 airlines เที่ยวบินที่ S7-6339 (00.45-06.45) (ใช้เวลาบิน 4 ชั่วโมง)
06.45 น.เดินทางถึง สนามบินวลาดิวอสต็อก ตามเวลาท้องถิ่น (เวลาท้องถิ่นที่วลาดิวอสต็อกเร็วกว่าเวลาที่เอียร์คุตสก์ 2 ชั่วโมง และเร็วกว่าเวลาที่ประเทศไทย 3 ชั่วโมง) หลังจากรับกระเป๋าสัมภาระเรียบร้อยแล้ว

นำท่านเดินทางมุ่งหน้าเข้าสู่ ใจกลางเมืองวลาดิวอสต็อก เพื่อนำไป รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม เช็คอินเข้าสู่โรงแรมที่พักเพื่อพักผ่อนตามอัธยาศัย Hyundai Hotel 4*หรือเทียบเท่า
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน 
บ่ายนำท่านชมเมืองวลาดิวอสต็อก เมืองซึ่งถูกขนานนามว่าเป็น “เจ้าผู้ครองดินแดนตะวันออก” (Lord of the East) ด้วยที่ว่าลักษณะทางภูมิศาสตร์ ตำแหน่งที่ตั้งที่อยู่ติดมาทางขอบริมสุดดินแดนตะวันออกไกลของรัสเซียติดกับทะเลญี่ปุ่นแห่งมหาสมุทรแปซิฟิก ที่เหมาะกับการใช้เป็นเมืองศูนย์กลางทั้งทางด้านการปกครองและด้านเศรษฐกิจ จึงไม่แปลกที่เมืองใหม่ที่มีอายุเพียง 150 กว่าปีอย่างวลาดิวอสต็อกเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ชมอาคารบ้านเรือนสองข้างทางที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบยุโรปในสมัยปลายศตวรรษที่ 19 ชมความงดงามของ อ่าวเขาทอง (Golden Horn Bay) ที่มีเรือสินค้าและเรือรบต่างเทียบท่าและทอดสมอเรียงรายอยู่ทั่วบริเวณ เมื่อมองย้อนกลับเข้าไปบนฝั่งจะเห็นวิวฉากหลังเป็นเมืองมีตึกอาคาร บ้านเรือน ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงต่ำกระจายอยู่ทั่วเนินต่างๆ  

พาเยือน สถานีรถไฟวลาดิวอสต็อก (Vladivostok Train Station) ที่สุดของจุดหมายปลายทางเส้นทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรีย เพื่อชมเสาทองแดงนกอินทรีสองเศียรบนแท่งคอนกรีตรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ทุกด้านของแท่งคอนกรีตมีตัวเลขนูน 9288 มีอักษรจารึกเป็นภาษารัสเซียว่า “ทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียสิ้นสุด ณ ที่นี้ ระยะทางจากกรุงมอสโคว์ 9,288 กม.”

ตามต่อด้วยนำเยือน จัตุรัสบอร์ซอฟเรฟวาลูซี (Ploshchad Bortsov Revolutsy) บนถนนสเว็ตลันสกาย์ หนึ่งในสัญลักษณ์เด่นของเมืองวลาดิวอสต็อก อนุสาวรีย์นักรบเพื่อครองอำนาจโซเวียตในตะวันออกไกล (Monument to the Fighters for Soviet Power in the Far East) ซึ่งตั้งหันหน้าไปทางอ่าวเขาทอง 

เดินทางเข้าสู่ที่พักเพื่อพักผ่อนอย่างอิสระตามอัธยาศัย
เย็นรับประทานอาหารเย็น 
ที่พักHyundai Hotel 4* หรือเทียบเท่า
วันที่ 11เมืองวลาดิวอสต็อก
เช้ารับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม 

นำท่านชม พิพิธภัณฑ์อาร์เซเนฟ (Arseneu Regional Museum) บนถนนสเว็ตลันสกาย์ ซึ่งตั้งชื่อตามนักชาติพันธุ์วิทยาที่มีชื่อเสียงในยุคปลายศตวรรตที่ 19 ภายในพิพิธภัณฑ์นอกจากจะจัดแสดงประวัติศาสตร์เมืองแล้ว ยังมีสัตว์ป่าที่หาดูได้ยาก อาทิเช่น เสือดาวไซบีเรีย (เสือดาวอามูร์) เสือโคร่งไซบีเรีย (เสือโคร่งอามูร์) อีกด้วย 
ต่อด้วยการชม พิพิธภัณฑ์ป้อมปืนวลาดิวอสต็อก (Vladivostok Fortress Museum) ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาชายอ่าวอามูร์สกี้ (Amursky Gulf) ที่นี่จะมีการยิงปืนใหญ่เป็นสัญญาณบอกเวลาทุกเที่ยงวัน ซึ่งเป็น 1 ใน 3 เมืองของรัสเซียที่มีการยิงปืนใหญ่เช่นนี้ (อีกสองเมืองคือเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์กและกาลินินกราด) พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ใช้จัดแสดงรูปแบบของป้อมปืนต่างๆ ที่มีอยู่รอบเมืองวลาดิวอสต็อก
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน
บ่ายนำชม ประตูของเจ้าชาย ซาร์ นิโคลัสที่ 2 Triumphal Arch for Tsar Nicholas II สร้างขึ้นในช่วง ค.ศ.1891 เพื่อรำลึกถึงองครัชทายาทแห่งบัลลังก์ของซาร์ ได้รับการขนานนามว่าเป็นประตุที่สวยงามที่สุดในเมืองวลาดิวอสต็อก

ถ่ายรูปยามเย็นคู่กับ สะพานรุสสกี Russky Bridge สะพานข้ามข้ามช่องแคบบอสฟอรัสตะวันออก เป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างเมืองวลาดิวอสต็อก และ เกาะรุสสกี สะพานสร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อเดือนกรกฎาคม ปีค.ศ. 2012 และเปิดอย่างเป็นทางการโดยนายกรัฐมนตรีรัสเซียดมีตรี เมดเวเดฟ เมื่อวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 2012 ปัจจุบันเป็นสะพานขึงที่ยาวที่สุดในโลก
เย็นรับประทานอาหารเย็น
ที่พักHyundai Hotel 4* หรือเทียบเท่า
วันที่ 12เมืองวลาดิวอสต็อก – เอียร์คุตสก์ – กรุงเทพฯ
เช้ารับประทานอาหารเช้าแบบกล่อง Breakfast Box 

เดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติวลาดิวอสต็อก เตรียมเช็คอินสำหรับเที่ยวบินภายในประเทศ
07.40 น.เหินฟ้าสู่ เอียร์คุตสก์ โดยสายการบิน เอส 7 แอร์ไลน์ (S7) เที่ยวบินที่ S7-6340 (07.40-10.00) (ใช้เวลาบิน 4 ชั่วโมง 20 นาที)
10.00 น.เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติเอียร์คุตสก์ รอเปลี่ยนเครื่องเพื่อเดินทางต่อไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ
14.30 น.เหินฟ้าสู่ กรุงเทพฯ ประเทศไทย โดยสายการบิน เอส 7 แอร์ไลน์ (S7) เที่ยวบินที่ S7-6309 (14.30-20.10)  (ใช้เวลาบิน 6 ชั่วโมง 40 นาที)
20.10 น.เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ


อัตราค่าบริการราคา
ราคาต่อท่านสำหรับรอบการเดินทางที่ : 25 กันยายน - 06 ตุลาคม 2567 179,000 บาท
 TE357-001: โปรแกรมทัวร์รถไฟสายทรานส์ไซบีเรีย เส้นทางรถไฟสายโรแมนติกที่ยาวที่สุดในโลก 12 วัน 10 คืน (OM)แสดง รายละเอียด

ดาวน์โหลดใบจอง
   
            ดาวน์โหลดใบจอง (Word)       ดาวน์โหลดใบจอง (PDF)

เงื่อนไขในการจอง

อัตราค่าบริการรวม
  • ตั๋วเครื่องบินชั้นประหยัดเส้นทาง : BKK-HKG-ULN โดยสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค
  • ตั๋วเครื่องบินชั้นประหยัดเส้นทาง : IKT–VVO-IKT-BKK โดยสายการบิน S7 แอร์ไลน์  
  • โรงแรมที่พักระดับมาตรฐาน แบบพักห้องคู่ : มองโกเลีย 3 คืน ไบคาล 2 คืน เอียร์คุตสก์ 1 คืน และวลาดิวอสต็อก 3 คืน รวมถึงพักในกระโจม 1 คืน และพักบนรถไฟอีก 1 คืน รวม 11 คืน
  • ค่าตั๋วรถไฟแบบชั้นหนึ่ง Deluxe Class พัก 2 เตียงต่อห้อง (เนื่องจากจำนวนที่นั่งแบบ Deluxe Class มีจำนวนจำกัด 
    หากไม่สามารถจองได้บริษัทฯ จะจัดเป็นรถไฟแบบชั้นสอง 4 เตียงต่อห้อง โดยจะจัดให้พัก 2 ท่านต่อห้อง)
  • ค่าอาหารทุกมื้อตามที่ระบุในรายการ 
  • ค่าภาษีสนามบินทุกแห่ง
  • ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ ตามที่ระบุในรายการ 
  • ค่ามัคคุเทศก์ท้องถิ่น ( พูดภาษาอังกฤษ ) และหัวหน้าทัวร์จากเมืองไทย
  • ค่าพาหนะในการเดินทางพร้อมนำทัศนาจรตลอดเส้นทาง
  • ค่าขนย้ายสัมภาระกระเป๋าเดินทางท่านละ 1 ใบ น้ำหนักไม่เกิน 20 กิโลกรัม
  • ค่ากรมธรรม์ประกันอุบัติเหตุการเดินทาง ตามเงื่อนไขกรมธรรม์วงเงิน 1 ล้านบาท
  • ค่าทิปไกด์ท้องถิ่นและคนขับรถ
  • ค่าทิปพนักงานยกกระเป๋าที่สถานีรถไฟอูลันบาตาร์และสถานีเอียร์คุตสก์
อัตราค่าบริการไม่รวม
  • ค่าขนกระเป๋าเดินทางน้ำหนักเกิน 20 กิโลกรัม อาจเสียค่าขนส่งเพิ่ม
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัว อาทิ ค่าโทรศัพท์ ค่าซักรีด ค่าเครื่องดื่ม อื่นๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้ในรายการ
  • ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% / ค่าภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%
  • ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ไทย
  • ค่าพนักงานยกกระเป๋าในโรงแรม
การจองและการชำระเงิน
  • สำหรับท่านที่สนใจเดินทาง กรุณาส่งสำเนาหน้าพาสปอร์ตที่มีอายุเหลือเกินกว่า 8 เดือน ก่อนวันเดินทาง พร้อมชำระค่ามัดจำ จำนวน 80,000 บาท ต่อผู้โดยสารหนึ่งท่านสำหรับการจองทัวร์
  • ส่วนที่เหลือเก็บทั้งหมดก่อนเดินทางอย่างน้อย 30 วันทำการ  เพื่อทำการออกตั๋วเครื่องบินและตั๋วรถไฟจากต่างประเทศ
เงื่อนไขการยกเลิก
  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง 45 วัน คืนค่าใช้จ่ายทั้งหมด ( ยกเว้น กรุ๊ปที่เดินทางช่วงวันหยุดหรือเทศกาลที่ต้องมัดจำกับทางสายการบินหรือมีการมัดจำค่าที่พัก ทั้งโดยทางตรง หรือ โดยการผ่านตัวแทนในต่างประเทศ และ  ไม่อาจขอเรียกคืนเงินได้ )
  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง 30-44 วัน เก็บค่าดำเนินการท่านละ 50,000 บาท 
  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง 30 วัน เก็บค่าใช้จ่ายท่านละ 80,000 บาท หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ และค่าตั๋วที่ไม่สามารถเรียกคืนได้ 
  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง 1-29 วัน เก็บค่าบริการทั้งหมด 100%
เงื่อนไขต่างๆ
  • บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์การเปลี่ยนแปลงโปรแกรม ราคา และเงื่อนไขทั้งหมดตามความเหมาะสม เนื่องจากความล่าช้าของสายการบิน โรงแรมที่พักในต่างประเทศ เหตุการณ์ทางการเมืองและภัยธรรมชาติ ฯลฯ ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของทางบริษัทฯหรือค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่เกิดขึ้นทางตรงหรือทางอ้อม เช่น การเจ็บป่วย ถูกทำร้าย สูญหาย ความล่าช้า หรือจากอุบัติเหตุต่างๆ ทั้งนี้ บริษัทฯจะคำนึงถึงความปลอดภัยและความสะดวกของผู้เดินทางเป็นสำคัญ        
  • บริษัทฯ ไม่รับผิดชอบในกรณีที่กองตรวจคนเข้าเมือง ห้ามผู้เดินทางเข้าประเทศ เนื่องจากมีสิ่งผิดกฎหมาย หรือสิ่งของห้ามนำเข้าประเทศ เอกสารเดินทางไม่ถูกต้อง หรือความประพฤติส่อไปในทางเสื่อมเสีย หรือด้วยเหตุผลใดๆก็ตามที่กองตรวจคนเข้าเมืองพิจารณาแล้ว บริษัทฯไม่อาจคืนเงินให้ท่านได้ ไม่ว่าจำนวนทั้งหมดหรือบางส่วน
  • บริษัทขอสงวนสิทธิ์ที่จะเลื่อนการเดินทางในกรณีที่มีผู้ร่วมคณะไม่ครบตามจำนวนที่กำหนดไว้
  • การไม่รับประทานอาหารบางมื้อหรือไม่เที่ยวตามรายการ ไม่สามารถขอหักค่าบริการคืนได้ เพราะการชำระค่าทัวร์เป็นไปในลักษณะเหมาจ่าย
  • การตอบตกลง ท่านต้องรับทราบเงื่อนไขต่างๆ ที่ทางบริษัทฯได้กำหนดไว้
ข้อแนะนำการเดินทางไปเที่ยวไซบีเรีย - มองโกเลีย
  • การเดินทาง  การเดินทางโดยรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียและทรานส์มองโกเลีย รถไฟจะจอดหยุดพักตามสถานีต่างๆ เวลาที่จอดจะมากน้อยต่างกัน โดยเฉลี่ยประมาณ 10-15 นาที ขบวนที่ใช้ในโปรแกรมเป็นขบวนด่วน ใช้เวลาเดินทางประมาณ  24 ชั่วโมง รวมการจอดที่ด่านชายแดนระหว่างประเทศ 
  • ภาษา ในแถบไซบีเรียจะมีการใช้ภาษาท้องถิ่นควบคู่ไปกับภาษารัสเซีย และโอกาสที่จะใช้ภาษาอังกฤษยากกว่าในเมืองใหญ่ๆ อย่างกรุงมอสโคว์หรือเมืองเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์ก หากมีหนังสือคู่มือภาษารัสเซียฉบับพกพาหรือดิกชั่นนารีก็จะช่วยให้การสื่อสารสะดวกมากขึ้น 
  • อาหารการกิน  อาหารบนรถไฟมักเป็นอาหารสำเร็จรูปประเภทที่ทำง่าย สามารถทานได้ทันที โดยใช้น้ำร้อน เพราะตู้รถไฟมีน้ำร้อนไว้ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง แต่ไม่มีไมโครเวฟหรือเตาอบให้บริการ (นอกจากบางครั้งมีในห้องโปรว็อดนิก้า แต่ต้องตีสนิทเพื่อขอใช้) ทางบริษัทฯ จะเตรียมเสบียงอาหารจำพวก ชา กาแฟ หรืออาหารสำเร็จรูปให้ไว้เสริมจากการรับประทานในตู้เสบียงอาหารบนรถไฟซึ่งมีเมนูจำกัด  อาหารที่มองโกเลียส่วนใหญ่จะทานเป็นเนื้อวัว เนื้อแพะ เนื้อไก่ ส่วนเนื้อปลาและอาหารทะเลมีน้อยและราคาแพง เนื่องจากเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกทางทะเล  ผักก็หาทานได้ยากเพราะปลูกได้เพียงมันฝรั่ง มะเขือเทศ  แต่ปัจจุบันมองโกเลียมีการนำเข้าสินค้าประเภทอาหรจำพวกพืชผักและอาหารทะเลมาจากต่างประเทศมากขึ้น
  • ฤดูกาลน่าเที่ยว  ช่วงที่น่าเที่ยวไซบีเรียเป็นช่วงฤดูร้อนคือตั้งแต่พฤษภาคมถึงกันยายน  แต่เดือนกันยายนจะเป็นเดือนที่รถไฟแน่นที่สุด เพราะมีวันหยุดประจำปีของรัสเซียเยอะ ช่วงกลางฤดูร้อนคือกรกฎาคมถึงสิงหาคม อากาศในเวลากลางวันอาจจะร้อนสูงถึง 40 องศาเซลเซียส แต่ก็เป็นเดือนที่ชุ่มฉ่ำที่สุดด้วยเหมือนกัน หากต้องการความโรแมนติค แนะนำให้ไปช่วงปลายกันยายนถึงต้นตุลาคมซึ่งเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้จะเปลี่ยนสีสวยสดงดงาม ส่วนระหว่างเดือนธันวาคมถึงเมษายน เป็นช่วงฤดูหนาว ทะเลสาบไบคาลจะเป็นน้ำแข็งหนากว่า 1 เมตร  ที่ไซบีเรียจะเต็มไปด้วยหิมะ อุณหภูมิช่วงเดือนมีนาคมติดลบประมาณ (-4) ถึง (-9) องศา ส่วนช่วงเดือนเมษายน ประมาณ 1 ถึง 7 องศา เดือนพฤษภาคม-มิถุนายน ประมาณ 23 ถึง 6 องศา ส่วนปลายเดือนกันยายน-ตุลาคม ประมาณ 1 ถึง (-7) องศา  
  • สิ่งที่ควรเตรียมไป  นอกจากเสื้อผ้าที่ต้องเลือกให้เหมาะสมกับฤดูกาลแล้ว ขอแนะนำให้ใช้เสื้อผ้าที่สวมใส่สบาย เพราะเวลาอยู่บนรถไฟห้องที่ใช้ทั้งนอนและนั่งเล่นจะมีขนาดจำกัด ส่วนกางเกงควรจะเป็นกางเกงวอร์มหรือกางเกงที่ถอดง่าย เพื่อสะดวกเวลาเข้าห้องน้ำในรถไฟ แต่ไม่ควรนำเสื้อผ้าไปเยอะเกินความจำเป็น ส่วนของใช้อื่นๆ ที่ควรนำมาด้วย คือ อาหารสำเร็จรูป เพื่อทานระหว่างวัน เช่น บะหมี่สำเร็จรูป อาหารแห้ง ขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่มสำเร็จรูปพร้อมชง (เนื่องจากอาหารบนรถไฟค่อนข้างแพง และต้องใช้เงินสกุลรัสเซีย (รูเบิ้ล) เท่านั้น และหากท่านพูดภาษารัสเซียไม่ได้ยิ่งลำบากในการสั่งอาหาร) ถ้วยที่ใส่น้ำร้อนได้ ช้อน ส้อม กระดาษทิชชู่แบบแห้ง แบบเปียก รองเท้าแตะ เป็นต้น
  • สัมภาระ  การเดินทางโดยรถไฟสายทรานส์ไซบีเรีย ไม่ควรนำสัมภาระไปมากกว่า 2 ชิ้น (กระเป๋าใบใหญ่ 1 ใบเล็ก 1 ใบ) กระเป๋าใบใหญ่ต้องมีขนาดพอเหมาะ เพราะมีพื้นที่ให้วางจำกัดมาก ข้างใต้เบาะที่นั่งจะเป็นพื้นที่วางสัมภาระหลัก ซึ่งขนาดของพื้นที่นี้ไม่เกินความกว้าง 50 ซ.ม. ความสูง 40 ซ.ม. และความยาว 110 ซ.ม.  แต่ยังมีที่วางสัมภาระเพิ่มเติมบริเวณช่องว่างเหนือประตู ซึ่งเหมาะกับผู้ที่จองที่นอนเตียงบน (ในกรณีที่เดินทางโดยรถไฟชั้น 2 จะนอนห้องละ 4 คน แบ่งเตียงบน เตียงล่าง ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา)
  • ห้องน้ำ  ในตู้รถไฟทุกโบกี้จะมีห้องน้ำอยู่ต้นขบวนและท้ายขบวน ความสะอาดจัดอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้ เนื่องจากมีโปรว็อดนิก้า (เจ้าหน้าที่ประจำโบกี้) คอยดูแลรักษาตลอด ประตูห้องน้ำจะถูกล็อคทุกครั้งเมื่อขบวนรถไฟใกล้จะจอดตามสถานีต่างๆ โดยเฉพาะที่ด่านชายแดนทั้งสองประเทศที่ต้องจอดนานเนื่องจากเจ้าหน้าที่จะทำการตรวจคนเข้าและออกเมือง (ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ  3 ชั่วโมง) ห้องน้ำจะมีขนาดไม่ใหญ่มากนัก มีอุปกรณ์ที่จำเป็นครบครัน เช่น โถนั่งชักโครก อ่างล้างหน้าขนาดเล็ก กระจก กระดาษทิชชู่  แต่ที่สำคัญคือจะไม่มีห้องอาบน้ำ (หากจำเป็นต้องอาบน้ำอาจต้องหาภาชนะรองน้ำจากอ่างล้างหน้าตักอาบแทน แต่ต้องระวังเรื่องปริมาณน้ำที่อาจระบายไม่ทัน)
  • ข้อแนะนำก่อนการเดินทาง  เนื่องจากการเดินทางต้องใช้เวลาบนรถไฟประมาณ 25 ชั่วโมง จึงควรติดเกม หรือหนังสือที่ชื่นชอบไปไว้อ่านเล่น หรือหากใครชอบฟังเพลงให้ติดเครื่องเล่นวิทยุหูฟังไปด้วย หากต้องใช้ไฟฟ้าจะมีที่เสียบไฟอยู่ในห้อง และตรงบริเวณทางเดิน ควรนำตัวแปลงไฟ (Adaptor) ไปด้วย ปลั๊กไฟของมองโกเลีย รัสเซีย และบนรถไฟจะใช้เป็นระบบ 220 โวลต์ แบบขากลม 2 ขา
  • ข้อควรระวัง  เป็นปกติของการโดยสารรถไฟที่ต้องระวังทรัพย์สินมากเป็นพิเศษ ไม่ควรวางทรัพย์สินห่างตัวไม่ว่าเวลาใด และหากต้องโดยสารร่วมห้องกับเพื่อนร่วมห้องต่างเพศ (เนื่องจากการขายตั๋วที่นั่งของรถไฟทรานส์ไซบีเรีย ไม่แบ่งแยกชาย-หญิง) ต้องระวังตามแต่สถานการณ์และความเหมาะสม แต่เท่าที่สัมผัสมาชาวรัสเซียที่พบในระหว่างการเดินทางส่วนใหญ่มีอัธยาศัยไมตรีที่ดี  

ค้นหา
คำค้น
ช่วงเวลา
รายการทัวร์
ค้นหา


 

Add line Triple Enjoy