รายละเอียดทัวร์

www.TripleEnjoy.com
by Double Enjoy Travel Co., Ltd.

300/50 Nawamin Road, Nawamin, Buengkum, BKK 10240
Tel: 02-379-2955  Hotline: 099-130-6886  Fax: 02-379-1163 (Auto)

 Website: www.tripleenjoy.com   E-mail: [email protected]


 

Juristic Identification No. 0125554005216                                                               TAT License No. 11/05307


ทัวร์โมร็อกโก

TE361 : โปรแกรมทัวร์โมร็อกโก Grand Miracle Morocco 11 วัน 8 คืน (QR)


Qatar Airways (QR)
พิมพ์ พิมพ์ คัดลอก URL คัดลอก URL
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
ATLAS ESSAOUIRRA HOTEL
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
BARCELO HOTEL
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
DAR ECHAOUEN HOTEL
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
GRAND MAGADOR CITY CENTER HOTEL
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
LUXURY CAMP
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
OSCAR HOTEL
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
PALM PLAZA HOTEL & SPA

“โมรอคโค”

ดินแดนบนสุดขอบทวีปแอฟริกาตะวันตกเฉียงเหนือ ที่มีกลิ่นอายแห่งชาวแขกมัวร์ที่มีเอกลักษณ์พิเศษ 

ชนพื้นเมืองชาวแอฟริกันเบอร์เบอร์ ที่มีรูปแบบวัฒนธรรมผสมผสานกับตะวันตก ด้วยระยะทางที่ถูกคั่นด้วยช่องแคบยิบรอลต้า

“สัมผัสที่แตกต่าง นอนดูดาว เต้นท์หรู ขี่อูฐกลางทะเลทรายซาฮาร่า”
เที่ยวครบเมืองไฮไลต์ที่ เชฟเชาเอิน, เอซาเวร่า และ  เอลจาดีด้า
บินกับสายการบิน 5 ดาว พัก4-5 ดาว


กำหนดการเดินทาง

รหัสทัวร์วันที่เดินทางเดินทางโดยราคาเริ่มต้นสถานะ
TE361-00110-20 ต.ค. 67Qatar Airways (QR)129,900จองด่วน
TE361-00226 ธ.ค. 67-05 ม.ค. 68Qatar Airways (QR)129,900จองด่วน
 
รายละเอียดการเดินทาง

วันที่ 1กรุงเทพฯ – โดฮา
18.00 น.พร้อมกันที่สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ สายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ Qatar Airways (QR) แถว M ประตู 6
21.05 น.ออกเดินทางสู่ เมืองคาซาบลังก้า ประเทศโมรอคโค โดยเที่ยวบินที่ QR833 (2105-0005) (ใช้เวลาบินช่วงแรกประมาณ 7 ชั่วโมง) ท่านจะได้เพลิดเพลินกับจอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง 
วันที่ 2โดฮา – คาซาบลังก้า –  ราบัต – เชฟชาอูน  
00.05 น.ดินทางถึง สนามบินโดฮา รอเปลี่ยนเครื่องบินไปคาซาบลังก้า
01.35 น.บินต่อด้วยเที่ยวบิน QR4567 (0135-0730) ออกเดินทางไปคาซาบลังก้า บินต่ออีกประมาณ 7.55 ชั่วโมง มีบริการอาหารและเครื่องดื่มบนเครื่อง
07.30 น.เดินทางถึงสนามบินนานาชาติ Mohammed V International Airport เมืองคาซาบลังก้า (Casablanca) ประเทศโมรอคโค (เวลาท้องถิ่น ช้ากว่าประเทศไทย 7 ช.ม.) นำท่านผ่านตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร พบมัคคุเทศก์ท้องถิ่น 

นำท่านออกเดินทางสู่เมือง ราบัต (Rabat) ซึ่งมีระยะทาง94 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1ชั่วโมง นำท่านชมเมืองราบัต เมืองหลวงแห่งราชอาณาจักรมาตั้งแต่ปีค.ศ.1956 เมื่อโมรอคโคหลุดพ้นจากการเข้าแทรกแซงทางการเมืองของฝรั่งเศส และเป็นที่ตั้งของพระราชวังหลวง และทำเนียบทูตานุทูตจากต่างแดน เป็นเมืองสีขาวที่สะอาดและสวยงาม

จากนั้นชมสุเหร่าหลวง ที่ทุกเที่ยงวันศุกร์ กษัตริย์แห่งโมรอคโคจะทรงม้าจากพระราชวังมายังสุเหร่า เพื่อประกอบศาสนกิจ ชมสุสานของกษัตริย์โมฮัมเหม็ดที่ 5 พระอัยกาของกษัตริย์องค์ปัจจุบัน ซึ่งมีทหารยามยืนเฝ้าสง่าทุกประตู และเปิดให้คนทุกชาติทุกศาสนาเข้าไปเคารพพระศพที่ฝังอยู่เบื้องล่าง ด้านหน้าของสุสาน คือสุเหร่าฮัสซันที่เริ่มสร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 12 แต่ไม่สำเร็จ และพังลงจนเหลือแต่เพียงเสาไว้ 365 ต้น ในบริเวณกว้าง 183 x 139 เมตร

นำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองเชฟเชาเอิน (Chefchaouen) เมืองนี้ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงอีกแห่งและยังเป็นเมืองที่มีชายแดนติดกับสเปนด้วย ด้วยความที่รูปร่างลักษณะของยอดเขาของที่นี่เหมือนกับเขาแพะ (Chaoua) ดังนั้นชื่อเมือง Chefchaouen จึงมีความหมายที่ตรงตัวเลยว่า “มองที่เขาแพะนั่นซิ” ด้วยลักษณะเมืองที่อยู่บนภูเขา จึงทำให้นักท่องเที่ยวที่มานี่ต่างได้ลิ้มรสของความเงียบสงบ บรรยากาศโรแมนติก และได้สัมผัสถึงการพักผ่อนอย่างแท้จริง 
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ
ที่พักDAR ECHAOUEN HOTEL 4*, CHEFCHAOUEN หรือเทียบเท่า
วันที่ 3เชฟ เชาเอิน - เมืองโรมันโวลูบิลิส - เฟซ
เช้ารับประทานอาหารเช้า 

นำท่านเที่ยวชมเมือง เดินชมเมดิน่าของเมือง เชฟเชาเอิน ที่บ้านเรือนตกแต่งด้วยอาคารสีฟ้า รวมถึงนำท่านชม Plaza Uta El-Hamman ซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าและคาเฟ่ในบรรยากาศยามเย็น ที่นี่ยังมีชื่อเสียงทางด้านช้อปปิ้งอีกด้วย ที่มีทั้งสินค้าหัตถกรรมพื้นบ้านที่หาไม่ได้จากไหนในโมรอคโค เช่นเสื้อผ้าขนสัตว์ รวมทั้งชีสที่ทำจากแพะ อำลาเมือง เชฟ เชาเอิน สววรรค์บนดินแห่งท้องทะเลแอตแลนติก
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน 
บ่ายเดินทางไปยัง เมืองโบราณโรมันโวลูบิลิส (Roman city of Volubilis) ที่ปัจจุบันเหลือแต่ซากปรักหักพังที่เกิดจากแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงในปี ค.ศ. 1755 แต่ยังคงเห็นได้ถึงร่องรอยความยิ่งใหญ่ของเมืองในจักรวรรดิโรมันในอดีต จากวิหารเทพเจ้าของเมืองโบราณโวลูบิลิสท่านสามารถมองเห็นเมืองมูเลไอดริส  (Moulay Idriss) เมืองศูนย์กลางศาสนาอันศักดิ์สิทธิของชาวมุสลิมในโมรอคโค ทุกๆปี ช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายน จะมีเหล่านักจาริกแสวงบุญมาเยือนเมืองแห่งนี้เพื่อประกอบพิธีทางศาสนา เปรียบได้กับเมืองเมกกะของประเทศซาอุดิอารเบีย

นำท่านเดินทางต่อไปยังเมืองเฟซ (Fes) เป็นเมืองโบราณตั้งอยู่บนพื้นที่อุดมสมบูรณ์ที่ต่อจากเชิงเทือกเขารีฟ (Rif Mountain) ทางตอนเหนือกับเขตเทือกเขาแอตลาสตอนกลาง (Middle Atlas) มีแม่น้ำเฟส (River Fes) ไหลผ่านกลางเมือง  ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ(เมษายน-พฤษภาคม) จะเห็นดอกไม้ป่าสีสันสดใสขึ้นตลอดข้างทาง และที่นี่เป็นเมืองที่ยังคงมีบรรยากาศของเมืองโบราณที่ผู้คนยังใช้ลาเป็นพาหนะและบรรทุกของกันอยู่ ท่านจะได้สัมผัสบรรยากาศเมืองเก่าแก่ที่สุดในบรรดาเมืองหลวง
เก่าทั้งสี่แห่ง แต่สิ่งที่สำคัญของเมืองเฟสคือในปี ค.ศ.1981 องค์การยูเนสโกได้ประกาศให้เขตเมืองเก่าของเฟสเป็นเมืองมรดกโลกทางประวัติศาสตร์ 
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ
ที่พักBARCELO HOTEL 4*, FES หรือเทียบเท่า
วันที่ 4เฟซ (Fes) - เมดิน่าแห่งเฟส 
เช้ารับประทานอาหารเช้า

นำท่านเที่ยวชมเมืองเฟซ (Fes) เมืองหลวงเก่าในศ.ต. ที่ 8 ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ เป็นเมืองแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของโมรอคโค เริ่มด้วยจุดชมวิวบนป้อมปราการแห่งราชวงศ์ซาเดียน ต่อด้วยชมประตูพระราชวังแห่งเฟซ (The Royal Palace) ประตูทางเข้าพระราชวังเป็นสถาปัตยกรรมที่สวยและสง่างาม เป็นเอกลักษณ์แห่งราชวงศ์โมรอคโค บริเวณใกล้เคียงพระราชวังเคยเป็นชุมชนชาวยิวที่ทำรายได้ให้แก่ราชวงศ์ เพราะชาวยิวฉลาดทำการค้าเก่งแต่ปัจจุบันชาวยิวส่วนใหญ่ได้เดินทางกลับไปอยู่ในดินแดนแห่งพันธสัญญา (ประเทศอิสราเอล) คงเหลือชาวยิวอยู่ไม่มากนัก ชมชุมชนชาวยิว (The Synagouge) ที่มาอาศัยอยู่ตั้งแต่ในสมัยศ.ต.ที่ 7 ซึ่งกระจายอยู่ทุกเมืองในอดีต ชาวยิวเป็นชนชาติที่ขยัน ฉลาด ส่วนใหญ่มีอาชีพเป็นพ่อค้า จึงทำให้สุลต่านและกษัตริย์ในอดีตนำชาวยิวมาเป็นบริวารอยู่โดยรอบวัง เพื่อการเก็บภาษีจากการค้าได้ง่ายขึ้น 

จากนั้นนำท่านเดินทางเข้าสู่ท่านเดินเข้าสู่ เขาวงกตอันซับซ้อนแห่งเมดินาเมืองเฟซ ผ่านประตู Bab Bou Jeloud ที่สร้างตั้งแต่ปี 1913  ที่ใช้โมเสดสีฟ้าตกแต่ง เดินผ่านเข้าไปในเขตเมดิน่าแล้วเหมือนข้ามกาลเวลาย้อนสู่อดีต

นำท่านเดินผ่านตลาดสดขายข้างปลาอาหาร และผัก ผลไม้สดต่างๆนาๆ ชม เมเดอร์ซา บูอิมาเนีย (Merdersa Bou Imania) ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนพระคัมภีร์ เป็นสถาปัตยกรรมแบบมัวร์ที่สวยงามประณีต  ในเขตเมืองเก่าได้แบ่งออกเป็น 100 ส่วน มีซอยกว่า 10,000 ซอย มีซอยแคบสุดคือ 50 ซ.ม. ถึงกว้าง 3 เมตร จะแบ่งเป็นย่านต่างๆ เช่น ย่านเครื่องใช้ทองเหลือง ทองแดง จะมีร้านค้าเล็กๆที่หน้าร้านจะมีหม้อ กระทะ อุปกรณ์เครื่องครัว วางแขวนห้อยเต็มไปหมด ย่านขายพรม
ที่วางเรียงรายอย่างสวยงาม ย่านงานเครื่องจักสาน งานแกะสลักไม้ และย่านเครื่องเทศ (Souk El Attarine) ท่านจะได้สัมผัสทั้งรูป รสและกลิ่นในย่านเครื่องเทศที่มีการจัดเรียงสินค้าได้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม ระหว่างที่เดินตามทางในเมดิน่าท่านจะได้พบกับน้ำพุธรรมชาติ (Nejjarine Fountain) เพื่อให้ชาวมุสลิมให้ล้างหน้าล้างมือก่อนเข้าในบริเวณมัสยิด  นอกจากนี้ที่ตามซอกมุมอาจเห็นภาพชายสูงอายุหนวดเครารุงรังนั่งแกะสลักไม้ชิ้นเล็กๆอยู่บริเวณตามทางเดินแคบๆในเขตเมืองเก่า บางทีเราก็ยังจะเห็นผู้หญิงที่นี่สวมเสื้อผ้าที่ปิดตั้งแต่หัวจนถึงเท้าจะเห็นได้ก็เฉพาะตาดำอันคมกริบเท่านั้น 
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ในเมดิน่า
บ่ายนำท่านเดินต่อในเมดิน่าแห่งเฟส แวะชมสุสานของมูเล ไอดริสที่ 2 (Moulay Idriss Mausolem II) ที่ชาวโมรอคโคถือว่าเป็นแหล่งมาแสวงบุญที่ศักดิ์สิทธิ์  ผ่านชม สุเหร่าใหญ่ไคเราวีน (Kairaouine Mosque) ซึ่งเป็นทั้งมหาวิทยาลัยสอนศาสนาแห่งแรกของโมรอคโคและเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกเลยทีเดียว (เข้าด้านในได้เฉพาะผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามเท่านั้น)

จากนั้นนำท่านเดินชม ย่านเครื่องหนังและแวะชม บ่อฟอกและย้อมสีหนังแบบโบราณ ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมืองเฟส ถูกอนุรักษ์โดยองค์กรยูเนสโก้ ทั้งหมดนี้เป็นเสน่ห์ของการเดินเที่ยวชมเมืองที่ต้องเดินแหวกว่ายเข้าไปในกลุ่มคนชาวพื้นเมือง ช้อปปิ้งสินค้าท้องถิ่น เมืองเฟซจึงเป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดในการมาเยือนอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อท่านเดินผ่านประตูเข้าไปจะพบตรอกซอยเล็ก ๆ มากมาย วกวน ซับซ้อน ซึ่งยุคอิสลามเก่าแก่ถนนเมืองหลวงหลาย ๆ เมืองจะมีความเหมือนกันคือความวกวน ซับซ้อน เหมือนเขาวงกต ไม่แปลกที่หลายคนจะไปหลงอยู่ในตรอกซอยได้ ท่ามกลางบรรยากาศตลาดที่มีชีวิตชีวาและผู้คนมากมาย 
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ 
ที่พักBARCELO HOTEL 4*, FES หรือเทียบเท่า
วันที่ 5เฟซ - อิเฟรน – เออร์ฟูย์ด–เมอร์ซูก้า
เช้ารับประทานอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรม

ออกเดินทางสู่เขตทะเลทรายซาฮาร่า ระหว่างทางผ่าน เมืองอิเฟรน (Ifrane) ซึ่งห่างจากเฟซ ลงทางใต้ประมาณ 60 กม. เป็นเมืองที่ความสูงประมาณ 1,650 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล เป็นที่พักตากอากาศซึ่งในอดีตฝรั่งเศสได้มาสร้างขึ้นบริเวณนี้ ในช่วง ค.ศ. 1930 บางครั้งเรียกเมืองแห่งนี้ว่าเจนีวาแห่งโมรอคโค บ้านส่วนใหญ่มีหลังคาสีแดง มีดอกไม้บาน และทะเลสาบสวยงาม เป็นสถานที่พักผ่อนทั้งฤดูหนาวและฤดูร้อน เส้นทางนี้ผ่านเทือกเขาแอตลาส ชื่อที่คุ้นเคยกันมานาน เดินทางข้าม Middle Atlas ภูมิประเทศเขียวชอุ่มไปด้วยป่าไม้ สองข้างทางเปลี่ยนสภาพจากความแห้งแล้วเป็นป่าไม้ พุ่ม และสลับกับความแห้งแล้งของภูเขา
กลางวันรับประทานอาหารกลางวันระหว่างทาง ที่ Midelt
บ่ายหลังอาหารกลางวันออกเดินทางสู่ เออร์ฟูย์ด (Erfoud) ซึ่งเป็นโอเอซิสศูนย์กลางการค้าขายของคาราวานซึ่งเดินทางมาจากซาอุดิอาระเบีย และซูดาน ระหว่างทางจะผ่านโอเอซิส การทำระบบชลประทานใต้ดิน (ใครที่เคยเที่ยวเส้นทางสายไหมในจีนมาแล้วคงพอจะนึกออก)  ก่อนเข้าที่พักแวะชม ฟอสซิลเวิร์ด

และนำท่านเดินทางสู่เมืองเมอร์ซูก้าร์ โดยท่านจะนั่งรถขับเคลื่อนสี่ล้อ 4 WD ไปท่อง ทะเลทรายซาฮาร่า “Sahara” เป็นทะเลทรายในทวีปแอฟริกาที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของโลก (รองจากทะเลทรายในทวีปแอนตาร์กติกา) และเป็นทะเลทรายร้อนที่ใหญ่ที่สุดของโลก ลัดเลาะขอบทะเลทรายสู่เขตซาฮาร่า 
ค่ำรับประทานอาหารค่ำที่โรงแรม จากนั้นพักผ่อนนอนดูดาว ตามอัธยาศัย
ที่พักโรงแรมกลางทะเลทรายซาฮาร่า LUXURY CAMP, MERZOUGA หรือเทียบเท่า
การเข้าพักทะเลทราย ท่านต้องใช้กระเป๋าสัมภาระใบเล็ก แยกไว้เพื่อนำไปใช้ในทะเลทราย
วันที่ 6เออร์ฟูย์ด - ทินเฮียร์ - ทอดร้าจอร์จ –วอซาเซท
เช้าตรู่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ปลุกท่านตื่นเพื่อไปขี่อูฐชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ทะเลทรายซาฮาร่า

กลับมารับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม

แล้วนำท่านนั่ง 4*4 กลับออกจากทะเลทราย มาเปลี่ยนรถเพื่อเดินทางต่อไปยังเมืองทินเฮียร์

จากนั้นเดินทางสู่ ทอดร้ากอร์จ “Todra Gorge” ชมความงามของช่องเขาที่ซ่อนตัวอยู่ในโอเอซิส ลำน้ำเกลือที่ไหลผ่านช่องเขากับหน้าผาสูงชันแปลกตาเป็นแหล่งปีนหน้าผาสำหรับนักเสี่ยงภัยทั้งหลาย ผ่านชม โอเอซิส “Tinerhir” ชุมชนที่เกาะกลุ่มอยู่รวมกัน ท่ามกลางความแห้งแล้ง ยังมีความชุ่มชื้นของโอเอซิส ต้นปาล์ม เคยเป็นที่ตั้งของกองทหารที่เดินทางมาจากวอซาเซท
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร 
บ่ายจากนั้นเดินทางต่อบนเส้นทางที่ได้รับการขนานนามว่า ถนนแห่งคาชบาห์หรือป้อมปราการนับพัน เนื่องจากตลอดสองข้างทางจะมีคาชบาห์น้อยใหญ่หลายร้อยแห่งเรียงรายสุดลูกหูลูกตาตามถนนดังกล่าวสู่ เมืองวอซาเซท (Ouarzazate) ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งทางยุทธศาสตร์ ในปี ค.ศ.1928 ฝรั่งเศสได้ตั้งกองกำลังทหารและพัฒนาที่นี่ให้เป็นศูนย์กลางการบริหารวอซาเซทเป็นเมืองถูกส่งเสริมให้เป็นเมืองท่องเที่ยวที่แวดล้อมไปด้วยสตูดิโอ ภาพยนตร์ และมีการพัฒนาพื้นที่ในทะเลทรายเพื่อการทำกิจกรรมต่างๆ เช่นการขี่มอเตอร์ไซด์ อูฐ กิจกรรมผจญภัยกลางทะเลทราย (สำหรับในฤดูหนาว-ฤดูใบไม้ผลิ (พ.ย.-เม.ย.) ควรเตรียมเสื้อกันหนาวให้เพียงพอ เพราะเมืองนี้อยู่ใกล้ภูเขาแอตลาส ที่มีหิมะปกคลุมในช่วงดังกล่าว วอซาเซท อาจกล่าวได้ว่าเป็นจุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวที่มองหาความแตกต่าง และความผจญภัยที่หาไม่ได้จากที่ไหน วอซาเซทเป็นเมืองที่สำคัญที่สุดของทางตอนใต้ และที่นี่ยังเป็นทางเชื่อมระหว่างเหนือกับใต้ และตะวันออกกับตะวันออก สำหรับนักท่องเที่ยวบางคนที่ชอบรสชาติของความเป็นทางใต้ ณ จุดกึ่งกลางแห่งนี้ และยังเป็นจุดเริ่มต้นของการสำรวจเมืองต่างๆได้ทุกวัน 
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ 
ที่พักOSCAR HOTEL 4*, OURRZAZATE หรือเทียบเท่า
วันที่ 7วอซาเซท - ไอท์ เบน ฮาดดู – มาราเกช
เช้ารับประทานอาหารเช้า

นำท่านชม ป้อมทาเริท “Kasbah Taourirt” (ชมด้านใน ซึ่งรวมค่าเข้าชมแล้ว) เป็นป้อมแห่งตระกูลกลาวี ภายใต้หมู่อาคารขนาดใหญ่ ซึ่งภายในประกอบด้วยห้องต่างๆ จำนวนมากซ่อนอยู่เชื่อมต่อกันด้วยถนนเล็กๆ และเส้นทางลับคดเคี้ยวตามอาคารที่เบียดเสียดกัน จากนั้นนำท่านชมคฤหาสน์ของผู้ปกครองมาราเกซ ตระกูล กลาวี (Glaoui Palace) อยู่ภายใน ซึ่งยังมีลวดลายผนังอาคารและรูปแบบสถาปัตยกรรมอันหลากหลายของการสร้างอาคารของชาวเบอร์เบอร์ การออกแบบอาคารซึ่งเหมาะกับความเชื่อและความเป็นอยู่ของเหล่าเจ้าผู้ปกครอง ในยุคของตระกูล Glaoui ที่นี่มีคนงานและคนรับใช้จำนวนหลายร้อยคนจึงต้องมีห้องเป็นจำนวนมากมีทั้งส่วนที่เป็นวังเก่า ห้องนั่งเล่น ห้องรับรอง บางห้องก็ว่างเปล่า ยูเนสโก้ได้ปฏิสังขรณ์ขึ้นมาจากอาคารเดิมเพียง 1 ใน 3 ของอาคารทั้งหมด 

ออกเดินทางสู่ เมืองไอท์ เบนฮาดดู (Ait Benhaddou) เมืองไอท์ เบนฮาดดู เป็นเมืองที่ชื่อเสียงในเรื่องการหารายได้จากกองถ่ายทำภาพยนตร์กว่า 20 เรื่อง โดยเฉพาะป้อมที่งดงามและมีความใหญ่ที่สุดในโมรอคโคภาคใต้ คือ ป้อมไอท์ เบนฮาดดู (Kasbash of Ait Ben Hadou) เป็นป้อมดินซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางสวนอัลมอนด์ เป็นปราสาทที่ใช้ในการถ่ายทำภาพยนต์หลายเรื่องที่โด่งดังอาทิ Lawrance of Arabia , Jesus of Nazareth และ Gladiator ปัจจุบันอยู่ในความดูแลขององค์การยูเนสโก้ ได้ร้บการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 1987

จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง มาราเกช (Marakesh)
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน
บ่ายออกเดินทางสู่เมืองมาราเกช (Marakesh) (ระยะทาง 187กิโลเมตร ใช้เวลา 2.40 ชั่วโมง) ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญที่ตั้งอยู่เชิงเขาแอตลาส ในอดีตเมืองโอเอซิสแห่งนี้ เป็นที่พักของกองคาราวานอูฐ ที่มาจากทางตอนใต้ของโมรอคโค ถือเป็นเมืองชุมทางของพ่อค้าต่างๆ นอกจากนี้ยังเป็นอดีตเมืองหลวงในช่วงสมัยราชวงศ์อัลโมราวิดช่วงศ.ต.ที่ 11 ปัจจุบันเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุด สภาพบ้านเมืองที่เราเห็นได้คือ สองข้างทางแวดล้อมด้วยบ้านเรือนที่ถูกฉาบด้วยปูนสีส้มๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลกำหนดไว้ แต่คนท้องถิ่นจะเรียกว่า Pink City หรือ เมืองสีชมพู อาจกล่าวได้ว่า  มาราเกชเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ที่สุดแห่งหนึ่งในโลก จึงได้สมญานามว่าเป็น A city of Drama นั่นคือมีความสวยงามดั่งเมืองในละครที่ไม่น่าเป็นชีวิตจริงได้  

นำท่านชมมัสยิด คูตูเบีย (Koutoubia Mosque)  ซึ่งเป็นมัสยิดใหญ่เก่าแก่ที่สุดในเมือง ไม่ว่าจะเดินไปแห่งใดในตัวเมืองก็จะเห็นมัสยิดนี้ได้ หอขานละหมาดมีความสูง 226 ฟุต (หรือ 70 เมตร)

จากนั้นนำท่านเยือน จัตุรัสกลางเมือง Djemaa Fnaa Square ที่มีขนาดใหญ่ รายล้อมไปด้วยอาคาร ร้านค้า ตลาด ทั้ง 4 ด้าน เดินเล่นถ่ายรูปความมีชีวิตชีวา ที่มีสีสันและกลิ่นอายแบบโมรอคโคขนานแท้ พร้อมจับจ่ายหาซื้อของฝาก ของที่ระลึกพื้นเมืองต่างๆ ได้ที่ ตลาดเก่า (Old Market) ที่อยู่รายรอบจัตุรัสอย่างเพลิดเพลิน
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ที่โรงแรม
ที่พักPALM PLAZA HOTEL & SPA 5*,  MARRAKESH หรือเทียบเท่า
วันที่ 8มาราเกช (Marakesh) – เอซาเวร่า (Essaouira)
เช้ารับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก

นำท่านชม สวนจาร์ดีน มาจอแรล (Jardin Majorelle) หรือ สวนยิปแซงลอเร้นซ์ (Yves Saint Laurent Gardens) ชื่อนี้เป็นที่คุ้นเคยของสาวๆ ที่ชื่นชอบแฟชั่นสุดหรูของ Yves St. Laurent นักออกแบบแฟชั่นดีไซน์แห่งปารีส ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ออกแบบสวนแห่งนี้ ในช่วงที่โมรอคโคตกเป็นอาณานิคมของประเทศฝรั่งเศส ยิปแซงลอเร้นซ์มาที่ประเทศโมรอคโค เพื่อพักผ่อนหลังจากเคร่งเครียดจากงานออกแบบแฟชั่นโชว์ บ้านหลังนี้เคยตกเป็นของเศรษฐีแห่งมาราเกช หลังจากยิปแซงมาเยือนมาราเกช ก็ได้เกิดความหลงใหลในเมืองแห่งนี้ และซื้อบ้านหลังนี้ไว้เป็นที่พักผ่อน ชมสวนที่ถูกออกแบบโดยใช้สีฟ้า และสีส้มเป็นองค์ประกอบ ไม่ว่าจะเป็นเสา แจกัน และชมนานาพรรณของต้นไม้แห่งทะเลทราย ที่จัดได้อย่างสวยงาม
 
จากนั้นเดินทางไปเยี่ยมชม พระราชวังบาเฮีย (Bahia Palace) เป็นพระราชวังของท่านมหาอำมาตย์ ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินแทนยุวกษัตริย์ในอดีต  สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดย Si Moussa สถาปัตยกรรมออกเป็นแนวสมัยใหม่ โดยที่ตั้งใจจะให้เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่และหรูหราที่สุดในสมัยนั้น แต่ด้วยความที่มีการวางแผนก่อสร้างและตกแต่งอย่างเร่งรีบ จึงเป็นที่วิจารณ์กันว่ารายละเอียดหลายๆอย่างในพระราชวังแห่งนี้ยังไม่สมบูรณ์ลงตัว   พระราชวังมีการตกแต่งโดยการแกะสลักปูนปั้น (Stucco) มีการวาดลายบนไม้ และประดับประดาด้วยโมเสกเป็นลวดลายที่สวยงามละเอียดอ่อนมาก
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน อาหารไทย
บ่ายได้เวลาพอสมควรนำท่านเดินทางต่อสู่เมืองเอซาเวร่า (Essaouira)  (ระยะทาง174 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 1.30 ชั่วโมง) ระหว่างทางผ่านบริเวณที่ปลูกต้นอารกันเป็นจำนวนมาก ท่านอาจมีโอกาสพบแพะบนต้นอารกัน (หากโชคดีมีโอกาสได้พบเห็น แวะให้ท่านได้ถ่ายรูป Goat Climbing on Argan Tree) 

เดินทางต่อไปยังเมือง เอซาเวร่า ซึ่งหมายถึงรูปภาพ ไม่ว่าจะถ่ายจากมุมไหนๆ ภาพที่ได้มานั้นจะออกมาสวยอย่างไม่มีที่ติ เอซาเวร่าเป็นเมืองเล็กๆ ริมขอบมหาสมุทรแอตแลนติก ที่มีเสน่ห์อย่างเป็นเอกลักษณ์ ในเขตเมืองเก่า (เมดิน่า) มีกำแพงเมืองเก่าขนาดหนาซ้อนกัน 2 ชั้น ที่ใช้ป้องกันพายุหน้าร้อนที่พัดมาประจำทุกปีบ้านเรือนและร้านค้าภายในเขตกำแพงเมืองทำด้วยปูนสีขาวกลมกลืนไปกับประตูสีฟ้า สถาปัตยกรรมเหล่านี้ถูกหล่อหลอมมาจากวัฒนธรรมอันหลากหลาย ครั้งหนึ่งที่นี่เคยเป็นแหล่งที่อยู่ของพ่อค้าชาวยิว และชาวยิวกลุ่มนี้เองที่เคยเปลี่ยนเมืองนี้เป็นเมืองที่มั่งคั่งที่สุดของโมรอคโคในศตวรรษที่ 17 และ 18

นำท่านเที่ยวชมเมืองเอซาเวร่า ให้ท่านเดินเล่นตลาดเก่าเมดิน่าแห่งเมืองนี้ ซึ่งมากมายผู้คนมาจับจ่ายซื้อของ และเดินชมบรรยากาศเมืองท่าเรือ และศูนย์กลางของเมือง

ได้เวลาพอสมควรนำท่านชมพระอาทิตย์ตก ณ.ชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกที่ ป้อมปราการเมือง Skala de laville ซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของเมืองสวนบนป้อมมีปืนใหญ่วางเรียงรายอยู่เป็นแนวแถวและในอดีตส่วนล่างของป้อมใช้เป็นคลังเก็บอาวุธยุทโธปกรณ์ โรงม้าศึกที่ใช้ในการสงคราม
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ 
ที่พักATLAS ESSAOUIRRA HOTEL 5* หรือเทียบเท่า
วันที่ 9เอซาเวร่า - เอลจาดีด้า (El Jadida) -  คาซาบลังก้า
เช้ารับประทานอาหารเช้า

ออกจากเมืองเอซาเวร่าโดยรถมุ่งลงไปทางเหนือเลาะเลียบชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกไปยังเมือง เอล จาดีด้า  ระยะทาง 254 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 3.5 ชั่วโมง

นำท่านชมเมืองเอลจาดีด้า เดิมชื่อ มาซากัน (Mazagan) เป็นภาษาโปรตุเกส เป็นเมืองโบราณที่ตั้งอยู่บนอ่าวชายฝั่งทะเลแอตแลนติค เคยเป็นเมืองท่าที่สำคัญของโมรอคโคที่ทำการค้ากับชาวฟินีเชียน ต่อมาปี ค.ศ. 1502 ชาวโปรตุเกสขึ้นฝั่งที่นี่และได้สร้างป้อมปราการ เรียกว่า El Brijia El Jaida หลังจากมีการสร้างเมืองขึ้นในปี ค.ศ. 1506 ได้เรียกเมืองว่า มาซากัน ซึ่งกลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญของชาวโปรตุเกส ในปี ค.ศ.1562 ป้อมถูกโจมตีโดยโดยชาวอาหรับแต่ไม่สำเร็จ ระหว่างค.ศ.1580 - 1640 ตกอยู่ภายใต้การปกครองของชาวสเปน และกลับมาถูกปกครองโดยชาวโปรตุเกสอีกครั้ง ชมสถาปัตยกรรมที่แสดงให้เห็นถึงการแลกเปลี่ยนอิทธิพลระหว่างวัฒนธรรมยุโรปและโมรอคโค ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 2004

นำท่านชม บ่อเก็บน้ำดื่มใต้ดินประจำเมือง นอกจากนั้นที่นี่ยังใช้เป็นคุกใต้ดินที่เคยใช้เป็นที่คุมขังของทาสในสมัยโปรตุเกส และเป็นคลังเก็บอาวุธสงคราม 
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน
บ่ายจากนั้นเดินทางสู่ คาซาบลังก้า (ระยะทาง 101 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 1.30 ชั่วโมง) นำท่านเที่ยวชมเมือง  'คาซาบลังก้า' หมายถึง บ้านสีขาว คำว่า 'คาซา' แปลว่า บ้าน และ 'บลังกา' แปลว่า สีขาว เป็นเมืองที่คนทั่วโลกรู้จัก และอาจรู้จักมากกว่า 'ราชอาณาจักรโมรอคโค' ด้วยซ้ำ เพราะนอกจากจะเป็นเมืองท่าและเป็นที่ตั้งของท่าอากาศยานระหว่างประเทศแล้ว ยังถูกใช้เป็นฉากในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเรื่อง Casablanca (โดยที่ไม่ได้ถ่ายทำในคาซาบลังก้าเลย) เป็นเรื่องราวความรักระหว่างนายทหารอเมริกันและหญิงคนรัก ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้คาซาบลังก้าเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก 

นำท่านชมเมืองคาซาบลังก้าโดยรอบ และนำท่านชม โบถส์คริสเตียน (The Church of our ladies of Lourdes) ภายในมีภาพกระจกสีสวยงามแสดงเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับศาสนา  นำท่านผ่านชม จัตุรัสสหประชาชาติ หรือ จตุรัสโมฮัมหมัดที่5 ซึ่งเป็นใจกลางเมืองย่านธุรกิจสำคัญ ให้ท่านถ่ายรูปบรรยากาศเมืองและชาวโมรอคโคท้องถิ่นขายน้ำในชุดประจำชาติอันเป็นสัญลักษณ์ของโมรอคโค

นำท่านสำรวจ ห้างสรรพสินค้า MOROCCO MALL ห้างทีใหญ่สุดในโมรอคโค หากมีเวลาเหลือ
ค่ำรับประทานอาหารเย็น อาหารจีน
ที่พักGRAND MAGADOR CITY CENTER HOTEL 5*, CASABLANCA หรือเทียบเท่า
วันที่ 10คาซาบลังก้า – โดฮา
เช้ารับประทานอาหารเช้า

นำท่านชม สุเหร่าแห่งกษัตริย์ฮัสซันที่ 2 (ชมด้านใน ซึ่งรวมค่าเข้าชมแล้ว) มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากเมืองเมกกะ สุเหร่านี้งดงามประณีตด้วยสถาปัตยกรรมแบบโมรอคโคทุกแขนง  ชมทิวทัศน์รอบๆ สุเหร่าอันเป็นจุดชมวิวริมฝั่งทะเล ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนที่สวยงามของชาวโมรอคโคที่ชอบมาเดินเล่นหลังจากปฏิบัติศาสนกิจเสร็จแล้ว

อิสระพาท่านเดินเล่นใน ย่าน La Corniche ชมชายหาดก่อนอำลาโมรอคโค กับทัศนียภาพริมมหาสมุทรแอตแลนติกแบบชิลๆก่อนเดินทางกลับ

ได้เวลาพอสมควรอำลาเมืองคาซาบลังก้า 
11.00 น.เดินทางถึงสนามบินนานาชาติ Mohammed V International Airport
14.05 น.ออกเดินทางสู่สนามบินโดฮา โดยเที่ยวบินที่ QR4566 (1405-2335) 
23.35 น.ถึง สนามบินโดฮา รอเปลี่ยนเครื่อง
วันที่ 11โดฮา - กรุงเทพฯ
01.10 น.เหินฟ้ากลับกรุงเทพฯ โดยเที่ยวบินที่ QR834 (0110-1220)
12.20 น.เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยความปลอดภัย


อัตราค่าบริการราคา
ราคาต่อท่านสำหรับรอบการเดินทางที่ : 10 - 20 ตุลาคม 2567 129,900 บาท
 TE361-001: โปรแกรมทัวร์โมร็อกโก Grand Miracle Morocco 11 วัน 8 คืน (QR)แสดง รายละเอียด
ราคาต่อท่านสำหรับรอบการเดินทางที่ : 26 ธันวาคม 2567 - 05 มกราคม 2568 129,900 บาท
 TE361-002: โปรแกรมทัวร์โมร็อกโก Grand Miracle Morocco 11 วัน 8 คืน (QR)แสดง รายละเอียด

ดาวน์โหลดใบจอง
   
            ดาวน์โหลดใบจอง (Word)       ดาวน์โหลดใบจอง (PDF)

เงื่อนไขในการจอง

ค่าบริการรวม
  • ค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับหมู่คณะ  BKK- CMN-BKK ชั้นประหยัด  โดยสายการบิน Qatar
  • ระบุในรายการระดับ 4-5 ดาว หรือเทียบเท่า จำนวน 8 คืน และเต้นท์หรูพักกลางทะเลทราย
  • ค่าอาหารตามที่ระบุในรายการ และค่าน้ำดื่ม 2 ขวดต่อวัน
  • ค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ เข้าชมภายใน ตามรายการที่ระบุ  รวมขี่อูฐในทะเลทรายซาฮาร่า
  • ค่ารถปรับอากาศ พร้อมคนขับผู้ชำนาญทาง ในการนำเที่ยวตามรายการ
  • ค่าหัวหน้าทัวร์ไทยและมัคคุเทศก์ท้องถิ่นพูดภาษาอังกฤษ
  • ค่าประกันอุบัติเหตุวงเงิน 2 ล้านบาทตามเงื่อนไข ค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุและสุขภาพ 2 ล้านบาท
  • ค่าวีซ่าเข้าประเทศโมรอคโค  
  • ค่าภาษีสนามบินทุกแห่ง    
  • ค่าทิปไกด์ และคนขับรถ
ค่าบริการไม่รวม 
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่น ค่าหนังสือเดินทาง ,ค่าซักรีด ฯลฯ ค่าเครื่องดื่มสั่งพิเศษในโรงแรม 
  • ค่าใช้จ่ายนอกเหนือระบุในโปรแกรม
  • ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ เป็นสินน้ำใจในการให้บริการและขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของลูกค้า 
  • ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และ ภาษีบริการ 3%
เอกสารที่ใช้ยื่น E-Visa Morocco
  • ภาพถ่ายปัจจุบัน คล้ายภาพหน้าพาสปอร์ต เป็นไฟล์ Jpeg, Jpg
  • สำเนาพาสปอร์ตเป็นไฟล์ Pdf, Jpeg, Jpg
  • สำเนาบัตรประชาชนเป็นไฟล์ Pdf, Jpeg, Jpg
  • ข้อมูล อีเมล์ / เบอร์โทร / อาชีพ เพื่อใช้ในการกรอกข้อมูล
การจองและการชำระเงิน
  • บริษัทฯเรียกเก็บเงินมัดจำ ท่านละ 60,000 บาท (หกหมื่นบาท) พร้อมกรอกรายละเอียดในใบแบบฟอร์มการจอง และส่งสำเนาหน้าพาสปอร์ตของท่าน และชำระเงินมัดจำภายใน 3 วัน 
  • บริษัทฯเรียกเก็บเงินค่าทัวร์ส่วนที่เหลือ ชำระทั้งหมดก่อนเดินทาง 30 วันทำการ
  • กรณีท่านได้รับส่วนลดพิเศษตามโปรโมชั่น หรือกรณีหักค่าวีซ่า(ถ้ามี) ค่าส่วนลดดังกล่าวจะถูกหักออกจากค่าทัวร์ส่วนที่เหลือในงวดสุดท้าย
การยกเลิกการเดินทาง
  • กรณียกเลิกก่อนการเดินทาง 61 วัน ทางบริษัทฯ ทำการคืนเงินมัดจำให้ หลังหักค่าใช้จ่าย (ถ้ามี) 
  • กรณียกเลิกก่อนการเดินทาง 31 วัน บริษัทฯ มีความจำเป็นต้องหักค่ามัดจำ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ และค่าวีซ่า (ถ้ามี)
  • กรณียกเลิกก่อนการเดินทาง 21-30 วัน บริษัทฯ หัก 75% ของราคาท้วร์ ค่าใช้จ่ายอื่นๆ และค่าวีซ่า (ถ้ามี)
  • กรณียกเลิกก่อนการเดินทาง 1-20 วัน บริษัทฯ สงวนสิทธิ์ ในการคืนเงินค่าทัวร์ทั้งหมด 

    ** กรณีคณะส่วนตัวหรือกรุ๊ปเหมา หลังจากยืนยันการจองและชำระเงินค่ามัดจำแล้ว หากยกเลิกทัวร์ บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ไม่คืนเงินมัดจำในทุกกรณี 
    ** บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการไม่คืนค่าวีซ่า ค่ามัดจำตั๋วเครื่องบิน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ หากบริษัทได้ดำเนินการไปแล้ว 
    ** เมื่อท่านได้ตกลงจองทัวร์กับบริษัทแล้ว ถือว่าท่านได้ตกลงยอมรับในเงื่อนไขต่างๆดังกล่าวข้างต้นแล้วทุกประการ 
เงื่อนไขการให้บริการ
  • เมื่อได้รับการยืนยันว่ากรุ๊ปออกเดินทางได้ ผู้เดินทางต้องจัดเตรียมส่งหน้าพาสปอร์ตและรูปถ่ายเพื่อทำการยื่นวีซ่าออนไลน์ (หนังสือเดินทางต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 6 เดือน (หรือ 180 วัน) โดยนับวันเริ่มเดินทางออกนอกประเทศไทย หากนับแล้วต่ำกว่า 6 เดือน (หรือ 180 วัน) ผู้เดินทางต้องไปยื่นคำร้องขอทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่ทันที )
  • กรณีผู้เดินทางต้องการผู้ดูแลพิเศษ อาทิเช่น นั่งรถเข็น (wheelchair) เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัว หรือไม่สะดวกในการนั่งรถเดินทางท่องเที่ยวเป็นเวลาเกินกว่า 4-5 ชั่วโมงติดกัน ผู้เดินทางจำต้องหาผู้ดูแล
    ส่วนตัวร่วมเดินทางไปด้วย เนื่องจากการเดินทางเป็นหมู่คณะ หัวหน้าทัวร์และไกด์ท้องถิ่นมีความจำเป็นต้องดูแลคณะทัวร์ทั้งหมดเป็นหลัก
  • กรณีผู้เดินทางมีอายุไม่ถึง18ปี และไม่ได้เดินทางกับบิดามารดา ต้องมีจดหมายยินยอมให้บุตรเดินทางไปต่างประเทศจากบิดาหรือมารดาแนบมาด้วย
ข้อมูลเบื้องต้นเรื่องตั๋วเครื่องบินและที่นั่งบนเครื่องบิน
  • เมื่อบริษัทฯได้ทำการสำรองที่นั่งพร้อมชำระเงินมัดจำค่าตั๋วเครื่องบินแล้ว หากท่านยกเลิกทัวร์ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการเรียกเก็บค่ามัดจำตั๋วเครื่องบินตามจำนวนเงินที่เกิดขึ้นจริง ทั้งนี้ขึ้นอยู่สายการบินและช่วงเวลาเดินทาง
  • เมื่อบริษัทฯได้ทำการสำรองที่นั่งพร้อมชำระเงินค่าตั๋วเครื่องบินแล้วในกรณีออกตั๋วเครื่องบินแบบรายบุคคลหรือรายกลุ่ม หากท่านยกเลิกทัวร์หรือไม่สามารถเดินทางได้ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการเรียกเก็บค่าตั๋วเครื่องบิน แบบรายบุคคลหรือรายกลุ่ม ตามจำนวนเงินที่มีค่าใช้จ่ายตามที่เกิดขึ้นจริง และจะต้องรอจากทำรีฟันด์จากทางสายการบินซึ่งใช้เวลาดำเนินการ 60-90 วันหรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสายการบินและเงื่อนไขของการซื้อตั๋วนั้นๆ
  • ที่นั่งแบบ Long Leg โดยปกติอยู่บริเวณทางออกประตูฉุกเฉิน ผู้นั่งบริเวณดังกล่าวจะต้องมีคุณสมบัติตรงตามที่สายการบินกำหนด เช่น ต้องเป็นผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง และช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างรวดเร็วในกรณีที่เครื่องบินประสบปัญหา ท่านสามารถเปิดประตูฉุกเฉินได้ (น้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัม) ไม่ใช่ผู้ที่มีปัญหาทางด้านสุขภาพและร่างกาย อำนาจในการตัดสินใจให้ที่นั่ง Long leg ขึ้นอยู่กับทางเจ้าหน้าที่สายการบินในขณะตอนเวลาเช็คอินเท่านั้น
  • การระบุเลือกที่นั่งล่วงหน้า ปัจจุบันทางสายการบินส่วนใหญ่เปิดให้เลือกที่นั่งได้โดยมีค่าธรรมเนียม หากท่านต้องการเลือกที่นั่งล่วงหน้า โปรดแจ้งให้เจ้าหน้าที่บริษัททราบเพื่อดำเนินการซื้อที่นั่งให้ได้ตามที่นั่งที่ท่านประสงค์
เงื่อนไขและความรับผิดชอบ
  • บริษัทเป็นเพียงตัวแทนการท่องเที่ยว สายการบิน และตัวแทนการท่องเที่ยวในต่างประเทศ ซึ่งไม่อาจรับผิดชอบต่อความเสียหายต่างๆที่อยู่เหนือการควบคุมของเจ้าหน้าที่บริษัทฯ อาทิเช่น การนัดหยุดงาน การจลาจล เปลี่ยนแปลงกำหนดเวลาในตารางบิน ภัยธรรมชาติ หรือค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่เกิดขึ้นทั้งทางตรงหรือทางอ้อม เช่น การเจ็บป่วย การถูกทำร้าย การสูญหาย  ความล่าช้า หรือจากอุบัติเหตุต่างๆ ฯลฯ รายการท่องเที่ยวอาจจะเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม เนื่องจากความล่าช้าของสายการบิน โรงแรมที่พักในต่างประเทศ เหตุการณ์ทางการเมือง และภัยธรรมชาติ ฯลฯ โดยบริษัทฯจะคำนึงถึงความสะดวกของผู้เดินทางเป็นสำคัญ  
  • เนื่องจากรายการท่องเที่ยวนี้เป็นการชำระแบบเหมาจ่ายกับบริษัทตัวแทนในต่างประเทศ ท่านไม่สามารถเรียกร้องเงินคืนในกรณีที่ท่านปฏิเสธหรือสละสิทธิ์ในการใช้บริการนั้นที่ทางทัวร์จัดให้ ยกเว้นจะตกลงกันเป็นกรณีไป บริษัทฯจะไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น 
  • บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกการเดินทางในกรณีที่มีผู้เดินทางต่ำกว่า 15 ท่าน โดยจะแจ้งให้ผู้เดินทางทราบล่วงหน้าก่อนเดินทาง
  • บริษัทฯไม่รับผิดชอบในกรณีที่กองตรวจคนเข้าเมืองห้ามผู้เดินทางเนื่องจากมีสิ่งผิดกฎหมายหรือสิ่งของห้ามนำเข้าประเทศ เอกสารเดินทางไม่ถูกต้อง หรือมีความประพฤติส่อไปในทางเสื่อมเสีย หรือด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม ซึ่งกองตรวจคนเข้าเมืองพิจารณาแล้ว บริษัทฯไม่อาจคืนเงินให้ท่านได้ไม่ว่าจำนวนทั้งหมดหรือบางส่วน

ค้นหา
คำค้น
ช่วงเวลา
รายการทัวร์
ค้นหา


 

Add line Triple Enjoy