วันที่ 1 | ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ – ซูริก – กรุงลิสบอน (โปรตุเกส) |
09.00 น. | พร้อมคณะที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ประตู 4 เคาน์เตอร์ G1-G6 สายการบิน Swiss International Airlines เจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวกในเรื่องสัมภาระและการเช็คอิน จากนั้นเชิญรอ ณ ห้องพักผู้โดยสารขาออก |
12.45 น. | ออกเดินทางสู่นครซูริก (สวิตเซอร์แลนด์) โดยเที่ยวบินที่ LX 181 |
19.35 น. | ถึงสนามบินนครซูริก รอเปลี่ยนเที่ยวบิน |
21.05 น. | ออกเดินทางสู่ กรุงลิสบอน ประเทศโปรตุเกส โดยเที่ยวบินที่ LX 2082 |
22.55 น. | ถึงสนามบินกรุงลิสบอน ผ่านการตรวจคนเข้าเมืองและพาสปอร์ต รถโค้ชรอรับคณะแล้วออกเดินทางสู่โรงแรมที่พัก |
ที่พัก | Eurostars Universal Lisboa หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน |
วันที่ 2 | ลิสบอน – กัสกายน์ - เอสโตริล |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม ชมกรุงลิสบอน ชมอดีตพระราชวังหลวงอายุเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมโกธิคและมัวร์มหาวิหารเจอโรนิโม ผลงานอันเยี่ยมยอดของงานสถาปัตยกรรมที่เรียกกันว่า มานูเอลไลน์ (Manueline) หอคอยเบเล็ม (Belem Tower) จุดเริ่มต้นของการเดินเรือออกไปสำรวจ และค้นพบโลกของวาสโก-ดากามา นักเดินเรือชาวโปรตุเกส อนุสาวรีย์ดิสคัฟเวอรี่ สีขาวโดดเด่นระยิบระยับตัดกับท้องฟ้าสีคราม เชิญท่านลองชิมขนมทาร์ตคัสตาร์ด (Nata de Pasteis) ในร้านขนมเก่าแก่ที่ให้บริการมากว่าร้อยปี แวะชิมขนมโปรตุเกสต้นตำรับของขนมไทย อาทิ ทองหยอด, ฝอยทองที่มีต้นตำรับแท้อยู่ที่โปรตุเกสและเข้าไปเผยแพร่ในกรุงศรีอยุธยาโดยท่านท้าวทองกีบม้า |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | เดินทางสู่เมืองเมืองกัสกายน์ (Cascais) ในอดีตเป็นหมู่บ้านชาวประมงเก่าแก่ ได้พัฒนาจนกลายเป็นเมืองพักตากอากาศของราชวงศ์และชนชั้นสูงในอดีต เมืองในสไตล์วินเทจที่แสนน่ารักแห่งนี้เป็นที่นิยมของชาวโปรตุกีสในปัจจุบัน นำท่านไปชม ‘โบคา ดู อินแฟร์โน’ (Boca do Inferno Hell’s Mouth) หุบเหวที่มีลักษณะคล้ายถ้ำเกิดจากคลื่นกระทบหน้าผา ทำให้เกิดซุ้มประตูหินที่ถูกกัดกร่อนมาเป็นเวลาช้านาน สิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสร้างขึ้น เที่ยวชมเมือง เอสโตริล เมืองตากอากาศที่โด่งดัง พรั่งพร้อมไปด้วยโรงแรมหรู ชายหาดยาวทอดตัวไปตามพรอมมินาดกว้าง สถานคาสิโนมีระดับ เมืองเอสโตริลแห่งนี้ เป็นแรงบันดาลใจให้ถูกเลือกเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ เจมส์ บอนด์ 007 ฉากในโรงแรมหรู Palácio Estoril Hotel หรือ Casino Estoril มาแล้ว เอสโตริลยังมีคฤหาสน์หรูของราชวงศ์และคนดังมากมาย และเคยจัดงานสำคัญๆ มากมาย เช่น งาน Estoril Open และเทศกาลภาพยนตร์ Lisbon & Estoril |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | Eurostars Universal Lisboa หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน |
วันที่ 3 | ซินทรา – พระราชวังเปน่า - แหลมโรก้า |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม เดินทางสู่เมืองซินทรา (Sintra) เมืองตากอากาศยอดนิยมของนักท่องเที่ยว และยังเป็นที่ตั้งของพระราชวังหลวงเปนา ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชาวเยอรมันคู่พระทัยของกษัตริย์ Ferdinand II ตามจินตนาการของพระองค์พระราชวังแห่งนี้จึงมีความงามตามแบบจินตนิยม (Romanticism) ที่ผสมผสานศิลปะทั้งสไตล์ neo-Romaneque, neo-Gothic, neo-Manueline, neo-Moorish, Indo-Gothic หลอมรวมเข้าด้วยกัน ภายในมีงานกระเบื้องเคลือบที่งามที่สุดของโปรตุเกสปูอยู่ในท้องพระโรงอาหรับ ห้องท้องพระโรงหงส์ และโรงสวด ตัวอาคารประดับไฟตกแต่งอย่างงามตา อาคารแต่ละหลังทาสีหลากหลายเฉดตามจินตนาการ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | ออกเดินทางเลาะเลียบชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก ผ่านเมืองเล็กๆน่ารักแถบชานเมืองลิสบอน นำท่านไปชมแหลมโรก้า (Capo Da Roca) จุดตะวันตกสุดของยุโรป ท่านสามารถซื้อ Certificate เป็นที่ระลึกสำหรับการมาเยือน ณ ที่แห่งนี้ เป็นบันทึกประวัติศาสตร์การเดินทางของท่านเอง กลับสู่กรุงลิสบอน ไปชมจัตุรัสแห่งกษัตริย์ หรือ จัตุรัสปราซา ดูโกแมร์ซิอู สิ่งก่อสร้างอันยิ่งใหญ่ถูกสร้างขึ้นทับของเดิมที่ถูกทำลายลงด้วยแผ่นดินไหวในปี 1755 ผ่านเข้าสู่ย่านไบซา แหล่งช้อปปิ้งและศูนย์รวมร้านเก่าแก่ ร้านเสื้อนำสมัย ร้านอาหารและภัตตาคาร หากท่านต้องการชมวิวทิวทัศน์ย่านเมืองเก่า มีลิฟต์ให้บริการ (มีค่าใช้จ่าย) ลิฟต์ซานตาจูสตา ที่ออกแบบโดยกุสตาฟ ไอเฟล |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | Eurostars Universal Lisboa หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน |
วันที่ 4 | เดินทางสู่ภูมิภาคอัลการ์ฟ – แหลม เซนต์ วินเซนต์ - ลากอซ – ถ้ำเบนากิล |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม นำท่านเดินทางข้ามแม่น้ำตาโฒ ทางทิศใต้สู่เทือกเขา Serra da Arrábida เขตทุ่งหญ้าสีทองของ Alentejo จนถึงคาบสมุทร Sagres (328 ก.ม.) ชมทัศนียภาพอันงดงามของ ชายหาดบาลีรา จนสุดแผ่นดินทางตอนใต้ที่แหลม เซนต์ วินเซนต์ สถานที่แห่งนี้เคยเป็นสนามรบทางทะเลเมื่อหลายศตวรรษก่อน แวะเยี่ยมชมเมืองตากอากาศ ลากอซ ครั้งหนึ่งเคยเป็นบ้านของ Henry the Navigator |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านลงเรือ Speed Boat เพื่อไปชมถ้ำ เบนากิล Seas Cave Of Benagil สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียง เดิมเป็นหมู่บ้านประมงเล็ก ๆ ในเขต Lagos, Algarve จนกระทั่งปลายศตวรรษที่ 20 บริเวณนี้ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่มีชื่อเสียง ถ้ำเบนากิล ถ้ำริมทะเลแห่งนี้มีความสวยงามเฉพาะตัวเกิดขึ้นโดยฝีมือธรรมชาติ ด้านบนของถ้ำมีรูขนาดใหญ่ทำให้แสงสว่างกระทบมาถึงด้านล่างที่เป็นชายหาดได้ เป็นดั่งโถงธรรมชาติอันสวยงาม |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | Grande Real Santa Eulália Resort & Hotel Spa ***** หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน |
วันที่ 5 | อัลการ์ฟ – แอวูร่า |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม เดินทางขึ้นเหนือไปยังเมือง แอวูร่า – Evora (250 ก.ม.) เมืองมรดกทางวัฒนธรรมขององค์การยูเนสโก ในปี 1986 เมืองนี้ถูกจัดให้เป็นเมืองพิพิธภัณฑ์ที่มีรากฐานมาตั้งแต่สมัยโรมัน ยุคทองเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 16 เมื่อกษัตริย์โปรตุเกสได้มาประทับ ณ เมืองนี้ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านเที่ยวชม แอวูร่า เมืองที่รุ่มรวยไปด้วยสถาปัตยกรรมอันหลากหลาย ผสมผสานกันอย่างลงตัว ตึกรามบ้านช่องเป็นสถาปัตยกรรมของบ้านสีขาว กระเบื้อง และระเบียง คุณลักษณะเหล่านี้ทำให้เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของเมืองหลังจากแผ่นดินไหวในลิสบอนในปี 1755 เอโวรายังพบแรงบันดาลใจในการสร้างเมืองโปรตุเกสในบราซิล เช่น ซัลวาดอร์ ดา บาเอีย นำท่านเที่ยว กำแพงเมืองเก่า, ท่อส่งน้ำแบบโรมัน (Agua de Prata Aqueduct) อาคารยุคกลาง มหาวิหาร, คอนแวนต์, พระราชวัง, โบสถ์, จัตุรัส เมืองนี้ยังเป็นศูนย์กลางในการผลิตไวน์ Alentejo และงานหัตถกรรมพื้นบ้าน |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | Hilton Garden Inn Evora **** หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน |
วันที่ 6 | แอวูร่า – กัสเตลโล เด วีเด - วีเซว |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม นำท่านเดินทางสู่ Castelo de Vide (143 ก.ม.) กัสเตลโล เด วีด เมืองบนยอดเขาที่มีเสน่ห์แปลกตา บนทางลาดปูด้วยหินแบบโบราณ ระหว่างปราสาทและน้ำพุของเมือง มีถนนแคบๆหลายสายที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ดีที่สุดแห่งหนึ่งในโปรตุเกส เยือน Capela do Salvador do Mundo โบสถ์เก่าแก่ที่สุดในภูมิภาคนี้ Capela de São Roque ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 และสร้างขึ้นใหม่ในศตวรรษที่ 18 แต่นี่เป็นเพียง 2 ใน 24 โบสถ์ของเมือง นอกจากนี้เมืองนี้ยังได้รับการยกย่องเกี่ยวกับน้ำพุร้อน มีคุณสมบัติในการบำบัดที่ดีเยี่ยม น้ำพุหลายแห่งสามารถพบได้ที่นี่ โดย Fonte da Vila และ Fonte da Mealhada เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | เดินทางสู่ เมืองเบลมอนเต – Belmonte (155 ก.ม.) หนึ่งใน "12 หมู่บ้านประวัติศาสตร์ของโปรตุเกส" นำชมพิพิธภัณฑ์ชาวยิว (Jewish Museum) ชุมชนชาวยิวในเบลมอนเตมีการก่อตั้งมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 บันทึกที่พิสูจน์ว่ามีการก่อตั้งสุเหร่ายิวและ “จูเดียเรีย” (ย่านชาวยิว) นอกกำแพงของ Rua Direita และ Rua da Fonte da Rosa ในปัจจุบันมีชื่อเสียงเนื่องจากสามารถรักษาแนวทางปฏิบัติและประเพณีของตนได้ ทางศาสนาอย่างเป็นความลับจนถึงศตวรรษที่ 20 แวะถ่ายรูปกับกัสเตลโล เด เบลมองเต บ้านเกิดของ Pedro Alvares Cabral นักบุกเบิกเดินเรือผู้ค้นพบประเทศบราซิล เดินทางต่อสู่เมือง วีเซว - Viseu (101 ก.ม.) ตั้งอยู่บนที่ราบสูงใกล้กับ Dão ที่มีชื่อเสียงไร่องุ่น สำรวจศิลปะและสถาปัตยกรรมอันรุ่มรวยของเมืองประวัติศาสตร์ และชม Sé Catedral de Viseu ในศตวรรษที่ 12 ซึ่งตั้งตระหง่านอย่างสง่างามบนเนินเขาที่มองเห็นทิวทัศน์ของเมือง |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | Montebelo Viseu Congress Hotel ***** หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน |
วันที่ 7 | วีเซว – กีมาไรซ์ - ปอร์โต |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม เดินทางสู่เมืองกิมาไรซ์ - Guimaraes (172 ก.ม.) เมืองหลวงแห่งแรกของโปรตุเกส เป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่สวยที่สุด ตัวเมืองตั้งอยู่ในหุบเขาที่ล้อมรอบไปด้วยภูเขาสูง |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านชม ปราสาทกิมาไรซ์ สร้างตั้งแต่ยุคกลาง เป็นสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เดินเที่ยวชมเขตเมืองเก่า Largo da Oliveira หรือ จัตุรัส Oliveira ศูนย์กลางประวัติศาสตร์ของเมืองกิมาไรส์ และเป็นหนึ่งในสถานที่ที่สวยงามที่สุดในเมือง ซึ่งถูกรายล้อมไปด้วยอาคารบ้านเรือน รวมไปถึงสิ่งปลูกสร้างที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ วังของดยุคแห่ง บรากันซา โบสถ์พระแม่แห่งต้นมะกอก และลานระเบียงแบบโรมันเนสก์ ล้วนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลก รวมไปถึงร้านอาหารและร้านกาแฟ ซึ่งเปิดบริการนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวชมเมืองเป็นจำนวนมาก และขึ้นสู่เนินเขา Penha เพื่อชมวิวเมืองกิมาไรส์ในมุมมองที่สวยที่สุด นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองปอร์โต (57 ก.ม.) เป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 รองจากกรุงลิสบอน เป็นเมืองที่มีสถาปัตยกรรมสมัยกลางที่สวยงามอยู่หลายแห่งและเป็นเมืองที่เป็นแหล่งผลิตเหล้าปอร์ต (Port) ที่มีชื่อเสียง |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | Sheraton Porto Hotel & Spa ***** หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน |
วันที่ 8 | เที่ยวเมืองปอร์โต – ย่าน Ribeira – ล่องเรือแม่น้ำโดรู |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม เที่ยวชม เมืองปอร์โต้ ที่มาของชื่อประเทศโดยมาจากคำว่า Portus & Cale ซึ่งใช้เรียกเมืองสองฝั่งแม่น้ำ Douro แล้วกลายมาเป็น Portugal ในปัจจุบัน เรือขนไวน์โบราณ Rabelos จอดเรียงรายให้หวนนึกถึงความมั่งคั่งในยุคก่อน, ชมมหาวิหารแห่งปอร์โต ชมวิวทิวทัศน์แบบพาโนรามาบ้านเรือนลดหลั่นสูงต่ำสลับกัน ย่าน Praça dos Liberdade จตุรัสใจกลางเมือง เรียงรายไปด้วยอาคารสวยงามที่เป็นที่ตั้งของศาลาว่าการเมืองแบบนีโอคลาสสิค, รูปปั้นของอดีตกษัตริย์โปรตุเกส ที่ทำให้เกิดการออกแสวงหาดินแดนใหม่ จนโปรตุเกสมีอาณานิคมมากมายทั่วโลก, Torre dos Cléligos หอคอยเก่าแก่อายุกว่า 300 ปี ท่านสามารถขึ้นบันได 240 ขั้นเพื่อชมวิวเมืองได้ และแฟนคลับแฮรี่ พ็อตเตอร์ ไม่ควรพลาดมาเยี่ยมชมร้านหนังสือ Livraria Lello สถานที่สำคัญและน่าสนใจทั้งในแง่ประวัติศาสตร์ สถาปัตยกรรมและวรรณกรรม ร้านหนังสือแห่งนี้ได้รับการเลือกจากนิตยสาร หนังสือพิมพ์ และสำนักข่าวชั้นนำของโลก เช่น The Guardian (ค.ศ. 2008) Lonely Planet (ค.ศ. 2012) Time Magazine (ค.ศ. 2015) และ The Telegraph (ค.ศ. 2017) ให้เป็นหนึ่งในร้านหนังสือที่สวยงามที่สุดในโลก นอกจากนี้ ร้านหนังสือแห่งนี้ ยังเป็นร้านหนังสือที่ เจ. เค. โรว์ลิง นักเขียนนวนิยายชาวอังกฤษ แวะเวียนมาบ่อยครั้ง สร้างแรงบันดาลใจให้แก่เธอในการเขียนแฮร์รี่ พอตเตอร์ นวนิยายแฟนตาซีที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามและประสบความสำเร็จเป็นที่รู้จักทั่วโลก |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านสัมผัสบรรยากาศการ ล่องเรือ ชมวิวทิวทัศน์ในแม่น้ำโดรู (DOURO) ผ่านหมู่บ้านชาวประมงอาชีพเก่าแก่, ย่าน Vila Nova de Gaia เกือบทั้งหมดเป็นโรงบ่มไวน์ที่มีมากถึง 70 แห่งและร้านอาหารริมแม่น้ำ, สะพานข้ามแม่น้ำ Ponte de D.Luis I สะพานเหล็ก 2 ชั้นที่มีชื่อเสียง สร้างและออกแบบโดยกุสตาฟ ไอเฟล ก่อนที่จะสร้างหอไอเฟลขึ้นในกรุงปารีส ยามเย็นเข้าสู่ย่าน Cais da Ribeira เขตท่าเรือเก่าที่ครั้งหนึ่งเคยรุ่งเรืองมากในอดีต ปัจจุบันได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยมาก แสงจากดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้ากระทบแม่น้ำโดรูเกิดประกายแสงสีทอง เป็นที่มาของคำว่า Duoro |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร Wine Cellar |
ที่พัก | Sheraton Porto Hotel & Spa ***** หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน |
วันที่ 9 | ปอร์โต - เดินทางกลับประเทศไทย |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม ออกเดินทางสู่สนามบินเมืองปอร์โต เพื่อเดินทางกลับประเทศไทย |
12.35 น. | ออกเดินทางสู่นครซูริก โดยสายการบิน Swiss International Airlines เที่ยวบินที่ LX 2067 |
16.05 น. | ถึงสนามบินนครซิริก รอเปลี่ยนเที่ยวบิน |
17.55 น. | ออกเดินทางสู่สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสายการบิน Swiss International Airlines โดยเที่ยวบินที่ LX 182 |
วันที่ 10 | เดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ |
09.40 น. | นำท่านเดินทางกลับถึง กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ |