รายละเอียดทัวร์

www.TripleEnjoy.com
by Double Enjoy Travel Co., Ltd.

300/50 Nawamin Road, Nawamin, Buengkum, BKK 10240
Tel: 02-379-2955  Hotline: 099-130-6886  Fax: 02-379-1163 (Auto)

 Website: www.tripleenjoy.com   E-mail: [email protected]


 

Juristic Identification No. 0125554005216                                                               TAT License No. 11/05307


ทัวร์อินเดีย

TE366 : โปรแกรมทัวร์อินเดีย ราชาสถาน เยือนนคร 5 สี 13 วัน 11 คืน (TG)


Thai Airways (TG)
พิมพ์ พิมพ์ คัดลอก URL คัดลอก URL
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
Hotel Fateh Niwas
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
Hotel Grand Mercure
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
Hotel Holiday Inn Mayur Vihar
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
Hotel Laxmi Niwas Palace
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
Hotel Radisson Jaipur City Center
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
Hotel Radisson Jodhpur
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
Rang Mahal Hotel

13 วัน อินเดีย ราชาสถาน เยือนนคร 5 สี
(เดลี – อักรา – จัยปูร์ – บิคาเนอร์ – ไจไชแมร์ – จอร์ดปูร์ – อุไดปูร์) 


กำหนดการเดินทาง

รหัสทัวร์วันที่เดินทางเดินทางโดยราคาเริ่มต้นสถานะ
TE366-00111-23 ต.ค. 67Thai Airways (TG)109,900จองด่วน
TE366-00201-13 ธ.ค. 67Thai Airways (TG)109,900จองด่วน
TE366-00627 ธ.ค. 67-08 ม.ค. 68Thai Airways (TG)115,900จองด่วน
TE366-00319-31 ม.ค. 68Thai Airways (TG)109,900จองด่วน
TE366-00411-23 ก.พ. 68Thai Airways (TG)109,900จองด่วน
TE366-00515-27 มี.ค. 68Thai Airways (TG)109,900จองด่วน
 
รายละเอียดการเดินทาง

วันที่ 1กรุงเทพมหานคร - เดลี
16.00 น.คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ ได้ที่ เคาน์เตอร์เชคอิน สายการบินไทย ณ สนามบินสุวรรณภูมิ 
18.50 น.ออกเดินทางสู่สนามบินอินทิราคานธี โดยเที่ยวบิน TG 315 (ใช้เวลาบิน 4.30 ชม.)
21.50 น.เดินทางถึงสนามบินอินทิราคานธี (เดลี) ประเทศอินเดีย นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร

นำท่านเดินทางสู่โรงแรมที่พัก
ที่พักHotel Holiday Inn Mayur Vihar***** หรือเทียบเท่า
วันที่ 2เดลี – อักรา – ทัชมาฮาล – อักราฟอร์ท
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม    

นำท่านเดินทางสู่เมืองอักรา รัฐอุตตรประเทศ (ระยะทาง 202 ก.ม. ใช้เวลาเดินทาง 4.30  ชั่วโมง) ระหว่างทางให้ท่านได้ผ่อนคลายอิริยาบถ ณ จุดพักรถ และท่านจะได้ชมทัศนียภาพวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวอินเดีย เมื่อเดินทางถึงเมืองอักรา (Agra) เมืองตั้งอยู่ในรัฐอุตตรประเทศของอินเดีย ตัวเมืองตั้งอยู่ริมแม่น้ำยมุนา ซึ่งมีประวัติศาสตร์หลายพันปี มีหลักฐานปรากฏอยู่ใน มหากาพย์มหาภารตะ ชื่อเมือง อัคราวานา (Agravana) เคยเป็นอดีตเมืองหลวงแห่งราชวงศ์โมกุล สมัยพระเจ้าอัคบาร์มหาราช ต่อด้วยรัชสมัยของพระเจ้าชาห์จาฮาน ผู้สร้างอนุสรณ์สถานแห่งความรักที่ใหญ่ที่สุดในโลก คือ ทัชมาฮาล (Taj Mahal)
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารภายในโรงแรม 
บ่ายนำทุกท่านเที่ยวชมอนุสรณ์สถานแห่งความรักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก คือ ทัชมาฮาล (Taj Mahal) มรดกโลกแห่งยูเนสโก อาคารหอคอยสมมาตรสี่ทิศ ทรงมัสยิดโดมกลางขนาดใหญ่ ที่สร้างจากหินอ่อนทั้งอาคาร เพื่อเก็บร่างของ พระนางมุมตัส มาฮาล ผู้เป็นมเหสีสุดที่รัก แห่งพระเจ้าชาห์จาฮาน เพียงพระนางองค์เดียวเท่านั้น ใช้เวลาสร้างถึง 21 ปี ตั้งแต่ปี คศ. 1452-1653 มีการเปรียบเปรยว่า” หากมายังอินเดียแล้วไม่ได้ชมทัชมาฮาลสักครั้ง ก็เหมือนคุณยังมาไม่ถึงอินเดีย” ดุจการเดินทางเสด็จแปรพระราชฐานของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 เมื่อ ค.ศ. 1911

นำท่านชม ป้อมนครอักรา (Agra fort) ป้อมปราการ หรือ อดีตพระราชวังหลวงในสมัยจักรวรรดิโมกุลครอบครองอินเดีย ในช่วง ศตวรรษที่ 16 นอกจากจะเป็นป้อมปราการป้องกันตนเองแล้ว ด้านในยังมีพระราชวังหลวงชื่อ Jahangir Mahal หรือ วังแห่งพระเจ้าชาห์จาฮาน อันมีมุมส่วนพระองค์ที่พระเจ้าชาห์จาฮานใช้ในช่วงปลายรัชสมัยของพระองค์ โปรดใช้ที่นี่เป็นที่ชมอาคาร ทัชมาฮาล เพื่อรำลึกถึงพระมเหสีมุมตัสมาฮาล อันเป็นที่รัก จนสิ้นพระชนม์ที่นี่ ตัวอาคารใช้แกรนิตสีแดง สร้างด้วยศิลปะผสม ฮินดูและเปอร์เซีย ทำให้พระราชวังดูอลังการมาก ด้านในป้อมปราการยังมีพระราชวังอีกแห่งหนึ่งที่สร้าง จากหินอ่อนและหินทรายสีแดงชื่อ Khass Mahal และอาคารประชุมขุนนางเรียกว่า Diwan-I-Khas และได้รับเลือกให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโกเช่นเดียวกับทัชมาฮาล ได้เวลานำท่านชมฝั่งตรงข้ามของป้อมนครอักรา เพื่อเข้าชมอาคาร Jama Masjid มัสยิดประจำราชวงศ์ในสมัยชาห์จาฮาน โดยเป็นมัสยิดที่สร้างขึ้นเพื่อมอบให้กับ Jahanara Begum พระราชธิดาสุดที่รัก ที่ได้ดูลแพระองค์จนถึงวาระสุดท้ายของพระชนม์ชีพ จุดเด่นที่น่าชมคือ มัสยิดนี้จะมีสามโดม ทรงดอกบัวที่สร้างจากหินอ่อนผสมกับหินทรายสีแดง ภายในมีการใช้งานจิตรกรรมของเปอร์เซีย สรรเสริญพระผู้เป็นเจ้าและความดีของชาห์จาฮานและพระธิดา
ค่ำรับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
ที่พัก Hotel Grand Mercure ***** หรือเทียบเท่า
วันที่ 3อักรา – จามามัสยิด – ฟเตหปุระสีกรี – บ่อน้ำโบราณ Chand Baori – จัยปูร์ (พัก 2 คืน)
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม    

นำท่านเดินทางสู่ นครโบราณ ฟเตหปุระสีกรี(Fatehpur Sikri) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง) เพื่อชมเมืองโบราณที่เคยเป็นเมืองหลวงระยะสั้นในรัชสมัยของพระเจ้า อัคบาร์มหาราช สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึง มหาปุโรหิต Salim Chisti ผู้เป็นนักทำนายทายทักการเกิดของรัชทายาทและดวงบ้านเมืองได้อย่างแม่นยำ โดยที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกยูเนสโกในปี ค.ศ. 1986 ภายในเมืองนี้จะใช้หินทรายสีทองสวยแปลกตา เปรียบเสมือนอักราขนาดเล็ก โดยจะมีอาคารประกอบด้วย มัสยิดหลวงของราชวงศ์, พระราชฐานชั้นนอก,กลางและใน ,อาคาร Buland Darwasa หรือ ประตูทางเข้าเมืองมีความสูงถึง 54 เมตร และ Tomb Of Salim Chishti สุสานของมหาปูโรหิตอันสวยงาม 
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร 
บ่ายนำท่านเดินทางสู่ นครจัยปูร์ (นครสีชมพู) หรือ นครชัยปุระ แห่งเขตรัฐราชสถาน โดยระหว่างทาง เราจะพาทุกท่านแวะเข้าชม บ่อน้ำพิศวงแห่ง Chand Baori อันเป็นหนึ่งในโบราณสถานแห่งหมู่บ้านอับบานเนรี (Abhaneri) ในรัฐราชสถาน โดยเป็นการสร้างบ่อเก็บน้ำแบบโบราณในช่วงศตวรรษที่ 7ตามรับสั่งของกษัตริย์ Chanda มีการขุดบ่อน้ำลึกถึง 100 ฟุต ขนาดเทียบความสูงของตึก 13 ชั้น มีจำนวนขั้นบันไดถึง มากกว่า 3,500 ขั้นโดยทุกชั้นจะมีการสร้างบันไดเชื่อมถึงกันทั้งหมด เพื่อให้คนได้ลงไปตักน้ำพร้อมๆกันทั้งหมดได้จนถึงก้นบ่อ เป็นบ่อน้ำที่ใหญ่และลึกสุดในประเทศอินเดีย และยังสามารถใช้งานได้อย่างดีจนถึงปัจจุบัน ยิ่งใหญ่ขนาด เคยเป็นสถานที่ถ่ายทำ ภาพยนตร์เรื่อง Batman The Dark Night Rises เคยมาใช้เป็นสถานที่กักขังแบทแมนในฉากกลางเรื่อง 
ค่ำรับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
ที่พัก Hotel Radisson Jaipur City Center ***** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1)
วันที่ 4นครสีชมพู จัยปูร์ 
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม    

นำท่านชมความยิ่งใหญ่แห่งนครจัยปูร์หรือ ชัยปุระ สมญานาม นครสีชมพู ( Pink City) เป็นเมืองหลวงแห่งแคว้นราชสถานและเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในแคว้นนี้ ด้วยเหตุนี้นครชัยปุระจึงอุดมไปด้วยสิ่งก่อสร้างที่ใช้สีชมพูอ่อนเป็นสีประจำเมือง สร้างในปี คศ. 1727 ทำให้ชัยปุระอายุยังไม่ถึง 300 ปีดีนัก โดยมหาราชา ชัยสิงห์ที่ 2 โดยใช้หลักคัมภีร์ศิลปะศาสตร์อันเก่าแก่ของอินเดีย แบ่งเมืองเป็นเก้าส่วน แบ่งเป็นสองส่วนเป็นของพระราชวังหลวง อีกเจ็ดส่วนเป็นของประชาชน ทุกถนนเชื่อมต่อกันทุกส่วนอย่างเป็นระเบียบ จนเป็นของอังกฤษ ก็ยังรักษาความเป็นสีชมพูไว้จนถึง การมาเยือนอินเดียของเจ้าชายเอ็ดเวิร์ดที่ 7 เมื่อปี คศ. 1876 และได้ทาสีเมืองทั้งเมืองเป็นสีชมพูเพื่อต้อนรับพระองค์ สถานที่แรกที่เราจะเข้าชมก็คือ City Palace เป็นพระราชวังขนาดใหญ่ที่สร้างโดย มหาราชชัยสิงห์ที่ 2 เมื่อตอนสร้างเมืองชัยปุระ สร้างแบบผสมผสานระหว่างสกุลศิลปะราชบุตร (อันเป็นที่มาของชื่อ แคว้นราชสถาน คือ สถานที่อยู่ของกลุ่มราชบุตร) และมีอิทธิพลของราชวงศ์โมกุลเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพราะมหาราชาอยู่ใต้อำนาจของจักรวรรดิโมกุลในเวลานั้น 
 
นำท่านชมประตูนกแก้วอันสวยงาม และไฮไลท์คือ การชมส่วน Sarvato Bhadra หรือลานประชุมขุนนางขนาดใหญ่ โดยจะมีแจกันเงินไซส์ยักษ์ ชื่อว่า Gangajalis เป็นแจกันที่สร้างจากแร่เงินที่ใหญ่ที่สุดในโลก จากนั้นนำท่าน ชมส่วนที่สวยที่สุดของวังคือ Hawal Mahal หรือ พระราชวังสายลม อันเป็น Land mark แห่งนครชัยปุระเลยก็ว่าได้ โดยเป็นเขตพระราชฐานชั้นใน หรือ ส่วนฮาเรม อันเป็นด้านหน้าของพระราชวังในปัจจุบัน ลักษณะเหมือนอาคารรังผึ้งห้าชั้น สร้างจากหินทรายสีชมพูซึ่งหาได้ยากยิ่ง มาประกอบเป็นอาคารหน้าต่างระบายลมถึง 953 บานด้วยกัน มหาราชโปรดส่วนนี้มากในฤดูร้อน เพราะอากาศจะเย็นสบายจากลมที่โกรกเข้ามานั่นเอง ได้เวลานำทุกท่านเข้าสู่ พิพิธภัณฑ์แห่งแคว้นราชสถาน หรือ Albert Hall Musuem เป็นอาคารที่ใช้รับรองการเสด็จเยือนอินเดียของเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด (เจ้าชายแห่งเวลล์ในขณะนั้น) ในปี คส. 1887 ต่อมามหาราชแห่งชัยปุระโปรดให้เปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งเมืองในเวลาต่อมา โดยของที่จัดแสดงนั้น จะมาจากทรัพย์สมบัติของมหาราชา โบราณวัตถุที่ขุดพบใกล้กับเมือง
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร 
บ่ายนำท่านเข้าชม พระราชวังแอมเบอร์ หรือ ป้อมปราการ Amber Fort ซึ่งตั้งไม่ไกลจากนครชัยปุระ บนภูเขา Aravali ใกล้กับเมือง Amer เคยเป็นเมืองหลวงเก่าของมหาราชาแคว้นราชบุตรนี้ก่อน จนย้ายเมืองมาอยู่ที่นครชัยปุระในปัจจุบัน ซึ่งมีอายุเก่าแก่กว่า นครชัยปุระถึง 100 ปี ตัวพระราชวังเป็นป้อมปราการแบบยุคกลางช่วง ศตวรรษที่ 16 สร้างด้วยหินทรายสีแดงและหินอ่อนสีขาว ภายในป้อมส่วนที่เป็นวัง เราจะได้ชมส่วนของ Sheesh Mahal หรือตำหนักแห่งแสง ซึ่งในส่วนนี้ จะมีความสว่างทั้งหลังทันที ที่มีแสงจากพระอาทิตย์ยามกลางวัน หรือ แสงจากเทียนในยามค่ำคืน ทำให้ไม่มีจุดอับแสงเลย นอกจากนี้ลายประดับตกแต่งด้วยงานกระเบื้อง ถือว่าไม่เป็นสองรองใครในอินเดีย

สมควรแก่เวลา นำทุกท่านกลับสู่นครชัยปุระ เพื่อไปชมหอดูดาวและสถานศึกษาดาราศาสตร์แห่งชัยปุระ (Jantar Mantar Observatory) ปัจจุบันเป็นอาคารที่ยูเนสโก ได้รับเลือกขึ้นทะเบียนมรดกโลกไปแล้วด้วย ซึ่งจะมี อาคารเครื่องมือ 14 ชิ้น ขนาดใหญ่ อย่างเช่น นาฬิกาแดดใหญ่ที่สุดในโลก (Samrat Yantra) เครื่องมือในการคำนวณสุริยุปราคาและการเคลื่อนที่ของดาว

ได้เวลานำท่านแวะถ่ายภาพกับพระตำหนักกลางน้ำ หรือเรียกว่า Jal Mahal เป็นพระราชวังขนาดเล็ก อยู่กลางทะเลสาบ Man Sagar เพื่อใช้เป็นที่ประทับออกไปล่าสัตว์ในฤดูร้อน โดยเป็นอาคารเกาะกลางน้ำ ที่วิศวกรสามารถสร้างกำแพงหินสกัดกั้นน้ำไม่ให้เข้าท่วมพระตำหนักได้มากว่า 300 ปี (ปัจจุบัน ทางรัฐบาลราชสถานยังไม่อนุญาตให้เข้าชม) 
ค่ำรับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
ที่พักHotel Radisson Jaipur City Center ***** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2)
วันที่ 5จัยปูร์ - มันดาวา - บิคาเนอร์ (นครสีแดง) (พัก 2 คืน)
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม    

นำท่านเดินทางสู่เมืองมันดาวา (Mandawa) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. เป็นเมืองเล็กๆที่อยู่ใน Jhunjhunu อำเภอหนึ่งของรัฐราชสถานในอินเดีย ที่นี่เคยเป็นเมืองที่เจริญรุ่งเรืองมากในอดีต เป็นแหล่งรวมคฤหาสน์ของเหล่าคหบดี และเศรษฐีทั้งหลาย แต่เมื่อยุคสมัย และเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปคฤหาสน์เหล่านี้ก็ถูกแปรสภาพกลายมาเป็นโรงแรมสวยๆมากมาย นำท่านเที่ยวชมคฤหาสน์เก่าของเศรษฐีสมัยก่อน (Old Havelies) ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมั่งคั่งของเศรษฐีในอดีต 
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่ายนำท่านเดินทางสู่เมือง บิคาเนอร์(Bikaner) หรือที่รู้จักในนาม “นครสีแดง” ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชม. ขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร บิคาเนอร์ เป็นอีกเมืองที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 เคยเป็นโอเอซิสในเส้นทางสายไหม ระหว่างทางจากอินเดีย ไปเอเชียกลาง เดิมเรียกว่าพื้นที่ Mewar Land Of The Dead หรือแดนเถื่อนแห่งความตาย ด้วยอยู่ในเขตทะเลทรายธาร์ จึงมีแต่คนอยากครอบครอง ไว้ควบคุมเส้นทางการค้าขาย ตำนานการสร้างเมือง ยึดจาก ตำนานชาวราชบุตรที่ว่า มีเจ้าชายชื่อ Rao Bika แห่ง Jodpur ต้องการสร้างเขตการปกครองใหม่ จึงตัดสินใจไปทำลายชุมโจรในเขตนี้ และรวบรวมชาวเผ่าต่างๆตั้งเมือง ชื่อ บิคาเนอร์ ขึ้น 
ค่ำรับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
ที่พักHotel Laxmi Niwas Palace ***** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1)
วันที่ 6บิคาเนอร์ (นครสีแดง) 
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม    

นำท่านเข้าชม ป้อมสีแดงแห่งบิคาเนอร์ หรือ ป้อมจูนนาการ์ ( Junagarh Fort) ป้อมปราการและพระราชวังแห่ง มหาราชาที่ใหญ่ที่สุดแห่งราชสถาน สร้างขึ้นใน คศ. 1588 โดยราชบุตร Rao Bika ผู้สร้างเมืองบิคาเนอร์ ด้วยการรวบรวมชาวเผ่าต่างๆต่อสู้กับชุมโจรกลุ่มต่างๆ จนสามารถตั้งเมืองได้สำเร็จ ในภูมิประเทศสภาพ ทะเลทรายล้อมรอบตัว เคยผ่านการรุกรานหลายครั้ง ทั้งจากข้าศึกกองโจร และกองทัพของจักรวรรดิโมกุล ภายในประกอบไปด้วย ส่วนที่ใช้ว่าราชการ ส่วนกองทัพ และพระราชวัง ฝ่ายใน

นำท่านชมพิพิธภัณฑ์ Ganga Golden Jubilee พิพิธภัณฑ์เก่าแก่รวบรวมของเผ่าราชบุตร ทั้งด้านศิลปะ เครื่องปั้นดินเผาสมัยคุปตะที่หาชมได้ยาก ชมภาพจำลองการใช้ชีวิต ผ่าน ภาพวาด เครื่องแต่งกาย พรม ที่รวบรวมมาให้ท่านได้ชมชีวิตของชาวราชสถาน
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร 
บ่ายนำท่านเข้าชมพระราชวังประทับฤดูร้อน ลาการ์(Lallagargh Palace) ซึ่งเป็นหนึ่งในสมบัติของราชบุตรแห่งบิคาเนอร์ และปัจจุบันเปิดบางส่วนเป็นโรงแรมให้คนได้เข้าพัก และสกุลราชบุตร ยังได้ประทับอยู่ที่นี่ด้วย โดยสร้างเป็นพระราชวังแบบตะวันตก ในช่วง ศตวรรษที่ 20

ได้เวลานำท่านชม อารามแห่งศาสนาเชน อันเก่าแก่ใกล้เคียงกับศาสนาพุทธ ที่อารามแห่งบันดาซาร์ (Jain Temple Bhandasar)  โดยอารามแห่งนี้เป็นสถานที่ประกอบศสานากิจของศาสนาเชนอันเก่าแก่ที่กลุ่มราชบุตรได้เคารพและฟังแนวคำสอนนี้มาตลอด โดยถือเป็นความเชื่อหลักในแคว้นราชสถานเลยก็ว่าได้ โดยอารามนี้เป็นอารามเชนแห่งแรกของเมืองบิคาเนอร์ จุดเด่นคือ จะได้ชมแท่นบูชา ที่ใช้ศิลปะยุคตะวันตก เช่นงานประดับกระจก และงานจิตรกรรมการเขียนภาพปูนเปียก เข้ามาร่วมกับอาคารที่สร้างจากหินทราย เป็นอาคารที่ว่ากันว่า ใช้เนยใสเป็นตัวเชื่อมรากอาคารให้ยั่งยืนมาได้จนถึงปัจจุบัน 
ค่ำรับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
ที่พักHotel Laxmi Niwas Palace ***** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2)
วันที่ 7บิคาเนอร์ - ไจไชแมร์ (นครสีทอง) พัก 2 คืน
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม    

นำท่านเดินทางสุ่ เมืองไจไชแมร์( Jaisalmer) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ช.ม.) ตามสภาพการจราจร ไจไชแมร์สมญานาม “นครสีทอง” ด้วยตัวเมืองตั้งอยู่บนที่ราบสูง สุดเขตติดชายแดนตะวันตกของอินเดีย และแคว้นราชสถาน ใกล้ปากีสถาน กลางที่ราบสูงทะเลทรายธาร์ เชื่อมกับเส้นทางสายไหม ระหว่างอินเดียและเอเชียกลาง โดยใช้วัสดุสร้างเมืองมาจาก หินทรายสีเหลือง เป็นส่วนใหญ่ เวลาต้องแสงแดดจะเห็นเมืองนี้เป็นสีทองทั้งเมือง
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร 
บ่ายเดินทางถึงเมืองไจไชแมร์ นำท่านเข้าเช็คอินที่ โรงแรมพักผ่อน ก่อนออกไปกิจกรรม ขี่อูฐในทะเลทรายธาร์ ชมพระอาทิตย์ตกที่ แคมป์ Sam Sand Dunes โดยเป็นสันทรายนอกเมืองที่เราสามารถนั่งรถออกไปชมได้ง่ายที่สุด ให้ทุกท่านได้สนุกกับกิจกรรมขี่อูฐชมพระอาทิตย์ตกดินอันสวยงามของเมืองแห่งทะเลทรายสุดเขตพรมแดน
ค่ำรับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
ที่พักRang Mahal Hotel **** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1)
วันที่ 8ไจไชแมร์ (นครสีทอง) - ป้อมไจไชแมร์ - ชมทะเลสาบกาดกิซาร์ - อาคารอนุรักษ์ Salim Singh Ki Haveli
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม    

นำท่านชม ป้อมไจไชแมร์ ( Jaisalmer Fort) โดยป้อมนี้ เป็นสัญลักษณ์ของเมืองและแคว้นราชสถาน ชื่อเมือง ไจไชแมร์ มาจากคำแปลว่า “ป้อมปราการแห่งไจไช” ไจไชผู้นี้ คือ มหาราชาราชบุตรผู้ดูแลเมืองนี้ ในปี คศ. 1156 เพราะเมืองนี้คือเมืองที่ควบคุมเส้นทางสายไหมในเขตอินเดียยุค มหาราชาแห่งราชบุตรเรืองอำนาจ ป้อมนี้มีความสำคัญในการตรวจด่านการค้า จาก อาหรับ เปอร์เซีย และอินเดีย ตัวป้อมตั้งอยู่บนเขา Tirukuta โดยใช้ชัยภูมิตั้งรับแบบโบราณอยู่บนที่สูงตั้งรับข้าศึกได้โดยรอบทิศทาง เคยได้สถิติเป็นป้อมปราการที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีหอคอยระวังภัยรอบตัวถึง 99 หอคอย นักโบราณคดีลงพ้องต้องกันว่า ป้อมปราการนี้ เป็นป้อมสุดยอดแห่งแคว้นราชสถาน โดยภายในจะมีอาคารแบ่งเป็นสัดส่วน ตามระดับผู้อยู่ เช่น ส่วนวังสำหรับกษัตริย์ ส่วนวัดทั้งเชนและฮินดู และอาคารพ่อค้า หรือ Havelis ซึ่งจะเป็นอาคารที่สวยงามที่หลายแห่งในเมืองด้วยสถาปัตยกรรมราชบุตรที่วิจิตรอลังการ 

นำท่านชมอาคารสไตล์ Haveli หรือที่อยู่อาศัยของพ่อค้า สมัยต้น ศตวรรษที่ 19 คือ อาคาร Patwon Ki Havelis ที่เป็นพิพิธภัณฑ์ประจำเมือง และNathmal Ki Havelis อาคารสุดสวยงามอลังการ และบ้านอัครมหาเสนาบดี Salim Singh Ki Havelis ที่เป็นต้นแบบของอาคารบ้านพักสไตล์ราชสถาน จุดเด่นอาคารนี้อยู่หลังคานกยูง และช่องระเบียง 38 ช่องรับลมอันสวยงาม
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร 
บ่ายนำท่านชม ทะเลสาบกาดซิซาร์(Gadsisar Lake) โอเอซิสกลางทะเลทราย สร้างและขุดโดย มหาราชาวาลกาดซี ในราวศตวรรษที่ 14 เป็นทั้งแหล่งเก็บน้ำและ ต่อมาเป็นแหล่งสำคัญทางศาสนาของเมืองด้วย บรรดาวิหารศาสนาต่างๆรายล้อมรอบทะเลสาบ เหมือนศูนย์กลางวัฒนธรรมของเมืองและแหล่งพ่อค้าตามเส้นทางสายไหม

จากนั้นนำท่านชมสวน Bada Bagh หรือสวนสาธารณะใหญ่ใจกลางเมือง โดยเป็นสวนที่สร้างขึ้นตั้งใจจะให้เป็นโซนสีเขียวของเมืองกลางทะเลทราย โดยปัจจุบันภายในสวนเป็นจุดถ่านภาพสวยของเมือง ด้วยอาคารสถาปัตยกรรมราชสถานอยู่หลายหลัง และมีสุสานของมหาราชาแห่งไจไชแมร์อยู่ใกล้บริเวณนี้
ค่ำรับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
ที่พักRang Mahal Hotel **** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2)
วันที่ 9ไจไชแมร์ (นครสีทอง) - จอร์ดปูร์ (นครสีฟ้า)
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม    

นำท่านเดินทางสู่ นครจอร์ดปูร์(Jodpur) ในเวลาประมาณ 5 ชั่วโมง เมืองสุดโรแมนติกนครสีฟ้า และนครแห่งวรรณะพราหมณ์ ซึ่งที่นี่จะนับถือศาสนาพราหมณ์ฮินดู ที่หมายถึง นครแห่งเหล่านักรบราชบุตร ในอดีตที่ผ่านมา จอร์ดปูร์เคยเป็นเมืองหลวงแห่งอาณาจักร Marwar โดยมหาราชา Rao Jodha แห่งราชวงศ์ Rathor ช่วงปีคศ. 1459 ปัจจุบัน จอร์ดปูร์เป็นเมืองใหญ่อันดับสองของแคว้นราชสถาน รองจาก นครชัยปุระ เป็นเมืองอายุเก่าแก่กว่า 500 ปี  โดยนครจอร์ดปูร์นี้ สันนิษฐานว่า ใช้สีฟ้าเป็นสัญลักษณ์เมืองก็น่าจะมาจากการที่ ตัวเมืองอยู่ในทะเลทรายแห้งแล้งและร้อน การฉาบผนังบ้านด้วยสีฟ้า หรือ คราม จะช่วยสะท้อนแสงแดด ได้ดีมากกว่าสีอื่น
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่ายนำท่านชมป้อมเมห์รานการ์(Mehrangar Fort) เป็น 1 ใน 4 พรระราชวังที่ใหญ่สุดในอินเดีย โดยเป็นป้อมที่ยาวเหยียดข้ามเขาถึง 125 ลูก เป็นจุดชมวิวของเมืองสีฟ้าที่เราสามารถชมวิวได้ทั่วนครจริงๆ โดยป้อมปราสาท ถูกสร้างบนเนินถึง 122 เมตร ตามนิมิตของนักบวชผู้ให้จุดสร้างป้อมแห่งนี้ แก่มหาราชาจอร์ดธะ (Jodha) และป้อมนี้เป็นป้อมแรกของนครแล้วขยายกลายเป็นศูนย์กลางของนครในเวลาต่อมา ป้อมนี้ถูกสร้างและบูรณะหลายยุคสมัย จนมีหลายพระตำหนักภายใน อาทิ ตำหนัก Moti Mahal, ที่ประดับประดาด้วยแก้วหลากสี

จากนั้นนำท่านชม วิหาร Chamundra Mataji โดยท่านจะได้ ชมสิ่งก่อสร้าง “ Jaswant Thada” หรือวิหารแห่งบรรพชนของมหาราชาแห่ง จอร์ดปูร์ โดยเป็นสุสานหลวงของราชวงศ์ราชบุตรแห่งจอร์ดปูร์
ค่ำรับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
ที่พักHotel Radisson Jodhpur ***** หรือเทียบเท่า
วันที่ 10จอร์ดปูร์ (นครสีฟ้า) - ป้อมปราการแห่งคุมบลาการ์ - วิหารเชนแห่งรานัคปูร์ – อุไดปูร์ (นครสีขาว) พัก 2 คืน
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองคุมบลาการ์(Kumbhalgarh Fort) ใช้เวลาประมาณ 3 ชม.  เพื่อชมป้อมปราการมรดกโลกแห่งคุมบลาการ์ ที่สร้างบนเขาในช่วงศตวรรษที่ 14 โดย มหาราชาเรน่า แห่งราชวงศ์เมวาร์สร้างบนเขาสูงถึง 1,100 เมตร มีเขตแนวกำแพงป้อมที่ยาวที่สุดในนครโบราณถึง 36 กม. มีป้อมถึง 84 ป้อม โดยเขตแดนนี้เป็นของราชวงศ์เมวาร์ ราชวงศ์ที่ปกครองด้านทิศใต้ของราชสถาน เดิมเคยมีเอกราช จนมหาราชาแห่งอุไดปูร์ ทำการยึดครองอาณาเขต รวมทั้งอาณาจักรจิตตอร์ด้วย ในป้อมประกอบไปด้วยอาคาร อันเหมือนเมืองขนาดเล็กอยู่ภายในกำแพงป้อม มีถึงห้าประตูทางเข้าพร้อมทั้งมี พระราชวัง วิหารทั้งศาสนาฮินดูและ เชน อยู่ประกอบกัน โดยป้อมปราสาทแห่งคุมบลาการ์ เป็นชุดขุนเขาราชสถาน เป็น 1 ใน 6 ป้อมปราการในช่วงปี 2013 ในชุดมรดกโลกของราชสถานในปัจจุบัน อันได้แก่ ป้อมแอมเบอร์,ป้อมจิตตอ,ป้อมการ์รอน,ป้อมไจไชแมร์,ป้อมราแทนบอร์ และป้อมคุมบลาการ์นี้ด้วย
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร 
บ่ายนำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองรานัคปูร์ (Ranakpur) เมืองในหมู่บ้านแห่งเทือกเขา อราวัลลี

นำท่านชม วิหารแห่งเชน (Ranakpur Jain Temple) วิหารศาสนาเชนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ มีห้องโถงถึง 29 ห้อง โดยคหบดี Dharna Sah เมื่อ 500 ปีมาแล้ว มียอดโมถึง 80 โดม เสาเรียงรายรับน้ำหนักอาคารถึง 1,144 ต้น ใช้หินอ่อนแกะสลักอย่างวิจิตรที่สุด ใช้เวลาถึง 50 ปี จึงแล้วเสร็จ 
 
สมควรแก่เวลา นำท่านเดินทางต่อสู่ เมืองอุไดปูร์ (Udaipur) ใช้เวลา 2 ชม. เมืองอุไดปูร์หรือ อุทัยปุระสมญานาม นครสีขาว ตั้งอยู่ทางตอนใต้ ของแคว้นราชสถาน ตั้งอยู่ริมทะลสาปฟิโชล่า เป็นราชธานีแห่งที่สอง ของอาณาจักร Mewar ต่อจาก อาณาจักร จิตตอร์( Chittorgarh) สถาปนาขึ้นในช่วง ศต.ที่ 15 โดย มหาราชอุทัยสิงห์ที่ 2 จนรวมกับอินเดียในช่วง ค.ศ. 1736 
ค่ำรับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
ที่พักHotel Fateh Niwas **** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1)
วันที่ 11อุไดปูร์ (นครสีขาว) ป้อมจิตตอร์การ์- ซิตี้พาเลซ- ล่องเรือทะเลสาบพิโคล่า
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองจิตตอร์การ์ (Chittorgarh) ประมาณ 1 ชม. เพื่อชมอดีตเมืองหลวงของอาณาจักร Mewar แห่งราชสถานเดิมก่อนที่จะย้ายมาสร้างเมืองใหม่ ที่อุไดปูร์ เราจะได้ชม หนึ่งในป้อมแห่งมรดกโลกของแคว้นราชสถาน คือ ป้อมปราการ จิตตอร์ (Chittorgarh Fort) เป็นป้อมปราการแรก แห่งอาณาจักร โดยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกเมื่อปี 2013 เดิมเป็นป้อมปราการเก่าตั้งแต่สมัยราชวงศ์โมริยะ ช่วง ศตวรรษที่ 7 และด้วยเหตุอาคารนี้สร้างมาตั้งแต่ คศ. 1443-1458 ในช่วง ศตวรรษที่ 15 ระยะกำแพงเมืองที่ทอดยาวเป็นที่สองรองจากกำแพงเมืองจีนเท่านั้น
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร 
บ่ายนำท่านเดินทางชม ซิตี้พาเลซ (Udaipur City Palace) หรือพระราชวังฤดูหนาว บางส่วนเปิดให้เข้าชมภายในและเป็นพิพิธภัณฑ์ สร้างโดย มหาราชา อุทัยสิงห์ที่ 2 เพื่อใช้เป็นที่ประทับของราชวงศ์ สร้างบนเนินเขา ตามสถาปัตยกรรมอินเดีย โมกุล โดยจะมีส่วน พระราชฐานชั้นนอก ชั้นกลาง และชั้นใน (ในช่วงปี 1983 พระราชวังนี้โด่งดังจากการเป็นสถานที่ ถ่ายทำ ภาพยนตร์เรื่อง 007 เจมส์บอนด์ตอน Octopussy)  โดยศิลปะงานแกะสลักและกระจกสี วังนี้ถูกประดับอย่างสวยงามที่สุด โดยส่วนที่สวยที่สุดคือ ฟาเตห์ประกาห์ พาเลซ ( Fateh Prakash Palace) โดยเล่ากันว่า มหาราชาองค์หนึ่งอยากได้เฟอร์นิเจอร์คริสตัลของยุโรปมาประดับวัง แต่ตัวเองไม่ชอบสไตล์ฝรั่ง จึงบัญชาการให้กรมช่างในราชอาณาจักร จัดสร้างเครื่องเรือนต้นแบบจากไม้ แกะเป็นแบบส่งไปให้ที่บริษัทคริสตัลที่อังกฤษ ให้ทำตามแบบที่ตัวพระองค์ต้องการ แล้วส่งกลับมาประดับที่วังนี้ 
 
ได้เวลานำท่าน ล่องเรือในทะเลสาบพิโคล่า (Lake Picola Cruise) ชมวิวทิวทัศน์ทะเลสาบแห่งนครสีขาว โดยทะเลสาบนี้มีความกว้างถึง 3 กม. ยาว 4 กม. ประกอบด้วยเกาะสองเกาะ คือ Jag Niwas และ Jag Mandir โดยเฉพาะ เกาะ Jag Niwas เป็นที่ตั้งของ ตำหนักฤดูร้อน ของ มหาราชา Jagat Singh ที่2 สร้างเมื่อ คศ. 1743 ใช้เป็นที่ประทับส่วนพระองค์ในช่วงฤดูร้อน แต่ปัจจุบันกลายเป็น โรงแรมระดับหรู 5 ดาว เสร็จแล้ว ให้ทุกท่านเดินเล่น ชมเมือง เลือกซื้อของที่ระลึก ในเมือง จนสมควรแก่เวลา นำทุกท่านกลับโรงแรม 
ค่ำรับประทานอาหารค่ำในโรงแรม
ที่พักHotel Fateh Niwas **** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2)
วันที่ 12อุไดปูร์ (นครสีขาว) -วัดจักดิศ- สวน Saheliyon Ki Bari - บินภายในสู่บอมเบย์
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านชม  อารามจักดิศ (Jagdish Temple) เป็นวัดฮินดู ที่มีขนาดใหญ่สุดในอุไดปูร์ มีอายุเกือบ 400 ปี สร้างในปี คศ. 1651 ในสมัยของมหาราช จากัตสิงห์ที่ 2 ในวิหารจะมีรูปเคารพนิกายไวศวะนิกาย บูชาพระวิษณุ โดยสลักเป็นรูปของจากานาทโดยเชื่อกันว่าเป็นภาคอวตารภาคหนึ่งของพระวิษณุ จุดเด่นอีกจุดคือ การแกะสลักผนังวัดเป็น รูปนางอัปสรา และสัตว์ในป่าหิมพานต์

จากนั้นนำท่านสู่ สวนแห่ง Saheliyon Ki Bari สร้างในสมัยมหาราชา ซันแกรมสิงห์ที่ 2 เพื่อใช้เป็นสวนส่วนพระองค์และราชวงศ์ฝ่ายใน จุดเด่นคือ สระบัวขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียง เรื่องขนาดและความงามของห้องนั่งเล่นที่ประดับประดาด้วยงานแก้วและหินสี
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร 
14.00 น.นำท่านเดินทางสู่สนามบินอุไดปูร์
16.30 น.ออกเดินทางจากสนามบินอุไดปูร์ สู่ สนามบินบอมเบย์
18.05 น.เดินทางถึง สนามบินบอมเบย์ รับกระเป๋าสัมภาระ
20.00 น.นำท่านเชคอินเคาน์เตอร์เชคอิน สายการบินไทย
23.20 น.ออกเดินทางจากสนามบินบอมเบย์ โดยเที่ยวบิน TG318 (ใช้เวลาบินประมาณ 4.15 ชั่วโมง)
วันที่ 13กรุงเทพมหานคร
05.35 น.เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ


อัตราค่าบริการราคา
ราคาต่อท่านสำหรับรอบการเดินทางที่ : 11 - 23 ตุลาคม 2567 109,900 บาท
 TE366-001: โปรแกรมทัวร์อินเดีย ราชาสถาน เยือนนคร 5 สี 13 วัน 11 คืน (TG)แสดง รายละเอียด
ราคาต่อท่านสำหรับรอบการเดินทางที่ : 01 - 13 ธันวาคม 2567 109,900 บาท
 TE366-002: โปรแกรมทัวร์อินเดีย ราชาสถาน เยือนนคร 5 สี 13 วัน 11 คืน (TG)แสดง รายละเอียด
ราคาต่อท่านสำหรับรอบการเดินทางที่ : 27 ธันวาคม 2567 - 08 มกราคม 2568 115,900 บาท
 TE366-006: โปรแกรมทัวร์อินเดีย ราชาสถาน เยือนนคร 5 สี 13 วัน 11 คืน (TG)แสดง รายละเอียด
ราคาต่อท่านสำหรับรอบการเดินทางที่ : 19 - 31 มกราคม 2568 109,900 บาท
 TE366-003: โปรแกรมทัวร์อินเดีย ราชาสถาน เยือนนคร 5 สี 13 วัน 11 คืน (TG)แสดง รายละเอียด
ราคาต่อท่านสำหรับรอบการเดินทางที่ : 11 - 23 กุมภาพันธ์ 2568 109,900 บาท
 TE366-004: โปรแกรมทัวร์อินเดีย ราชาสถาน เยือนนคร 5 สี 13 วัน 11 คืน (TG)แสดง รายละเอียด
ราคาต่อท่านสำหรับรอบการเดินทางที่ : 15 - 27 มีนาคม 2568 109,900 บาท
 TE366-005: โปรแกรมทัวร์อินเดีย ราชาสถาน เยือนนคร 5 สี 13 วัน 11 คืน (TG)แสดง รายละเอียด

ดาวน์โหลดใบจอง
   
            ดาวน์โหลดใบจอง (Word)       ดาวน์โหลดใบจอง (PDF)

เงื่อนไขในการจอง

อัตราค่าบริการรวม :
  • ตั๋วเครื่องบินไป-กลับชั้นนักท่องเที่ยวโดยสายการบิน TG/AI  (กระเป๋าเดินทางน้ำหนัก ไม่เกิน 20 กก./ท่าน)
  • ค่าภาษีสนามบิน, ภาษีน้ำมัน, ค่าประกันภัยทางอากาศ
  • ค่าประกันภัยการเดินทางอุบัติเหตุวงเงิน 1,500,000 บาท และ ค่ารักษาพยาบาลในต่างประเทศวงเงิน 2,000,000 บาทค่ารักษาพยาบาลหลังกลับจากต่างประเทศภายใน 21 วัน วงเงิน 40,000 บาท  (ประกันภัยไม่ครอบคลุมผู้ที่อายุเกิน 85 ปี)
  • ค่าอาหารทุกมื้อตามระบุ, ค่าพาหนะ หรือรถรับ-ส่ง ระหว่างนำเที่ยว, ค่าเข้าชมสถานที่
  • เจ้าหน้าที่ (ไกด์ไทย) คอยอำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง และ ค่าทิปต่างๆ
อัตราค่าบริการไม่รวม :
  • ค่าพนักงานยกกระเป๋าที่โรงแรม ซึ่งท่านต้องดูแลกระเป๋าด้วยตัวเอง
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอาทิ ค่าซักรีด ค่าโทรศัพท์-แฟกซ์ และค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ไม่ได้ระบุในรายการ
  • ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%
การชำระเงิน
  • งวดที่ 1 : สำรองที่นั่งจ่าย 50,000 บาท/ท่าน ภายใน 3 วันหลังมีการยืนยันกรุ๊ปออกเดินทางแน่นอน
  • งวดที่ 2 : ชำระส่วนที่เหลือ 30 วัน ล่วงหน้าก่อนออกเดินทาง 
กรณียกเลิก
  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง 45 วัน ไม่เก็บค่าใช้จ่าย (หากไม่ได้มีการยื่นวีซ่าล่วงหน้า)   (สงกรานต์-ปีใหม่ 60 วัน)
  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง 30-45 วัน หักค่ามัดจำ 35,000 บาท + ค่าวีซ่า (ถ้ามี)   (สงกรานต์-ปีใหม่ 44-59 วัน)
  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง 10-30 วัน หักค่ามัดจำ 35,000 บาท + ค่าใช้จ่ายอื่น (ถ้ามี)  (สงกรานต์-ปีใหม่ 20-43 วัน)
  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง 0-9 วัน หักค่าใช้จ่าย 75-100% ของค่าทัวร์   (สงกรานต์-ปีใหม่ 0-19วัน)
    ***ผู้เดินทางที่ไม่สามารถเข้า-ออกเมืองได้ เนื่องจากการยื่นเอกสารปลอม หักค่าใช้จ่าย 100% 
    ***หากมีการยกเลิกการจองทัวร์ หลังได้ทำการยื่นวีซ่าเรียบร้อยแล้ว บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการนำเล่มพาสปอร์ตไปยกเลิกวีซ่าในทุกกรณี ไม่ว่าค่าใช้จ่ายในการยื่นวีซ่าจะรวมหรือแยกจากรายการทัวร์ก็ตาม***
กรณีเดินทางโดยลูกค้าจัดการตั๋วเครื่องบินเอง (Land Only)
  • *ในกรณีลูกค้าดำเนินการเรื่องตั๋วเครื่องบินเองและมาเที่ยวร่วมกับคณะ (Join Tour) ลูกค้าต้องดำเนินการมาพบคณะทัวร์ด้วยตัวเอง และต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการมาพบคณะใหญ่ด้วยตัวเอง รวมถึงหากกรณีเที่ยวบินของคณะใหญ่เกิดความล่าช้าหรือยกเลิกเที่ยวบินอันด้วยสาเหตุใดๆก็ตาม
หมายเหตุ :
  • บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกการเดินทางในกรณีที่มีผู้เดินทาง ต่ำกว่า 10 ท่าน โดยจะแจ้งให้ผู้เดินทางทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วันก่อนการเดินทาง 
  • บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงการพาเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวใดๆที่ปิดทำการ โดยจะจัดหาสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆเพื่อทดแทนเป็นลำดับแรก หรือคืนค่าเข้าชมแก่คณะผู้เดินทางแทน
  • บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงรายการท่องเที่ยว กรณีที่เกิดเหตุจำเป็นสุดวิสัย อาทิ การล่าช้าของสายการบิน  การนัดหยุดงาน  การประท้วง  ภัยธรรมชาติ  การก่อจลาจล  อุบัติเหตุ  ปัญหาการจราจร ปัญหาการเสริฟ์ช้าของร้านอาหาร หรือ เหตุใดๆที่อยู่เหนือการควบคุมของบริษัท ฯลฯ   ทั้งนี้จะคำนึงและรักษาผลประโยชน์ของผู้เดินทางไว้ให้ได้มากที่สุด และหากหัวหน้าทัวร์ไม่ได้ดำเนินการทำทัวร์ตามโปรแกรม ท่านต้องแย้งและเรียกร้องสิทธิ์ในรายการนั้น หากท่านไม่มีการแย้งใดๆ ถือว่าท่านยอมรับการทำทัวร์ดังกล่าว
  • เนื่องจากการท่องเที่ยวนี้เป็นการชำระแบบเหมาจ่ายกับบริษัทตัวแทนในต่างประเทศ  ท่านไม่สามารถที่จะเรียกร้องเงินคืน ในกรณีที่ท่านปฏิเสธหรือสละสิทธิ์ ในการใช้บริการที่ทางทัวร์จัดให้ ยกเว้นท่านได้ทำการตกลง หรือ แจ้งให้ทราบ ก่อนเดินทาง
  • บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น หากท่านถูกปฏิเสธการตรวจคนเข้าเมือง และจะไม่คืนเงินค่าทัวร์ที่ท่านชำระมาแล้ว  หากท่านถูกปฎิเสธการเข้าเมือง เนื่องจากการกระทำที่ส่อไปในทางผิดกฎหมาย หรือการหลบหนีเข้าเมือง 
  • ในกรณีที่ท่านจะใช้หนังสือเดินทางราชการ (เล่มสีน้ำเงิน) เดินทางกับคณะ  บริษัทฯ สงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบ หากท่านถูกปฎิเสธการเข้าหรือออกนอกประเทศใดประเทศหนึ่ง เพราะโดยปกตินักท่องเที่ยวใช้หนังสือเดินทางบุคคลธรรมดา เล่มสีเลือดหมู
  • เมื่อท่านจองทัวร์และชำระมัดจำแล้ว หมายถึงท่านยอมรับในข้อความและเงื่อนไขที่บริษัทฯแจ้งแล้วข้างต้น
เงื่อนไขอื่น ๆ

ตั๋วเครื่องบิน

  • การจัดที่นั่งบนเครื่องบินของสายบการบิน ขณะนี้สายการบินมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการจัดที่นั่ง (Assign seat) ทุกที่นั่ง สนนราคา 2,000 – 4,000 บาทต่อเที่ยวบิน หากท่านไม่ต้องการเสียค่าใช้จ่ายตรงนี้ ต้องทำการขอที่นั่ง ณ เคาน์เตอร์เชคอินที่สนามบินเท่านั้น แต่หากท่านต้องการจัดที่นั่งและชำระค่าใช้จ่ายตรงนี้ สามารถแจ้งกับทางบริษัทฯ หลังทำการออกตั๋วเครื่องบินแบบหมู่คณะไปแล้วเท่านั้น
  • ในการเดินทางเป็นหมู่คณะผู้โดยสารจะต้องเดินทางไป-กลับ หากท่านต้องการเลื่อนวันเดินทางกลับ ท่านจะต้องชำระ ค่าใช้จ่ายส่วนต่างที่สายการบินเรียกเก็บโดยสายการบิน เป็นผู้กำหนด ซึ่งทางบริษัทฯ ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ และในกรณีที่ยกเลิกการเดินทาง ถ้าทางบริษัทได้ออกตั๋วเครื่องบินไปแล้ว ผู้เดินทางต้องรอ Refund ตามระบบของสายการบินเท่านั้น (ในกรณีที่ตั๋วเครื่องบินสามารถทำการ Refund ได้เท่านั้น)
  • ท่านที่จะออกตั๋วเครื่องบินภายในประเทศ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต หาดใหญ่ ฯลฯ โปรดแจ้งฝ่ายขายก่อนเพื่อขอคำยืนยันว่าทัวร์นั้นๆ ยืนยันการเดินทาง แน่นอน หากท่านออกตั๋วภายในประเทศโดยไม่ได้รับการยืนยันจากพนักงาน แล้วทัวร์นั้นยกเลิก บริษัทฯไม่สามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายใดๆที่เกี่ยวข้องกับตั๋วเครื่องบินภายในประเทศได้
  • เมื่อท่านจองทัวร์และชำระมัดจำแล้ว หมายถึงท่านยอมรับในข้อความและเงื่อนไขที่บริษัทฯแจ้งแล้วข้างต้น

โรงแรมและห้อง

  • ห้องพักในโรงแรมเป็นแบบห้องพักคู่ ( TWN/DBL ) ในกรณีที่ท่านมีความประสงค์จะพักแบบ 3 ท่าน / 3 เตียง(TRIPLE ROOM ) ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของห้องพักและรูปแบบของห้องพักของแต่ละโรงแรม ซึ่งมักมีความแตกต่างกัน ซึ่งอาจจะทำให้ท่านไม่ได้ห้องพักติดกันตามที่ต้องการ หรือ อาจไม่สามารถจัดห้องที่พักแบบ 3 เตียงได้
  • โรงแรมหลายแห่งในยุโรป จะไม่มีเครื่องปรับอากาศเนื่องจากอยู่ในแถบที่มีอุณหภูมิต่ำ เครื่องปรับอากาศที่มีจะให้บริการในช่วงฤดูร้อนเท่านั้น
  • ในกรณีที่มีการจัดประชุมนานาชาติ ( TRADE FAIR ) เป็นผลให้ค่าโรงแรมสูงขึ้น 3-4 เท่าตัว บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนหรือย้ายเมืองเพื่อให้เกิดความเหมาะสม

กระเป๋าเล็กถือติดตัวขึ้นเครื่องบิน

  • กรุณางดนำของมีคม ทุกชนิด ใส่ในกระเป๋าใบเล็กที่จะถือขึ้นเครื่องบิน เช่น มีดพับ กรรไกรตัดเล็บทุกขนาด ตะไบเล็บ เป็นต้น กรุณาใส่ในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ห้ามนำติดตัวขึ้นบนเครื่องบินโดยเด็ดขาด
  • วัตถุที่เป็นลักษณะของเหลว อาทิ ครีม โลชั่น น้ำหอม ยาสีฟัน เจล สเปรย์ และเหล้า เป็นต้น จะถูกทำการตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยจะอนุญาตให้ถือขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 10 ชิ้น ในบรรจุภัณฑ์ละไม่เกิน 100 ml. แล้วใส่รวมเป็นที่เดียวกันในถุงใสพร้อมที่จะสำแดงต่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตามมาตรการองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ( ICAO )
  • หากท่านซื้อสินค้าปลอดภาษีจากสนามบิน จะต้องปิดผนึกถุงโดยระบุ วันเดินทาง เที่ยวบิน จึงสามารถนำขึ้นเครื่องได้ และห้ามมีร่องรอยการเปิดปากถุงโดยเด็ดขาด

สัมภาระและค่าพนักงานยกสัมภาระ

  • สำหรับน้ำหนักของสัมภาระที่ทางสายการบินอนุญาตให้โหลดใต้ท้องเครื่องบิน คือ 20-30 กิโลกรัม (สำหรับผู้โดยสารชั้นประหยัด/ Economy Class Passenger ซึ่งขึ้นกับแต่ละสายการบิน) การเรียกเก็บค่าระวางน้ำหนักเพิ่มเป็นสิทธิ์ของสายการบินที่ท่านไม่อาจปฏิเสธได้ หาก น้ำหนักกระเป๋าเดินทางเกินกว่าที่สายการบินกำหนด
  • สำหรับกระเป๋าสัมภาระที่ทางสายการบินอนุญาตให้นำขึ้นเครื่องได้ ต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัมและมีสัดส่วนไม่เกิน 7.5 x 13.5 x 21.5 สำหรับหน่วยวัด “นิ้ว” (Inch) หรือ 19 x 35 x 55 สำหรับหน่วยวัด “เซนติเมตร” (Centimeter)
  • ในบางรายการทัวร์ ที่ต้องบินด้วยสายการบินภายในประเทศ น้ำหนักของกระเป๋าอาจจะถูกกำหนดให้ต่ำกว่ามาตรฐานได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละสายการบิน บริษัทขอสงวนสิทธิ์ไม่รับภาระความรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในน้ำหนักส่วนที่เกิน
  • กระเป๋าและสัมภาระที่มีล้อเลื่อนและมีขนาดใหญ่เกินไป ไม่เหมาะกับการเป็นกระเป๋าถือขึ้นเครื่องบิน (Hand carry)

การชดเชยค่ากระเป๋าในกรณีเกิดการสูญหาย

  • ของมีค่าทุกชนิด ขอแนะนำไม่ควรใส่เข้าไปในกระเป๋าใบใหญ่ที่เช็คไปกับเครื่อง เพราะหากเกิดการสูญหาย สายการบินจะรับผิดชอบชดใช้ตามกฎไออาต้าเท่านั้น ซึ่งจะชดใช้ให้ประมาณ กิโลกรัมละ 20 USD คูณด้วยน้ำหนักกระเป๋าจริง ทั้งนี้จะชดเชยไม่เกิน USD 400 กรณีเดินทางชั้นธรรมดา (Economy) หรือ USD 600 กรณีเดินทางชั้นธุรกิจ (Business) ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้โหลดของมีค่าทุกประเภทลงกระเป๋าใบใหญ่
  • กรณีกระเป๋าใบใหญ่เกิดการสูญหายระหว่างการท่องเที่ยว (ระหว่างทัวร์ ไม่ใช่ระหว่างบิน) โดยปกติประกันภัยการเดินทางที่บริษัททัวร์ได้จัดทำให้ลูกค้าจะไม่ครอบคลุมค่าชดเชยในกรณีกระเป๋าใบใหญ่สูญหาย 
  • กรณีกระเป๋าใบเล็ก (Hand Carry) เกิดการสูญหาย บริษัทฯ ไม่สามารถรับผิดชอบชดเชยค่าเสียหายให้ท่านได้ ดังนั้นท่านต้องระวังทรัพย์สินส่วนตัวของท่าน

ค้นหา
คำค้น
ช่วงเวลา
รายการทัวร์
ค้นหา


 

Add line Triple Enjoy