วันที่ 1 | กรุงเทพ – ไทเป |
13.30 น. | พบกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ เคาน์เตอร์เช็คอินสายการบินอีวีเอแอร์ |
16.45 น. | ออกเดินทางสู่สนามบินไต้หวันเถา-ยฺเหวียน (TPE) โดยเที่ยวบิน BR68 (ใช้เวลาบินประมาณ 3.50 ชม.) สายการบิน มีบริการอาหาร บนเครื่องบิน |
21.30 น. | เดินทางถึง สนามบินไต้หวันเถา-ยฺเหวียน (TPE) แวะเปลี่ยนเครื่อง |
23.55 น. | ออกเดินทางจาก สนามบินไทเป (TPE) สู่ สนามบินลอสแองเจลิส (LAX) โดยเที่ยวบิน BR16 (ใช้เวลาบินประมาณ 12 ชั่วโมง) ********* บินข้ามเส้นแบ่งเขตเวลาสากล ******* สายการบินมีบริการอาหารค่ำ และ อาหารเช้าบนเครื่องบิน |
20.55 น. | เดินทางถึงท่าอากาศยานนานาชาติลอสแอนเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง และ ศุลกากร จากนั้นนำท่านสู่โรงแรมที่พัก |
ที่พัก | Doubletree by Hilton Whittier Los Angeles**** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 2 | ลอสแองเจลิส – ลาสเวกัส – เซ็นต์จอร์จ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่นครลอสแอนเจลิส (Los Angeles) เมืองที่ใหญ่ที่สุด เป็นอันดับสอง ของสหรัฐอเมริกาตั้งอยู่ใน รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นเมืองที่มีความหลากหลายทาง ด้านวัฒนธรรมและศิลปกรรม นอกจากนี้ยังเป็นเมืองที่มี ชื่อเสียงอย่างมากของนักท่องเที่ยว เพราะเป็นที่ตั้งของฮอลลีวูด (Hollywood) และย่านคนรวยอย่างเบเวอรี่ฮิลล์ (Beverly Hills) ซึ่งเป็นที่พักของ เหล่าดาราดังในวงการมายา นำท่านเดินเล่นบน ถนน ฮอลลีวูด วอร์ค ออฟ เฟม (Hollywood Walk of Fame) ถนนสายสำคัญของคนดังฮอลลีวูด ประดับด้วยแผ่นหินตบแต่งเป็นรูปดาวห้าแฉก จำนวนเกือบ 5,000 ดวง จารึกชื่อของนักแสดง และบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการมายา จาก 5 วงการ ซึ่งถือเป็นเกียรติสูงสุด สำหรับผู้ได้รับคัดเลือกให้จารึกบนฮอลลีวูด วอร์ค ออฟ เฟม แห่งนี้ อิสระให้ท่านได้เดินเล่นและเก็บภาพตามอัธยาศัย ได้เวลานำท่านแวะถ่ายภาพกับโรงภาพยนตร์กรอแมนไชนีส เธียร์เตอร์ (Grauman’s Chinese Theatre) ซึ่งเป็นโรงภาพยนตร์ในแบบศิลปะจีนที่เก่าแก่ที่สุดแห่งฮอลลีวูด ด้านหน้ามีรอยจารึกฝ่ามือของดาราฮอลลีวูดพร้อมลายมือชื่อมากมาย อิสระให้ท่านได้ค้นหาและเก็บภาพดาราที่ชื่นชอบตามอัธยาศัย |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน (เมนูกุ้งมังกร) |
13.00 น | นำท่านเดินทางสู่ สนามบินลอสแองเจลิส |
15.36 น. | ออกเดินทางจาก สนามบินลอสแอนเจลิส สู่สนามบินลาสเวกัส โดยเที่ยวบิน..... (ใช้เวลาบิน 1.17 ช.ม.) |
16.54 น. | เดินทางถึงสนามบินลาสเวกัส นำท่านเดินทางสู่เมืองเซ็นต์จอร์จ (St. George) (ระยะทางประมาณ 190 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.45 ช.ม.) นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำในโรงแรมที่พัก |
ที่พัก | Courtyard by Marriott St. George **** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 3 | เซ็นต์จอร์จ - ไบรซ์ แคนยอน – แอนทีโลปแคนยอน (พักค้าง 2 คืน) |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ อุทยานแห่งชาติไบรซ์ แคนยอน (Bryce Canyon National Park) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.15 ช.ม.) ตั้งอยู่ในรัฐยูทาห์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ใช่ว่าจะมีเพียงแกรนด์แคนยอน(Grand Canyon) เท่านั้นที่เป็นธรรมชาติมหัศจรรย์ที่ถูกรังสรรค์ขึ้นมา ปรากฏการณ์ธรรมชาติเมื่อ 6 ล้านปีมาแล้วที่บริเวณนี้อยู่ใต้ผืนน้ำเมื่อเกิดการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกผืนแผ่นดินที่ราบสูงก็ถูกยกตัวขึ้น และเกิดการกัดเซาะอย่างรุนแรงบริเวณชั้นหินจนก่อเกิดเป็นเสาดินและหินมากมายในหุบเขาที่สูงถึง 2,800 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง เนื่องจากสถานที่นี้อยู่ตอนปลายของแกรนด์แคนยอน จึงถูกตั้งชื่อว่าไบรซ์แคนยอน (Bryce Canyon) เอกลักษณ์ของไบรซ์แคนยอนคือ แท่งหินยอดแหลมๆ ที่เรียกว่า ฮูดู (Hoodoos) ที่ขึ้นเรียงกันเป็นแนว มีรูปร่างรูปทรงแปลกประหลาด ตำนานของพวกอินเดียนแดงกล่าวว่า แท่งหินเหล่านี้เกิดจากมนุษย์ที่ต้องคำสาปกลายเป็นหิน บริเวณไบรซ์แคนยอน ประกอบด้วยหินทรายสลับหินดินดาน ตั้งแต่ยุคครีเทเชียสถึงช่วงต้นของมหายุคซีโนโซอิก ตกสะสมตัวในสภาพแวดล้อม แบบทะเลสาบขนาดใหญ่ จนกระทั่งน้ำตื้นขึ้นเรื่อยๆ เป็นเวลาหลายล้านปี ทำให้เริ่มมีการกร่อนของแม่น้ำที่ไหลผ่านชั้นหิน ร่วมกับการยกตัวของพื้นดินขณะเกิดเทือกเขารอกกี้ (~70-50 ล้านปีก่อน) จากนั้นก็มีการยกตัวของเปลือกโลกอีกครั้ง และทำให้เกิดที่ราบสูงโคโลราโดเมื่อ 16 ล้านปีก่อน การยกตัวทำให้หินเริ่มมีการแตกตามแนวดิ่ง ซึ่งทำให้ง่ายต่อการถูกกร่อน จนกลายเป็นแท่งเสาสวยงามในปัจจุบัน สีน้ำตาลแดง สีชมพู และสีแดงได้จากแร่ฮีมาไทต์ (Hematite) ซึ่งมีธาตุเหล็กเป็นองค์ประกอบ ส่วนสีเหลืองได้จากแร่ลิโมไนต์ (Limonite) ส่วนสีม่วงได้จากแร่ไพโรลูไซต์ (Pyrolusite) อิสระให้ท่านได้เก็บภาพไบร์ซแคนยอนตามอัธยาศัย |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่แอนทีโลปแคนยอน (Antelope Canyon) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชั่วโมง) อีกหนึ่งความอัศจรรย์ที่ธรรมชาติบันดาลให้ปรากฏ หุบเขาพิศวง แห่งนี้ เกิดจากการพังทลายของชั้นหิน Navajo Sandstone ซึ่งถูกกัดเซาะอย่างฉับพลันจากกระแสน้ำที่ซัดผ่าน ผสานความแรงจากกระแสลม พายุฝน ผ่านฤดูกาลต่างๆ ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน Antelope Canyon จึงกลายเป็นหุบเขาที่อันตรายที่สุด เนื่องจากบริเวณนั้นอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันได้ตลอดเวลา และระดับน้ำสามารถสูงถึง 10 เมตร |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
ที่พัก | Holiday Inn Express & Suite Page Hotel**** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1) |
วันที่ 4 | แอนทีโลปแคนยอน – Horse Shoe Bend Point |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านชมความมหัศจรรย์ของแอนทีโลปแคนยอน หุบเขาที่อันตรายที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งดึงดูดใจช่างภาพทั่วโลก เพราะสีสันจากธรรมชาติซึ่งเกิดจากการตกกระทบของแสงอาทิตย์ที่สาดส่องผ่านช่องแคบ สะท้อนกับสีของชั้นหิน Navajo Sandstone เกิดเป็นความสวยงามสุดประทับใจแก่ทุกสายตา ด้วยความคดเคี้ยวดุจเกลียวคลื่นเว้าแหว่งไปตามซอกหน้าผา สีสันที่เห็นใน Antelope Canyon จึงเปลี่ยนไปตามการหักเหของแสงในฤดูกาลต่างๆ เช่น ฤดูร้อน สีสันจะเป็นโทนสีแดง ส้ม และ ม่วง ฤดูใบไม้ร่วง จะเป็นโทนสีอ่อน สบายตา แม้ Antelope Canyon จะขึ้นชื่อว่าเป็น หุบเขาที่อันตรายที่สุด ขณะเดียวกันก็ถือว่าเป็น หุบเขาที่สวยที่สุด และเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก และได้รับความนิยมในการถ่ายรูปมากที่สุดแห่งหนึ่งในอเมริกา อิสระให้ท่านเก็บภาพความสวยงามตามอัธยาศัย |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านชม ฮอสชูเบน (Horse Shoe Ben Point) จุดชมโค้งแม่น้ำรูปเกือกม้าบนหน้าผาสูงกว่า 1,000 ฟุต นับเป็นอีกหนึ่งทัศนียภาพที่สวยงามมาก อิสระให้ท่านได้เดินเล่นและเก็บภาพความงามที่รังสรรค์โดยธรรมชาติ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
ที่พัก | Holiday Inn Express & Suite Page Hotel**** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2) |
วันที่ 5 | หุบเขาโมนูเมนต์ – โฟร์คอนเนอร์ โมนูเมนต์ – อุทยานแห่งชาติเมซา เวอร์เด – เมืองโบราณใต้ผา |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่หุบเขาโมนูเมนต์ (Monument of Valley Navajo Tribal Park) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.45 ชั่วโมง) นำท่านเที่ยวชมและถ่ายรูปกับหุบเขาโมนูเมนต์ (Monument Valley) ซึ่งตั้งอยู่ที่เส้นเขตแดนระหว่างรัฐยูทาห์กับรัฐแอริโซนาทางตะวันตกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา ชื่อหุบเขามีที่มาจากแท่งหินค้ำขนาดมหึมา ซึ่งกระจัดกระจายอยู่บนที่ราบไม้พุ่มอันแห้งแล้ง ภูมิภาคแถบนี้เต็มไปด้วยแท่งหินหรือซากหินที่หลงเหลือจากการสึกกร่อน นักธรณีวิทยาเรียกแท่งหินลักษณะดังกล่าวนี้ว่าโมนูเมนต์ ซึ่งมีลักษณะคล้ายสิ่งก่อสร้างจากฝีมือมนุษย์เช่น ตึกสูง หินแท่งรูปร่างแปลกตาจำนวนมากเหล่านี้ถูกเรียกขานว่า "หินรูปประสาท" ซึ่งเป็นแท่งหินที่มีลักษณะยอดราบ หรือเรียกอีกอย่างเนิน "เมซา"(mesa) สูงกว่า 300 เมตร และด้านบนมีหินคล้ายใบเสมาปรากฏอยู่ นอกจากนี้ยังมี "หินรูปถุงมือ" ซึ่งมีลักษณะเป็นเนินยอดป้านดูคล้ายนิ้วมือทั้งสี่ นอกจากนี้ยังมีหินรูปร่างแปลกตาอีกมากมาย ในกลุ่มแท่งหิน สูงกว่า 245 เมตร หุบเขาแห่งนี้ยังเป็นฉากในภาพยนตร์ฮอลลิวู้ดหลายต่อหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น Mission Impossible II, Transformer, Forrest Gump, Back to the Future and etc. อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความน่าอัศจรรย์และสวยงามของหุบเขาโมนูเมนต์ตามอัธยาศัย |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติเมซา เวอร์เด (Mesa Verde National Park) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) เป็นอุทยานที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐโคโลราโด สหรัฐอเมริกา โดยมีบริเวณที่เป็นจุดเชื่อม 4 รัฐที่เรียกว่า โฟร์คอร์เนอร์ (4 corners) อันประกอบด้วยรัฐยูทาห์ โคโลราโด นิวเม็กซิโก และ อริโซนา ภายในอุทยานจะเป็นหน้าผา ซึ่งคนโบราณได้สร้างบ้านเรือนที่อยู่อาศัย ปัจจุบันได้กลายเป็นโบราณสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา สำหรับ เมซาเวอร์เด ยังถือว่าเป็นแหล่งศึกษาประวัติศาสตร์ของชาวอินเดียนแดงโบราณ เผ่าปัวโบล (Pueblos) เนื่องจากบริเวณนี้เต็มไปด้วยชะง่อนผาที่ยื่นออกไป ทำให้ข้างใต้เกิดเป็นลักษณะเหมือนถ้ำ ชาวอินเดียนแดงโบราณเผ่าปัวโบล (Pueblos) จึงใช้ประโยชน์จากแหล่งกำบังทางธรรมชาติโดยสร้างบ้านเรือนอยู่ใต้ชะง่อนผา ชุมชนชะง่อนผาเหล่านี้ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงรูปโต๊ะ ซึ่งมีความสูงถึง 3,650 เมตร ชาวปัวโบลขยายตัวออกไปและได้สร้างชุมชนเป็นหมู่บ้านเล็กบ้างใหญ่บ้างใต้ชะง่อนผานับได้กว่า 600 แห่ง แต่แห่งที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีชื่อว่าคลิฟพาเลซ (Cliff Palace) เป็นเสมือนอพาร์ทเมนต์หรือคอนโดมิเนียม มี 6 ชั้น มีจำนวนห้องถึง 217 ห้อง และมีความยาวถึง 88 เมตร อยู่ได้ถึง 600 คน สำหรับอุทยานแห่งชาติเมซา เวอร์เด ปัจจุบันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้เพื่ออนุรักษ์โบราณสถานแห่งนี้ให้เป็นสมบัติของมวลมนุษยชาติสืบไป อิสระให้ท่านได้เก็บภาพเมืองโบราณใต้ชะง่อนผาตามอัธยาศัย |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
ที่พัก | Holiday Inn Express Mesa Hotel****หรือเทียบเท่า |
วันที่ 6 | เมซา – อุทยานแห่งชาติอาร์เชส - โคโลราโด |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติอาร์เชส (Arches National Park) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.45 ชั่วโมง) หรือ อุทยานแห่งชาติหินโค้ง ซึ่งมีเนื้อที่ 300 ตารางกิโลเมตร มีสะพานหินโค้งมากกว่า 200 แห่ง สะพานหินโค้งแลนด์สเคป ยาวกว่า 89 เมตร เป็นสะพานหินโค้งที่ยาวที่สุดในโลก แม้จะเป็นอุทยานเล็กๆ มีเนื้อที่ไม่มาก แต่ที่นี่เป็นบันทึกหน้าสำคัญทางธรณีวิทยา เป็นที่ชุมนุมของหินโค้งหรือทับศัพท์จากภาษาอังกฤษว่าอาร์ช (arch) ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติถึงกว่า 2000 พันชิ้น มีขนาดน้อยใหญ่ รูปร่างแตกต่างกัน และ มีสะพานหินโค้งเดลิเคต ซึ่งสะพานแห่งนี้สูงโดดเด่นเหนือของแอ่งหินขนาดใหญ่ ตัวสะพานสูงเท่าตึก 7 ชั้น เป็นจุดเด่นของอุทยานแห่งนี้ อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความงามของอุทยานหินโค้งตามอัธยาศัย |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านชมจุดชมวิวต่างๆ และ สะพานหินโค้ง (Arches) ที่มีเป็นจำนวนมากและหลายจุด ให้ท่านได้เก็บภาพความสวยงามของอุทยานหินโค้ง ได้แบบเต็มที่ ได้เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองเกรนวู๊ดสปริง โคโลราโด (Glenwood Spring Colorado) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชั่วโมง) |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
ที่พัก | Holiday Inn Glenwood Spring Hotel**** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 7 | อุทยานแห่งชาติป่าไวท์ริเวอร์ – เดนเวอร์ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ ป่าไวท์ริเวอร์ หรือ ป่าแห่งแม่น้ำสีขาว (White River National Forest) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.15 ชั่วโมง) อันเป็นที่ตั้งของ Maroon Bells อันงดงาม ซึ่งเป็นยอดเขายาวต่อกันที่โผล่ขึ้นมาเหนือทะเลสาบน้ำใส ให้ท่านได้มีเวลาเก็บภาพความสวยงามของเทือกเขายอดสูงที่ปกคลุมด้วยหิมะ สะท้อนกับผืนน้ำใส เรียกได้ว่าเป็นฉากหลังที่สวยงามไม่แพ้เทือกเขาร๊อกกี้ |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่เมืองเดนเวอร์ (Denver) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.45 ชั่วโมง) เป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของ รัฐโคโลราโด ชื่อเล่นของเดนเวอร์ คือ ไมล์ไฮซิตี้ เนื่องจากตัวเมืองสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1 ไมล์ เดนเวอร์ยังได้ชื่อทางประวัติศาสตร์ว่า Queen City of the Plains เนื่องจากความสำคัญของอุตสาหกรรมการเกษตรของเมือง ทำให้เรือรบสหรัฐอเมริกา หลายลำใช้ชื่อว่า USS Denver เพื่อเป็นการให้เกียรติเมืองนี้ นำท่านถ่ายรูปกับศาลาว่าการเมืองโคโลราโด (Colorado State Capital) จากนั้นนำท่านเที่ยวชมสวนพฤกษศาสตร์ เดนเวอร์ (Denver Botanical Garden) ซึ่งเป็นสวนพฤกษศาสตร์ใจกลางเมืองที่มีการนำพืชพันธุ์หลากหลายชนิดมาปลูกไว้ที่นี่ นับเป็นสถานที่ฟอกปอดที่สำคัญของชาวเมืองเดนเวอร์ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารไทย |
ที่พัก | Hilton Garden Inn Denver Downtown**** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 8 | เดนเวอร์ – อุทยานแห่งชาติเมาท์รัชมอร์ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่สนามบินเดนเวอร์ เพื่อเช็คอิน |
09.55 น. | ออกเดินทางจากสนามบินเดนเวอร์ สู่ สนามบินเรพพิต ซิตี้ โดยเที่ยวบิน UA5862 |
11.13 น. | เดินทางถึง สนามบินเรพพิต ซิตี้ |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่อนุสรณ์สถานแห่งชาติเขารัชมอร์ (Mt. Rushmore National Memorial) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) เป็นประติมากรรมแกะ สลักบนหน้าผาของภูเขาหินแกรนิต ชื่อเขารัชมอร์ ซึ่งชื่อในภาษาลาโกตา ซู แปลว่า ปู่หกคน ใกล้เมืองคีย์สโตนรัฐเซาท์ดาโกต้า ประเทศสหรัฐอเมริกา แกะสลักโดยชาวเดนมาร์ก-อเมริกันชื่อ Gutzon Borglum และลูกชายของเขาชื่อ ลินคอล์น ประติมากรรมเป็นใบหน้าของอดีตประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาสูง 60 ฟุต (18 เมตร) 4 ท่าน ได้แก่ จอร์จ วอชิงตัน (1732-1799) โทมัส เจฟเฟอร์สัน (1743-1826) ทีโอดอร์ รูสเวล (1858-1919) และ อับราฮัม ลินคอล์น (1809-1865) ซึ่งเป็นประติมากรรมที่ตั้งตระหง่านบนหน้าผาที่สูงชันบนเทือกเขา แบล็คฮิลส์ เซาธ์ดาโกตา อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปกับประติมากรรมหน้าผาหินของอดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาทั้ง 4 คน จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เครซี่ ฮอร์ส (Crazy Horse Memorial) เพื่อชมความยิ่งใหญ่ของอนุสาวรีย์สลักจากภูเขา "เครซี่ ฮอร์ส" ได้รับยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษที่ปกป้องดินแดนของตนในการสู้รบกับทหารอเมริกา จนได้รับการยกย่องว่าเป็นนักรบผู้กล้าหาญแล้ว และยังได้รับเกิยรติตีพิมพ์รูปในสแตมป์ของสหรัฐอเมริกา และที่สำคัญคือ "เครซี่ ฮอร์ส" คือนักรบอินเดียนคนสุดท้ายที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์อเมริกา ปัจจุบันชนเผ่าอินเดียนอยู่ในพื้นที่เขตสงวนที่รัฐบาลอเมริกันจัดสรรไว้ โดยยกพื้นที่ให้เป็นเขตปกครองพิเศษของพวกเขาเอง และในส่วนของหินผาแกะสลัก Crazy Horse นี้ ปัจจุบันยังสร้างไม่เสร็จ ใช้เวลานานมากตั้งแต่ปี ค.ศ.1948 โดย Korczak Ziolkoqski แต่ถ้าสร้างเสร็จเมื่อไร ที่นี่จะกลายเป็นภูผาแกะสลักที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย อิสระให้ทุกท่านเยี่ยมชมพร้อมเก็บภาพความประทับใจตามอัธยาศัย |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารไทย |
ที่พัก | Hilton Garden Inn Rapid City Hotel หรือเทียบเท่า |
วันที่ 9 | เรพพิตซิตี้ - บัฟฟาโล ไวโอมิ่ง – โคดี้ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่เมืองบัฟฟาโล รัฐไวโอมิง (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.45 ชั่วโมง) บัฟฟาโลเป็นเมืองในเทศมณฑลจอห์นสัน รัฐไวโอมิง สหรัฐอเมริกา เมืองนี้ตั้งอยู่เกือบเท่าๆ กันระหว่าง Yellowstone Park และ Mount Rushmore ระหว่างทางท่านจะได้สัมผัสกับทัศนียภาพในสไตล์ชนบทหรือ อเมริกันคันทรีไซด์ ซึ่งมีวิถีการดำรงชีวิตเรียบง่ายหากเทียบกับในเมืองใหญ่ๆ |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านแวะถ่ายรูปและสัมผัสภูมิประเทศแนวทิวเขาร้อกกี้ ในอุทยานบิ๊กฮอร์น (Bighorn National Forest) ซึ่งเป็นแนวเทือกเขาร้อกกี้แนวยาว ทำให้เห็นเหมือนยอดเขาแตะผืนฟ้า หรือที่รู้จักในนาม Cloud Peak Wilderness ให้ท่านได้เดินเล่นสูดอากาศบริสุทธิ์ในอุทยานแห่งนี้ ก่อนนำท่านเดินทางสู่เมืองโคดี้ (Cody) ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นประตูสู่อุทยานแห่งชาติ เยลโลว์สโตนฝั่งตะวันออก (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชั่วโมง) |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | Best Western Premier Cody Hotel**** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 10 | โคดี้ - อุทยานแห่งชาติ เยลโลว์สโตน |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติ เยลโลว์สโตน (Yellow Stone National Park) (ใช้เวลาเดินทาง 1 ช.ม.) อุทยานแห่งชาติแห่งแรก ของโลกที่ตั้งอยู่ต้นสายของแม่น้ำเยลโลว์สโตน หรือ Hidatsa ที่แปลว่าหินสีเหลือง ตามภาษาชาวอินเดียแดง เผ่า Minnetaree ที่พบหินสีเหลืองอยู่โดยรอบแม่น้ำสายนี้ และถูกนำมาใช้เป็นชื่อของอุทยานแห่งชาติ ในปี 1872 ปัจจุบันมีเนื้อที่ครอบคลุมถึง 3 รัฐ (ไอดาโฮ, ไวโอมิ่ง และมอนทาน่า) บนเนื้อที่ทั้งหมด 2,219,789 เอเคอร์ มีสัตว์สายพันธุ์ต่างๆมากกว่า 400 สายพันธุ์ อาทิเช่น กวางมูส หมี และหมาป่า เป็นต้น พันธุ์ไม้มากกว่า 1,000 สายพันธุ์ นอกจากนี้ยังตั้งอยู่ในเขต Super volcano ที่เคยเกิดการปะทุมาแล้ว 3 ครั้ง (ครั้งสุดท้าย 640,000 ปีก่อน) จึงทำให้พื้นที่แห่งนี้เกิดความอุดมสมบูรณ์เนื่องจากการสะสมและทับซ้อนของลาวาและขี้เถ้าจากการระเบิดของภูเขาไฟจึงทำให้มีแร่ธาตุที่เหมาะสมแก่การเพาะปลูก และยังให้มีทัศนียภาพที่งดงามอีกด้วย นำท่านชมน้ำตกเยลโลว์สโตนประกอบไปด้วยน้ำตกจำนวน 2 น้ำตก คือน้ำตก โลว์เวอร์เยลโลว์สโตน (Upper Yellowstone Falls) และ น้ำตกอัพเปอร์เยลโลว์สโตน ( Lower Yellowstone Falls) แล้วไหลเข้าสู่ แกรนด์ แคนยอนแห่งเยลโลว์สโตน นำท่านชม แกรนด์แคนยอนแห่งเยลโลว์สโตน(Grand Canyon of Yellow Stone) หุบเหวที่เกิดจากการแยกตัวของพื้นโลก อันมีสาเหตุจากภูเข้าไฟระเบิด การเคลื่อนตัวของน้ำแข็ง ในยุคที่น้ำแข็งละลาย จึงทำให้ปัจจุบันนี้แม่น้ำเยลโล่ว์สโตนไหลผ่านกว่า 38 กิโลเมตรเลยทีเดียว นำท่านชมความงดงามของแม่น้ำเยลโลว์สโตน(Yellow Stone River) เป็นหนึ่งในสาขาของแม่น้ำมิสซูรี่ มีความยาวประมาณ 1,114 กิโลเมตร นอกจากนี้ผิวน้ำบริเวณน้ำตกนั้นจะถูกเคลือบด้วยน้ำแข็ง สลับไปด้วยสีสันสวยงามของผาหินสีแดงแกมน้ำตาลที่เต็มไปด้วยสีขาวของหิมะที่ค้างอยู่ตามซอกชั้นหลืบผา และสีเขียวเข้มเกือบดำของป่าสน ทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางมายังอุทยานแห่งชาติแห่งนี้ไม่ขาดสาย |
กลางวัน | อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย ซึ่งจะมีจำหน่ายที่ศูนย์นักท่องเที่ยว ภายในอุทยานแห่งชาติ |
บ่าย | นำท่านชม Fountain Paint Pots บ่อโคลนเดือดที่เกิดจากไอร้อนที่เกิดจากแมกม่าในชั้นใต้ดินของผิวโลกที่ผสมผสานการดินโคลนในแถบนั้นจึงทำให้เกิดเป็นบ่อโคลนเดือดและเกิดสีแดง สีเหลืองและสีน้ำตาลตามสีของชั้นดินในแถบนั้น นำท่านชม แมมมอธ ฮอตสปริง (Mammoth Hot Springs) บ่อน้ำพุร้อนอันสุดแสนสลับซับซ้อนที่ตั้งอยู่บนเนินเขา เป็นบ่อน้ำพุร้อนธรรมชาติที่มีมานานนับพันปี ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาเยือนจะได้ชื่นชมในทัศนียภาพอันแปลกตาของแมมมอธ ฮอตสปริง โดยเฉพาะภาพของต้นไม้ที่ตายยืนต้นตามชั้นหินที่เกิดจากการสะสมของแคลเซียมคาร์บอเนตแบบเข้มข้น ก่อเกิดเป็นทัศนียภาพอันงดงามมากแห่งหนึ่งในอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตน นำท่านชม โอลด์เฟธฟูล เกย์เซอร์ (Old Faithful Geyser) น้ำพุร้อนที่สามารถพุ่งสูงได้กว่า 100-200 เมตร และจะพุ่งออกมาทุก 40 ถึง 120 นาที จากนั้นนำท่านชม บ่อน้ำพุร้อนนอริส (Norris Geyser Basin) บ่อน้ำพุร้อนที่มีอุณหภูมิสูงที่สุดและเปลี่ยนแปลงบ่อยที่สุดในอุทยานแห่งชาติเยลโลว์สโตนที่มีความยาวประมาณ 3.6 กิโลเมตรซึ่งทุกท่านจะได้เดินชมบ่อน้ำพุร้อน Porcelian และบ่อน้ำพุร้อนBack ที่อยู่ในเขตบ่อน้ำพุร้อนนอริสซึ่งท่านจะได้เห็นทัศนียภาพอันงดงามทางธรรมชาติที่ผสมผสานกันอย่างลงตัวของสีของธรรมชาติที่รายล้อมอยู่โดยรอบบ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้ นำท่านเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติ เยลโลว์สโตนฝั่งตะวันตก (West Yellow Stone) อีกด้านหนึ่งที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามของอุทยานแห่งชาติแห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นบ่อน้ำพุร้อน แกรนด์พริสมาติคที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลกโดยมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 110 เมตร ความลึกประมาณ 40 เมตร นำท่านชม บ่อน้ำร้อนแกรนด์พริสมาติค (Grand Prismatic Spring) บ่อน้ำร้อนที่ถูกค้นพบโดย เฟอร์ดินาน แวนเดอเวียร์ เฮย์เด้น นักธรณีวิทยาชาวอเมริกันใน ปีค.ศ. 1871 เป็นบ่อน้ำร้อนรายล้อมไปด้วยสีสันของสายรุ้งรอบบ่อซึ่งเกิดจากการทับถมของแบคทีเรียและพืชเซลล์เดียว |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
ที่พัก | Holiday Inn West Yellow Stone หรือเทียบเท่า |
วันที่ 11 | บอซแมน – ซานฟรานซิสโก |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่สนามบินบอสแมน เยลโลว์สโตน (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง) Bozeman อยู่ทางตอนใต้ของรัฐมอนทานา (MontanaX ชายแดนติดกับไวโอมิง และอยู่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติต่างๆ รวมถึง Gallatin National Forest ชื่อเมือง Bozeman ก็มาจาก John M. Bozeman ผู้ก่อตั้ง Bozeman Trail สำหรับเมืองนี้มีกิจกรรมกลางแจ้งตลอดปี เพราะอยู่ใกล้กับภูเขา มีธรรมชาติที่สวยงามมากๆ และยังเป็นเมืองของมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับ 1 ในมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเรื่องการทำวิจัย อย่าง Montana State University อีกด้วย นำท่านเที่ยวชมเมืองบอซแมน ซึ่งเป็นเมืองที่อากาศดีมากอีกแห่งของอเมริกา |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
13.00 น. | นำท่านเช็คอิน ณ เคาน์เตอร์เชคอินสายการบิน UA |
15.25 น. | ออกเดินทางสู่สนามบินซานฟรานซิสโก โดยเที่ยวบิน UA5779 (ใช้เวลาบินประมาณ 2.41 ชั่วโมง) |
17.06 น. | เดินทางถึงสนามบินซานฟรานซิสโก |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารไทย |
ที่พัก | Crown Plaza Union City Hotel**** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 12 | ซานฟรานซิสโก - อุทยานแห่งชาติ โยเซมีติ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ อุทยานแห่งชาติโยเซมีติ (Yosemite Naitonal Park) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชม.) อุทยานที่มีชื่อเสียงโด่งดังด้านภูเขาที่สูงชัน น้ำตกที่สูงที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ และต้นสนขนาดยักษ์ ที่พบได้เฉพาะในเขตนี้เท่านั้น |
กลางวัน | อิสระให้ท่านรับประทานอาหารกลางวันตามอัธยาศัย โดยทางทัวร์จัดเงินค่าอาหารกลางวันให้ท่านละ 30 USD |
บ่าย | นำท่านถ่ายรูปกับฮาล์ฟโดม (Half Dome) ภูเขาหินแกรนิตรูปโดมที่โดนผ่าครึ่ง เรียกได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญที่สุดของโยเซมิติเลยทีเดียว ความสูงจากจากฐานถึงยอดทั้งหมด 8,842 ฟุต ความอัศจรรย์ของอุทยานแห่งชาติโยเซมิตินี้เองทำให้ได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติโดยองค์การยูเนสโก้เมื่อปี ค.ศ.1984 จากนั้นนำท่านชม Tunnel View เป็นจุดชมวิวที่มีชื่อเสียงที่สุดของอุทยานแห่งชาติโยเซมิตี สถานที่ท่องเที่ยวจุดนี้มีชื่อเสียงมากเนื่องจากสามารถเห็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของอุทยานได้เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นภูเขาหิน น้ำตก และป่าไม้หลากสายพันธุ์ อีกทั้งหากมาในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ก็จะได้ชมใบไม้เปลี่ยนสีอันงดงามตระการตาไปอีกรูปแบบด้วย นำท่านชม Yosemite Falls แห่งอุทยานแห่งชาติโยเซมิตี เป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา ด้วยความสูงกว่า 739 เมตร จึงเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กของอุทยานที่ต้องมาเยี่ยมเยือนให้ได้ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม |
ที่พัก | Best Western Plus Yosemite Hotel*** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 13 | อุทยานแห่งชาติ โยเซมีติ – ซานฟรานซิสโก เอาท์เลต |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านสู่ ซานฟรานซิสโกพรีเมี่ยมเอาท์เลต (San Francisco Premium Outlet) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชั่วโมง) ซึ่งเป็นเอาท์เลตขนาดใหญ่ มีร้านค้าเอาท์เลตกว่า 110 ร้าน ทั้ง Coach, Polo, Ralph Lauren, DKNY, Guess, Calvin Klien, Burberry, Banana Republic Factory, Adidas, Kate Spread, Kipling, Tumi, Samsonite และ อื่นๆอีกมากมาย อิสระให้ท่านช้อปปิ้งตามอัธยาศัย |
กลางวัน | อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย เพื่อให้ท่านได้มีเวลาช้อปปิ้งเต็มที่ |
15.00 น. | นำท่านถ่ายรูปกับสะพานโกลเด้นเกท (Golden Gate Bridge) หนึ่งในท็อปเท็นของสถานที่ท่องเที่ยวของอเมริกาและมีอายุครบ 65 ปีแล้ว สร้างในสมัยประธานาธิบดีแฟรงคลิน ดี โรส เวลต์ เมื่อช่วงปี ค.ศ. 1933-1937 สะพานโกลเดนเกตนับเป็นสะพานแขวนที่ยาวที่สุดในโลกและมีเสาสะพานที่สูงที่สุดในโลก ณ ยุคนั้น นำท่านเดินทางสู่ ทวินพีค (Twin Peak) อิสระให้ท่านถ่ายรูปวิวเมืองซานฟรานซิสโก ณ จุดชมวิวแบบพาโนราม่า |
20.00 น. | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน หลังอาหารนำท่านเดินทางสู่สนามบินเมืองซานฟรานซิสโก เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับกรุงเทพฯ |
วันที่ 14 | ซานฟรานซิสโก - ไทเป |
01.10 น. | ออกเดินทางสู่ประเทศไทย โดยเที่ยวบิน BR027 (ใช้เวลาบินประมาณ 13.25 ชั่วโมง) ********* บินข้ามเส้นแบ่งเขตเวลาสากล ******* สายการบินมีบริการอาหารค่ำ และ อาหารเช้าบนเครื่องบิน |
วันที่ 15 | กรุงเทพมหานคร |
05.40 น. | เดินทางถึงสนามบินไทเป ประเทศไต้หวัน |
08.25 น. | ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยเที่ยวบิน BR211 (ใช้เวลาบินประมาณ 3.30 ชม.) |
11.15 น. | เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ (Bon Voyage) |