วันที่ 1 | กรุงเทพฯ |
22.00 น. | คณะพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เคาน์เตอร์ U ประตู10 สายการบินเอธิโอเปียนแอร์ไลน์ ET |
วันที่ 2 | กรุงเทพฯ - แอดดิสอบาบา - เอ็นโตโต้ - พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ - พิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์วิทยา |
00.30 น. | ออกเดินทางสู่ เมืองแอดดิส อบาบา ด้วยเที่ยวบินที่ ET 609 บริการอาหารว่างและเครื่องดื่มบนเครื่อง (ใช้เวลาทำการบินโดยประมาณ 8.30 ชั่วโมง) |
05.00 น. | เดินทางมาถึง สนามบินแอดดิส อะบาบา โบลี/กรุงแอดดิส อบาบา ผ่านพิธีการตรวจเอกสารคนเข้าเมืองและศุลกากร รวมค่าวีซ่า(แบบออนไลน์) เมืองแอดดิส อบาบา (Addis Ababa) ที่แปลว่า ดอกไม้ดอกใหม่ (The New Flower) เมืองแอดดีส อบาบา นครหลวงของ เอธิโอเปีย ซึ่งเป็นประเทศที่อยู่ทางทิศตะวัน ออกเฉียงเหนือของทวีปแอฟริกา กรุงแอดดีส อบาบา เป็นเมืองที่มีเรื่องราวและสถานที่น่าสนใจหลายแห่ง ล้วนแต่มีความเกี่ยวข้องกับอารยธรรมอันยาวนานกว่า 3,000 ปี ของประเทศเอธิโอเปีย จากนั้นนำท่านขึ้นไปยัง จุดชมวิวของเมืองแอดดิส อบาบา ณ เนินเขาเอ็นโตโต้ เพื่อ ชมวิวทิวทัศน์พาโนรามาไม่มีสิ่งใดมาบดบังความสวยงามอลังการของเมืองหลวงแห่งนี้ ต่อมานำท่านชม พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ( Ethiopia National Museum )จุดเด่นของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ คือ เป็นที่เก็บรวบรวมสิ่งประดิษฐ์ทางโบราณคดีที่มีค่ามาก ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ลูซี่ ( Lucy ) โครงกระดูกของบรรพบุรุษยุคแรกของมนุษย์ที่มีอายุกว่า 3.5 ล้านปี ซึ่งเก่าแก่ที่สุดในโลกที่ถูกค้นพบเมื่อปีค.ศ. 1974 ในประเทศเอธิโอเปีย โครงกระดูกและกะโหลกศีรษะที่จัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์นี้เป็นของจำลองเสมือนจริง ส่วนลูซี่ของจริงยังคงถูกเก็บรักษาเอาไว้อย่างดีเพื่อความปลอดภัยเนื่องจากโครงกระดูกเปราะบางมาก |
เที่ยง | รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร (มื้อที่1) |
บ่าย | นำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์วิทยา (Ethnological Museum) อยู่ภายในบริเวณ มหาวิทยาลัยแอดดีส อบาบาพิพิธภัณฑ์ชาติพันธุ์วิทยา แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ส่วนแรกจัดแสดงเรื่องราวของชนเผ่าต่างๆ ในเอธิโอเปีย มีประมาณ 85 ชนเผ่าทั่วประเทศ ซึ่งมีความเชื่อและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ รวมทั้งการแต่งกายที่แตกต่างกันไปตามถิ่นภูมิภาคต่างๆ นอกจากนี้ มีห้องนิทรรศการเกี่ยวกับวัฒนธรรมประเพณีของชาวเอธิโอเปียตั้งแต่เกิดจนถึงตาย รวมทั้งเรื่องของการสู้รบ เกมส์การละเล่น การตกแต่งร่างกาย ยาและการรักษาแผนโบราณ อาหารการกิน การหาเลี้ยงชีพ การเกษตรกรรม การล่าสัตว์ การประมง |
เย็น | รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร (มื้อที่2) |
ที่พัก | Golden Tulip Addis Ababa Hotel ระดับ 5 ดาว* หรือเทียบเท่า |
วันที่ 3 | แอดดิสอบาบา - อารบามิ้นห์ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรมที่พัก (มื้อที่3) จากนั้น นำท่านเดินทางออกไปทางตะวันตกเฉียงใต้ของแอดดิสอาบาบาสู่ เมืองอารบามิ้นห์ ผ่าน ฮัสซานา (Hossana)หนึ่งในดินแดนที่เขียวชอุ่มและอุดมสมบูรณ์ที่สุดของเอธิโอเปีย ระหว่างทางท่านจะได้เพลิดเพลินกับธรรมชาติและวิถีชีวิตของชนเผ่า Silte ที่สร้างบ้านด้วยวิธีธรรมชาติ และหลังคามุงจากทรงกลมทำมาจากต้นกล้วย (รถที่ใช้เดินทางตลอดทริป 2014 model 4WD Toyota Land Cruiser) |
เที่ยง | รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร (มื้อที่4) |
บ่าย | นำท่านต่อไปยัง เมืองอารบามิ้นห์ (Arbaminch) ระหว่างทางท่านจะได้ชมภูมิทัศน์ที่สวยงามเป็นอย่างมากและสามารถมองเห็นทะเลสาบอบายา (Abaya) และทะเลสาบชาโม (chamo) หนึ่งในสถานที่ที่อุดมสมบูรณ์และเขียวชอุ่มตลอดปีของประเทศเอธิโอเปีย เมืองอารบามิ้นห์ (Arbaminch) ซึ่งตั้งอยู่เขตกาโม่ โกฟาทางด้านใต้ของประเทศ และอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,285 เมตร ซึ่งเป็นเขตของชนเผ่าดั้งเดิมของเอธิโอเปีย ที่น่าสนใจที่สุดในโลก (อยู่ในลำดับ 25 ชนเผ่าที่กำลังจะหายสาบสูญไป) |
เย็น | รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร (มื้อที่5) |
ที่พัก | Haile Resort Arbaminch ระดับ 4 ดาว* หรือเทียบเท่า |
วันที่ 4 | อารบามิ้นห์ - ทะเลสาบชาโม - จินกา |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรมที่พัก (มื้อที่6) จากนั้น นำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบชาโม (Chamo) ล่องเรือยามเช้าชมจระเข้และฮิปโปตามธรรมชาติ (จระเข้บางตัวมีความยาวที่สุดในแอฟริกา มีความยาวถึง 8 เมตร) หลังจากนั้นเดินทางไปยัง เมืองจินคา (Jinka) ที่ตั้งอยู่ทางใต้ของเอธิโอเปีย ตั้งอยู่ทางตะวันตกของอาร์บามิ้นห์ เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในแถบโอโมและถูกขนามนามว่าเป็น “ปารีสแห่งแดนใต้” ที่นี่มีกลุ่มชาติพันธุ์พื้นเมือง 16 ชนเผ่า รวมถึงกลุ่มชาติพันธุ์อื่นที่อาศัยอยู่ในเอธิโอเปีย เมืองนี้ตั้งอยู่ในบริเวณเนินเขาของที่ราบสูงทาม่า ณ ระดับความสูง 1,490เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เมืองจินคาถือเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางสำคัญของนักท่องเที่ยวในการมาเยือนประเทศเอธิโอเปีย |
เที่ยง | รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร (มื้อที่7) |
บ่าย | ระหว่างทางท่านจะได้เห็นการใช้ชีวิตของชาวพื้นเมืองและชนเผ่าต่าง ๆ อาทิเช่น เผ่า Ari, Benna และ Tsemay |
เย็น | รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร (มื้อที่8) |
ที่พัก | Eco Omo Resort หรือ เทียบเท่า **ไม่มีเครื่องปรับอากาศเนื่องจากมีอากาศเย็นตลอดทั้งปี มีเครื่องทำน้ำอุ่นบริการ** |
วันที่ 5 | จินกา - หมู่บ้านชนเผ่าเมอซี - เทอร์มี่ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรมที่พัก (มื้อที่9) จากนั้น นำท่านเข้าสู่ อุทยานแห่งชาติมาโก (Mago National Park) ชมความหลากหลายของบรรดาสรรพสัตว์ที่อาศัยอยู่ภายในอุทยานแห่งนี้ อาทิ ช้าง, ยีราฟ, ม้าลาย และที่ห้ามพลาดคือวัฒนธรรมของ ชนเผ่าเมอร์ซี่ (Mursi Tribe) หรือเรียกตัวเองว่า มุน (Mun) ที่อาศัยอยู่ใกล้แม่น้ำโอโม (Omo River) ผู้หญิงเผ่าเมอซีจะใช้แผ่นไม้หรือ แผ่นดินเผากลมๆใส่ไว้ที่บริเวณริมฝีปากล่าง โดยจะใส่เมื่ออายุได้ 15-16 ปี สำหรับหญิงสาวที่ไม่ได้แต่งงานจะขยายขนาดของแผ่นจานให้มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับตนเอง ชนเผ่าเมอซีเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่โดดเดี่ยวมากที่สุดและอยู่ใกล้ชายแดนประเทศซูดาน มีความเชื่อเรื่องธรรมชาติ พ่อมดมีพิธีกรรมที่ทำเพื่อการปกป้องชีวิตผู้ชาย สัตว์ป่า โรคร้าย และจากการโจมตีจากชนเผ่าอื่น ๆ รัฐบาลเอธิโอเปียจึงจัดให้กลุ่มชาติพันธุ์ Mursi และ Suri ภายใต้ชื่อกลุ่ม Surma จากนั้นนำท่านเดินทางกลับเมืองจินกาเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน
|
เที่ยง | รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร (มื้อที่10) |
บ่าย | ได้เวลานำท่านเดินทางไปยัง หมู่บ้านเทอร์มี่ (Turmi) ที่มีชนเผ่าฮามาร์อาศัยอยู่รอบๆ พื้นที่ของบริเวณแห่งนี้ ให้ท่านได้ชมวัฒนธรรมที่สำคัญของชนเผ่านี้ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์และประเพณีที่รู้จักกันดี คือ การกระโดดข้ามวัว (Bull Jumping) โดยเริ่มจากการที่เป็นเด็กผู้ชายและกำลังจะเติบโตกลายเป็นผู้ใหญ่ โดยในการเริ่มแรกจะมีการเต้นรำของพวกผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์กันโดยการแต่งกายใ ห้สวยงามตามประเพณี และก็จะมีการเชื้อเชิญเด็กผู้ชายให้มาร่วมงานในการกระโดดข้ามหลังวัว (กิจกรรมนี้ขึ้นอยู่กับชนเผ่านั้น ๆ ว่าจะมีในวันนั้นหรือไม่) ระหว่างทาง แวะชม หมู่บ้านของชนเผ่าต่าง ๆ ของเอธิโอเปีย อาทิ ชนเผ่าอารี (Ari) ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการทำเครื่องปั้นดินเผา, ชนเผ่าเบนนา (Benna) ที่มีเอกลักษณ์โดยการนำดินปูนสีขาวมาทาตัวเพื่อตกแต่งร่างกาย |
เย็น | รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร (มื้อที่11) |
ที่พัก | Buska Lodge หรือเทียบเท่า **ไม่มีเครื่องปรับอากาศเนื่องจากมีอากาศเย็นตลอดทั้งปี มีเครื่องทำน้ำอุ่นบริการ** |
วันที่ 6 | เทอร์มี่ - เผ่าดาเซนเนคส์ - คอนโซ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรมที่พัก (มื้อที่12) จากนั้นนำท่านเดินทางไปยัง แม่น้ำโอโม เพื่อนั่งเรือแคนนูนข้ามแม่น้ำ นำท่านเดินทางไปเยือนหมู่บ้านของชนเผ่าดาเซนเนคส์ (Dassanech Tribe) เป็นชนเผ่าที่มีความเก่าแก่ที่สุดเผ่าหนึ่งของแอฟริกาและชนเผ่านี้ ยังเป็นต้นแบบของชนเผ่าในเคนย่าและซูดานอีกด้วย ที่อาศัยอยู่ตามริมหุบเขาของแม่น้ำโอโม ที่มีการปลูกบ้าน และวาดสีตามร่างกาย มีการสำรวจนับคนที่อยู่อาศัยได้ ประมาณ 48,000 คนหุบเขาของแม่น้ำโอโมนี้ ได้ถูกเรียกว่า แนวหน้าสุดท้ายของชาวแอฟริกัน (African’s Last Frontier) แม่น้ำโอโมนี้ มีความยาวประมาณ 400 ไมล์ และไหลจากทางเหนือลงมาทางด้านใต้มายังทะเลสาบเทอร์กาน่า และมีชนเผ่าใหญ่ๆอาศัยอยู่ในบริเวณนี้ถึง 9 ชนเผ่า ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 225,000 คน และได้อาศัยความเป็นอยู่ของแม่น้ำนี้ ในการดำรงชีวิตและรวมทั้งรักษาโรคภัยไข้เจ็บอีกด้วย จากนั้นนำท่าน เดินทางกลับเมืองเทอร์มี่ เพื่อรับประทานอาหารกลางวัน
|
เที่ยง | รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร (มื้อที่13) |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ คอนโซ (Konso) ระหว่างทางนำท่านแวะชม หมู่บ้านชนเผ่า Tsemay |
เย็น | รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร (มื้อที่14) |
ที่พัก | Kanta Lodge หรือเทียบเท่า **ไม่มีเครื่องปรับอากาศเนื่องจากมีอากาศเย็นตลอดทั้งปี มีเครื่องทำน้ำอุ่นบริการ** |
วันที่ 7 | หมู่บ้านคอนโซ - อารบามิ้นห์ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรมที่พัก (มื้อที่15) นำท่านชม หมู่บ้านคอนโซ ที่ UNESCO ยกให้เป็นแหล่งมรดกโลกเมื่อวันที่ 30 กันยายน ค.ศ.1997 โดยสิ่งที่น่าสนใจในหมู่บ้านนี้คือบ้านเรือนที่ตั้งอยู่บนเนินเขาและไม้แกะสลักที่เรียกว่า Waka ใช้เป็นสัญลักษณ์รำลึกถึงเหล่าบรรพบุรุษผู้ล่วงลับจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองอาร์บามิ้นห์ (Arba Minch)
|
เที่ยง | รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร (มื้อที่16) |
บ่าย | นำท่านนั่งรถต่อไปเพื่อเยี่ยมชม ชนเผ่าดอเซ่ (Dorze) ที่ Chencha ได้เวลานำท่านกลับไปสู่อารบามิ้นห์ |
เย็น | รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคาร (มื้อที่17) |
ที่พัก | Haile Resort Arbaminch ระดับ4ดาว* หรือเทียบเท่า |
วันที่ 8 | อารบามิ้นห์ - แอดดิสอบาบา - กรุงเทพฯ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารโรงแรมที่พัก (มื้อที่18) นำท่านเดินทางกลับสู่ กรุงแอดดิสอบาบา ระหว่างทางท่านจะได้ทัศนีย์ภาพของหุบเขาทรุด (Great Rift Valley) คือหุบเขารอยเลื่อนขนาดใหญ่ เป็นรอยแยกยาวต่อเนื่องขนาดยาวที่สุดในโลก ขนาดความกว้างประมาณ 30-100 กิโลเมตร เป็นหน้าผาดิ่งจากที่ราบสูงรอบ ๆ ลึกกว่า 450-800 เมตร พาดผ่าน 19 ประเทศ ตั้งแต่เหนือจรดใต้ เรียงกันได้ดังนี้ เริ่มต้นจากประเทศซีเรีย เลบานอน อิสราเอล จอร์แดน เวสต์แบงก์ (ปาเลสไตน์) ผ่านเข้าสู่ทะเลแดง เลียบชายฝั่งอียิปต์และซูดาน ก่อนจะเข้าสู่เอริเทรีย เอธิโอเปีย เคนยา ยูกันดา สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (ซาอีร์เดิม) รวันดา บุรุนดี แ ทนซาเนีย แซมเบีย มาลาวี และสิ้นสุดในโมซัมบิก รวมความยาวที่พาดผ่านตั้งแต่เหนือจรดใต้ ประมาณ 6,750 กิโลเมตร คิดเป็นประมาณ 1 ใน 4 เท่าของเส้นรอบวงโลก (เส้นศูนย์สูตร) โดยที่ขอบด้านข้างของหุบเขาทรุดสูงมากกว่า 2,000 เมตร หุบเขาทรุดเกิดจากการที่แผนเปลือกโลก 2 แผ่นแยกออกจากกัน คือ แผ่นเปลือกโลกที่รองรับคาบสมุทรอาหรับและแอฟริกาตะวันออก กับแผ่นเปลือกโลกที่รอบรับทวีปแอฟริกาทั้งทวีป ซึ่งค่อย ๆ แยกตัวออกจากกันอย่างสม่ำเสมอทำให้เกิดแนวทรุดตัวเป็นแนวยาว เกิดที่ที่ราบทรุดตัวแม่น้ำ ร่องธารลึก และภายในยุคหน้าน้ำทะเลจะท่วมเข้ามาจนกระทั่งตัดทวีปแอฟริกาขาดออกจากกัน ระหว่างทางนำท่านแวะที่ ทะเลสาบซีเวย์ (Zeway) เยี่ยมชมชนเผ่า Alaba, Wolayta, Oromo และหมู่บ้านของพวกเขา |
เที่ยง | รับประทานอาหารเที่ยง ณ ภัตตาคาร (มื้อที่19) |
บ่าย | ออกเดินทางสู่ กรุงแอดดิสอบาบา ต่อ ชมทิวทัศน์ของหุบเขาทรุดและธรรมชาติตลอดสองข้างทาง จากนั้นนำท่านแวะซื้อของฝากที่ระลึกพื้นเมือง |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร (มื้อที่20) พร้อมชมระบำพื้นเมืองเอธิโอเปียน |
21.00 น. | ได้เวลาอันสมควรนำท่านเดินทางถึง สนามบินแอดดิส อบาบา โบลี นำคณะเช็คอิน |
23.55 น. | ออกเดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิ ด้วยเที่ยวบินที่ ET 608 บริการอาหารว่างและเครื่องดื่มบนเครื่อง (ใช้เวลาทำการบินโดยประมาณ 9.20 ชั่วโมง) |
วันที่ 9 | กรุงเทพฯ |
13.15 น. | เดินทางกลับถึง สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิฯ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ |