วันที่ 1 | กรุงเทพมหานคร – พาโร – พาโรซอง – พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ – ทิมพู |
03.30 น. | คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่ เคาน์เตอร์เช็คอิน สายการบินภูฏาน แอร์ไลน์ (Bhutan Airline) อาคารผู้โดยสารขาออกชั้น 4 ณ สนามบินสุวรรณภูมิ |
06.30 น. | ออกเดินทางสู่เมืองพาโร (Paro) ประเทศภูฏาน (Bhutan) โดยสายการบินภูฏาน แอร์ไลน์ เที่ยวบิน B3 701 (ใช้เวลาบินประมาณ 4.20 ชม.) สายการบินมีบริการ อาหารเช้า ระหว่างเที่ยวบิน |
09.55 น. | เดินทางถึง สนามบินพาโร ประเทศภูฏาน นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร จากนั้นนำทุกท่านเดินทางเข้าสู่ เมืองพาโร (Paro) ประเทศภูฏาน เป็นประเทศเล็กๆที่เป็นดินแดนรวมแหล่งอารยธรรมต่างๆ แห่งขุนเขาหิมาลัย เป็นประเทศที่พุทธศาสนาเบ่งบานอยู่ท่ามกลางเทือกเขาหิมาลัย ประชาชนชาวภูฏานมีธรรมมะเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวทางจิตใจ ประชาชนดำรงชีวิตกันอยู่อย่างเรียบง่ายไม่วุ่นวาย และความสุขของคนภูฏานวัดกันที่ใจ ความสุขอยู่ที่จิตใจที่มีแต่รอยยิ้ม และความเป็นมิตรแก่ผู้คนทั้งโลก ทุกท่านจะได้สัมผัสบ้าน เมืองพาโร ซึ่งเป็นเมืองที่ถูกโอบอยู่ในวงล้อมของขุนเขา บนระดับความสูง 2,280 เมตร มีแม่น้ำปาชูไหลผ่าน อาคารบ้านเรือน จะเป็นสไตล์ภูฏานแท้ กรอบหน้าต่างไม้ลวดลายสีสันสดใส นำทุกท่านเข้าชม พาโรซอง (Paro Dzong) หรือ พาโร รินปุง ซอง (Paro Rinpung Dzong) ตั้งอยู่ที่เมืองพาโร ซึ่งเป็นเมืองแห่งแรกที่ท่านมาถึงภูฏาน เมื่อท่านลงจากเครื่องบิน จะสามารถมองเห็นพาโรซองตั้งเป็นสง่าอยู่บนเนินเขา รินปุงซอง แปลว่า ป้อมอัญมณี ท่านซับดรุง งาวัง นัมเกล ได้สร้างและต่อเติมจนใหญ่โตในปี ค.ศ.1646 จากนั้นเกิดเหตุเพลิงไหม้ และสร้างขึ้นมาใหม่ตามแบบเดิมทุกอย่างด้วยเงินจากราษฎร พาโรซอง ได้ชื่อว่าเป็นซองที่มีรูปทรงสวยที่สุดแห่งหนึ่งของภูฏาน มีความแข็งแรงและป้องกัน ข้าศึกมาได้หลายครั้งมีสีขาวโดดเด่น ด้านในซองประดับด้วยภาพเขียนต่างๆที่สวยงามและภาพเขียนเก่าแก่อีกหลายภาพ มีหอกลาง 5 ชั้น ตั้งอยู่กลางลานอเนกประสงค์ ข้างนอกเป็นลานประลองการยิงธนู ลานอเนกประสงค์เป็นที่จัดการแสดงระบำหน้ากากเซชูเป็นประจำทุกปี ทางตะวันออกของซองมีสะพานข้ามแม่น้ำพาโร ชื่อว่า สะพานยามิซัม สร้างขึ้นมาใหม่แทนสะพานเดิมที่ถูกน้ำท่วม สะพานแห่งนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของสถาปัตยกรรมภูฏานและถูกใช้ในฉากภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด เรื่อง Little Buddha เป็นอีกจุดที่ควรถ่ายภาพเป็นที่ระลึก |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ (National Museum of Bhutan) พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เป็นที่เก็บรวบรวมหน้ากากศิลปะแบบพุทธมหายาน นิกายตันตระ ภาพพระบฏ อาวุธ เหรียญกษาปณ์ เครื่องมือเครื่องใช้ไม้สอยต่างๆ รวมถึงจัดแสดงความหลากหลายทางธรรมชาติอันสมบูรณ์ของประเทศ เพื่อให้ทุกท่านได้รู้จักภูฏานมากขึ้น ตรงข้ามกับอาคารพิพิธภัณฑ์ เป็นอาคารทรงกลมสีขาว เรียกว่า ตาซอง (Ta Dzong) หรือ หอคอย เดิมใช้เป็นหอสังเกตุการณ์ข้าศึกศัตรู เนื่องจากตัว Dzong สร้างอยู่บนเนินสูง สามารถมองเห็นวิวตัวเมืองพาโรได้ครอบคลุมทั้งหมด นำท่านเดินทางสู่ เมืองทิมพู (Thimphu) (ระยะทาง 53 กม. ใช้เวลาเดินทาง 1.25 ชม.) เป็นเมืองหลวงของภูฏานมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1961 ในสมัยท่านซับดรุง งาวัง นัมเยล เดินทางมาเผยแพร่ศาสนาพุทธในภูฏาน เมื่อทิมพูได้รับการสถาปนาให้เป็นเมืองหลวงแล้ว จึงมีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นจนในปัจจุบันทิมพูมีประชากรมากกว่า 50,000 คน เมืองทิมพูตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำวัง (Wang Chhu) ในเมืองมีถนนหลายสายตัดขนานไปกับแม่น้ำ และมีถนนเล็กๆ แคบๆ อีกหลายสายแยกไปตามจุดต่างๆในเมือง ถนนเหล่านี้เป็น เส้นทางคดเคี้ยวไปตามบ้านเรือน และวกวนขึ้นเนินไปยังอาคารทำเนียบรัฐบาลที่ตั้งเด่นอยู่บนเนินเขาในเขตมอติธัง (Motithang) ถิ่นคนรวยภูฏานย่านใจกลางเมืองทิมพู |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม |
ที่พัก | Norkhil Boutique Hotel & Spa **** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1) |
วันที่ 2 | ทิมพู – ตาชิโชซอง – สำนักสงฆ์ตัมชู – อนุสรณ์สถานแห่งชาติโชเตน – วัดชันกังคา |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเข้าชม ทิมพูซอง (Thimphu Dzong) หรือ ตาชิโชซอง (Tashicho Dzong) เป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมืองหลวงทิมพู สถาปัตยกรรมเชิงเขาที่งดงามแห่งนี้ สมัยก่อนเป็นของท่านซับดรุง งาวัง นัมเกล เนื่องจากท่านซับดรุงได้ปราบลามะห้านิกายภายใต้การนำของนิกายฮาปาได้สำเร็จในปลายทศวรรษ 1630 ท่านซับดรุงได้ตั้งชื่อป้อมนี้ว่า ตาชิโชซอง แปลว่า ป้อมแห่งศาสนาอันเป็นมงคล ปัจจุบันใช้เป็นอาคารที่ทำการของรัฐบาล สำนักราชเลขาธิการ ฟกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการคลัง ท้องพระโรง และคณะกรรมการบริหารปกครองเมืองทิมพู ภายในแยกเป็นกลุ่มอาคารเขตสังฆาวาส เขตฆราวาส และลานอเนกประสงค์ มีหอกลางสูงสามชั้น ทิมพูซองเป็นที่ประกอบพิธีสำคัญ ที่พำนักสงฆ์ และประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ ในอดีตเคยเกิดเพลิงไหม้หลายครั้งจึงถูกทิ้งร้าง จนกระทั่งสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ดอร์จิ วังชุก เสด็จขึ้นครองราชย์ และย้ายเมืองหลวงมาที่เมืองทิมพู จึงทรงสั่งให้ฟื้นฟูก่อสร้างขึ้นมาใหม่จนใหญ่โตตามกรรมวิธีโบราณทุกอย่าง และสร้างลานกว้างเพื่อรองรับผู้คนมาเข้าร่วมงานเทศกาลยิ่งใหญ่ประจำปี ภายในป้อมปราการประดับด้วยภาพนูนสูงสลักและจิตรกรรม ไม่ว่าจะเป็นท้าวจตุโลกบาล เทพเจ้า เทพธิดา พระพุทธเจ้า สัตว์ในเทพนิยาย วงล้อแห่งชีวิต และประดิษฐานพระพุทธรูปองค์สำคัญ จากนั้นนำท่านเข้าชม สำนักสงฆ์ตัมชู (Tamchoe Monastery) (ระยะทาง 36 กม. ใช้เวลาเดินทาง 55 นาที) คือ จุดชมวิว ตรงจุดบรรจบของแม่น้ำปาโรชูกับแม่น้ำทิมพูชู คือสำนักสงฆ์ตัมชู หรือวัดเขายอดอาชา จะตั้งอยู่บนฝั่งซ้ายท่ามกลางทิวทัศน์ที่มีแม่น้ำสองสายมาบรรจบกัน ท่านลามะทังทนเกลโป ซึ่งเป็นผู้สร้างวัดนี้ขึ้นพร้อมสะพานเหล็ก ซึ่งท่านคิดค้นการทำโซ่เหล็ก ตัวสะพานที่เชื่อมสองฝั่งด้วยลวดและเหล็กคล้องต่อๆกัน ของเดิมได้ถูกน้ำพัดทำลายลงในปี ค.ศ. 1969 ปัจจุบันโซ่เหล็กที่ใช้อยู่ถูกสร้างขึ้นใหม่ใน ค.ศ. 2005โดยเลียนแบบสะพานสายเดิม และแวะถ่ายรูปกับเจดีย์สามองค์ ซึ่งเป็นเจดีย์แบบทิเบต ภูฏาน และเนปาลที่ ด่านชูซอม |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเข้าชมอนุสรณ์สถานแห่งชาติโชเตน (National Memorial Chorten) หรือที่เรียกอีกชื่อว่า อนุสรณ์สถานทิมพู เป็นสถาปัตยกรรมแบบภูฏาน สร้างขึ้นในปี 1974 เพื่อถวายพระเกียรติแด่สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ดอร์จิ วังชุก กษัตริย์รัชกาลที่ 3 ของภูฏาน โดยได้รับการอุปถัมภ์จากพระราชินีอาชิ พุนโช โชเด็น วังชุก พระราชมารดาของพระองค์ อนุสรณ์สถานแห่งชาติถือว่าเป็นจุดสังเกตอันโดดเด่นของเมืองทิมพูด้วยยอดทรงกรวยสีทอง ภายในใช้เป็นที่เก็บพระบรมอัฐิ และมีพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ มีรูปปั้นของท่านคุรุ รินโปเช (นักบวชที่ชาวภูฏานเคารพนับถือมาก) และรูปปั้นของซับดรุง งาวังนัมเกล (ผู้รวบรวมภูฏานเป็นหนึ่งเดียว) ชาวภูฏานเชื่อว่าใครที่เข้าไปสักการะจะต้องเดินเวียนขวาตามเข็มนาฬิกาเพื่อความเป็นสิริมงคล เพราะนอกจากจะเป็นสถานที่สำคัญของเมืองหลวงแล้ว ภายในอนุสรณ์สถานคุณจะได้ซึมซับบรรยากาศของชาวเมืองทั้งคนหนุ่มสาวจนถึงคนสูงอายุที่มี วัฒนธรรมภูฏานยึดเหนี่ยวด้วยศาสนาและสถาบันพระมหากษัตริย์ นำท่านเข้าชม วัดชันกังคา (Changangkha Lhakhang) วัดของลามะ “เทวะผู้บ้าคลั่ง” เป็นวัดที่อยู่บนสันเขาเหนือเมืองทิมพู ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือของโมติตัง กำแพงสีขาวของวัดเป็นจุดเด่นที่มองเห็นได้แต่ไกล วัดชันกังคาเป็นหนึ่งในวัดเก่าแก่ที่สุดในเมืองทิมพู พระลามะทิเบตเป็นผู้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 15 โดยลูกหลานของท่านพะโจ ดรุ๊กกอม ชิโป พระประธานของวัดคือ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร งานจิตรกรรมฝาผนังที่ฝั่งตรงข้ามกับประตูทางเข้ามีความพิเศษอยู่ที่ภาพของท่านซังปา กาเร เยเช โดร์จี ผู้ตั้งนิกายดรุ๊กปะขึ้นในทิเบต วัดแห่งนี้ได้รับการบูรณะขึ้นในปี ค.ศ.1998-1999 สมัยก่อนวัดทำหน้าที่เป็นทั้งอารามและป้อมปราการที่มีไว้สำหรับป้องกันการบุกรุกของข้าศึกศัตรูที่มารุกรานภูฏาน ลานอเนกประสงค์ของวัดเป็นจุดชมวิวทิมพูสำหรับผู้ที่มาท่องเที่ยวภูฏานได้เป็นอย่างดี |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม |
ที่พัก | Norkhil Boutique Hotel & Spa **** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2) |
วันที่ 3 | ทิมพู – พูนาคา – โดชูลาพาส –วัดชิมิลาคัง –พูนาคาซอง |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ เมืองพูนาคา (Punakha) (ระยะทาง 76 กม. ใช้เวลาเดินทาง 2.10 ชม.) เป็นเมืองหลวงเก่าของภูฏาน จนถึงปี ค.ศ.1955 ก่อนที่จะย้ายเมืองหลวงไปที่เมืองทิมพู ระหว่างทางท่านจะได้ชมวิวทิวทัศน์ ของทุ่งนาขั้นบันไดและดอกไม้ที่บานตลอดเส้นทางสวยงามเป็นอย่างมาก ผ่านชม ป้อมซิมโตคาซอง สร้างในปี ค.ศ.1629 ป้อมแห่งนี้มีชัยภูมิที่ถือเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญแห่งเมืองทิมพู ถือเป็นป้อมปราการแห่งแรกที่ท่านซับดรุง งาวัง นัมเกล สร้างขึ้น เมืองพูนาคาอยู่ระดับความสูง 1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล ทำให้เมืองพูนาคามีอากาศอบอุ่นกว่าเมืองพาโรและเมืองทิมพู ระหว่างทางนำท่านแวะชม โดชูลาพาส หรือ ช่องเขาศิลา (Dochula Pass) จุดชมวิวชมความงามของ เจดีย์ดรุกวังเยลลาคัง สถูปแห่งชัยชนะ ชม 108 สถูป เป็นอนุสรณ์สถานที่มีต่อกองกำลังกลุ่มหัวรุนแรงที่ยึดพื้นที่ทางภาคใต้ของภูฏาน ตั้งอยู่บน ระดับความสูง 3,150 เมตร จากระดับน้ำทะเล พร้อมดื่มด่ำธรรมชาติทิวทัศน์ของภูเขาหิมาลัยด้านตะวันตกอันตระการตาและยอดเขาต่างๆเรียงรายกันเป็นแนวยาว รวมไปถึงยอดเขาที่สูงที่สุดอย่างจูโมฮารี ซึ่งมีความสูงถึง 7,328 เมตร จากนั้นนำท่านเข้าชมวัดชิมิลาคัง (Chimi Lhakhang) ตั้งอยู่ที่เมืองพูนาคา วัดชิมิอยู่บนยอดเนินเขา ถูกค้นพบในปี 1499 โดยพระงาหวัง ซอคเยล คนภูฏานเชื่อว่าหากไม่ประสบความสำเร็จเรื่องคู่ครอง จะต้องมาแสวงบุญที่นี่ วัดแห่งนี้ยังมีความศักดิ์สิทธิ์เรื่องการมาขอบุตร หากมาอธิษฐานขอบุตรก็จะได้สมใจ ชื่อที่จะได้รับส่วนใหญ่คือ คิลเลย์ หรือชิมิ หรือถ้ามีลูกอ่อน สามารถขอให้ลูกหน้าตาดีได้ด้วย โดยมักจะนำเหล้า น้ำมันเนยใส่ตะเกียง และธูปเทียนมาถวายรูปปั้นท่านดรุกปา คินเลย์ในวัด ชาวบ้านนิยมคนเรียกวัดแห่งนี้ว่า ดรุกปา คินเลย์ ลาคัง สร้างเพื่อถวายแด่ท่านดรุกปา คิลเลย์ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านชมพูนาคาซอง (Punakha Dzong) (ระยะทาง 14 กม. ใช้เวลาเดินทาง 30 นาที) ป้อมปราการประจำเมืองพูนาคา ตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำโพและแม่น้ำโม สร้างในปี ค.ศ.1637 โดยท่านซับดรุง งาวัง นัมเกล เป็นซองก์เก่าแก่แห่งที่ 2 ของภูฏานมีชื่อเต็มว่า Pungthang Dechen Phodrang ซึ่งมีความหมายว่า พระราชวังแห่งความสุขสำราญ เป็นที่ประทับของพระสังฆราชในฤดูหนาว เนื่องจากพูนาคามีอากาศไม่หนาวเย็นจนเกินไป เคยเป็นเมืองหลวงของภูฏานนานถึง 300 ปี ปัจจุบันเป็นศูนย์กลางการบริหารปกครองเขตพูนาคา องค์กรสงฆ์ส่วนกลางจะย้ายมาที่นี่นาน 6 เดือนเต็มในฤดูหนาวเนื่องจากพูนาคาซองอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,350 เมตร ต่ำกว่าเมืองทิมพูที่อยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 2,400 เมตร จึงมีภูมิอากาศอบอุ่นกว่า พูนาคาซองใช้เวลาสร้าง 1 ปี มีขนาดกว้าง 180 เมตร ยาว 72 เมตร มีหอกลาง สูง 6 ชั้น มีการสร้างสะพานแขวนข้ามแม่น้ำแทน สะพานเดิมที่พังไป พูนาคาซองเกิดเหตุเพลิงไหม้และภัยธรรมชาติหลายครั้ง แต่ก็ได้รับการบูรณะอย่างต่อเนื่อง องค์ประกอบของซองไม่ว่าจะเป็นเสา ภาพจิตรกรรม พระพุทธรูปดินเหนียว และรูปปั้นท่านซับดรุง มีความงดงามและสะท้อนฝีมือช่างของชาวภูฏานได้เป็นอย่างดี พูนาคาซองยังเป็นสถานที่จัดพิธีอภิเษกสมรสของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก เพราะเมืองพูนาคาได้ชื่อว่า เมืองโรแมนติคของภูฏาน |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม |
ที่พัก | Dhensa Boutique Hotel **** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 4 | พูนาคา – ทิมพู – หลวงพ่อสัจธรรม – ที่ทำการไปรษณีย์ – พาโร |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางกลับสู่ เมืองทิมพู (Thimphu) (ระยะทาง 73 กม. ใช้เวลาเดินทาง 2.05 ชม.) จากนั้นนำท่านสักการะหลวงพ่อสัจธรรม (Buddha Point) ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในภูฏาน และที่สุดในโลก ประดิษฐานอยู่บนเขาซึ่งเป็นจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดของเมืองทิมพู ก่อสร้างเสร็จเมื่อเดือนกันยายน 2015 โดยฝีมือชาวไทย เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในวโรกาสที่ พระมหากษัตริย์ Jigme Singye Wangchuck หรือพระราชบิดาของกษัตริย์องค์ปัจจุบันทรงมีพระชนมายุครบ 60 พรรษา |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเข้าชมที่ทำการไปรษณีย์ภูฎาน (Bhutan Post Office) (ระยะทาง 53 กม. ใช้เวลาเดินทาง 1.25 ชม.) ภูฏานเป็นประเทศที่ผลิตดวงตราไปรษณียากรได้สวยงามประเทศหนึ่งของโลก นักท่องเที่ยวสามารถซื้อแสตมป์เป็นที่ระลึกได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์แห่งนี้ โดยมีให้เลือกหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรูปวิวธรรมชาติ เทือกเขาหิมาลัย หุบเขาและแม่น้ำ ทัศนียภาพน่าประทับใจ นำท่านเข้าชมวัดคิชูลาคัง (Kyichu Lhakhang) เป็นวัดโบราณที่มีความเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของภูฏาน สร้างโดยกษัตริย์ทิเบต พระเจ้าซังเซน กัมโป เมื่อปี พ.ศ. 1212 วัดคิชูเป็นหนึ่งใน 108 วัด ที่พระเจ้าซังเซน กัมโป สร้างขึ้นตามความเชื่อว่าต้องสร้างวัดทั้งหมด 108 แห่งเพื่อตรึงนางยักษ์ที่นอนพาดเทือกเขาหิมาลัยไว้ซึ่งวัดคิชูเป็นส่วนที่ตรึงเท้าซ้ายของนางยักษ์ และอีกหนึ่งวัดในภูฏานที่สร้างในวันเดียวกันคือ วัดจัมปา เมืองบุมตัง ซึ่งตรึงหัวเข่าซ้ายของนางยักษ์ แม้จะเคยถูกไฟไหม้มาแล้วครั้งหนึ่ง วัดคิชูประกอบด้วยโบสถ์สองหลังประดิษฐานรูปสลักพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรพันเนตร มีรูปปั้นท่านคุรุรินโปเชสูง 5 เมตร ผนังด้านในวัดมีภาพท้าวจตุโลกบาล และเทพเก็นเย็น โดร์จี ดราดุล เทพในคติพื้นบ้านของชาวภูฏาน และยังมีจิตรกรรมภาพบุคคลสำคัญคือ ท่านคุรุรินโปเช ท่านซับดรุง งาวัง นัมเกล พระเจ้าซังเซน กัมโป พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ เทพธิดาแห่งเทือกเขาหิมาลัย ภายในตัววิหารไม่อนุญาตให้เข้าไป ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปโจโว หนึ่งในพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของภูฏาน |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม |
ที่พัก | Himalayan Key Forest Resort Hotel **** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1) |
วันที่ 5 | พาโร – วัดถ้ำพยัคฆ์เหิร (วัดทักซัง) – พาโรสตีท |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ วัดถ้ำพยัคฆ์เหิร หรือ วัดทักซัง (Taktsang Monastery) วิหารบนยอดสูงเฉียดฟ้า ดินแดนศักดิ์สิทธิ์หัวใจแห่งพุทธศาสนาของชาวภูฏาน สถานที่แสวงบุญที่ชาวภูฏาน เลื่อมใสศรัทธามากที่สุดแห่งหนึ่งในเขตหิมาลัย ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ ค.ศ.1692 ณ ถ้ำที่องค์ท่านคุรุรินโปเช (Guru Rinpoche)ที่บำเพ็ญเพียรเพื่อปราบเหล่ามารและเผยแพร่พุทธศาสนาให้เบ่งบานไปทั่วดินแดนหิมาลัยนี้ ซึ่งตั้งอยู่ริมหน้าผาสูง กล่าวว่าท่านได้เหาะมาบนหลังเสือตัวเมีย มายังหน้าผาแห่งนี้เพื่อทำวิปัสสนากรรมฐาน จึงได้ชื่อว่า ถ้ำเสือ (TIGER NEST) หลังจากที่ สำเร็จสมาธิแล้วท่านจึงได้สร้างศาสนสถานแห่งนี้ขึ้นชาวภูฏาน มีความเชื่อว่าครั้งหนึ่งในชีวิต จะต้องได้ขึ้นมาแสวงบุญ เพื่อความเป็นสิริมงคลและเจริญก้าวหน้าของชีวิต การเดินทางมายังสถานที่แห่งนี้ รถจะสามารถขึ้นได้แค่เนินเขาเท่านั้น จากนั้นทุกท่านสามารถเลือกเดินทางได้ 2 แบบ คือ เดินเท้า หรือ ขี่ม้า เท่านั้น (เนื่องจากปริมาณคนจูงลาไม่เพียงพอต่อจำนวนนักท่องเที่ยว จึงอาจทำให้เกิดอันตรายในการเดินทางได้) ขึ้นไปยังวัดเส้นทางเป็นเนินเขาและมีหน้าผาสูงชันราว 3,000 เมตรจากด้านล่าง แนะนำนักท่องเที่ยวค่อยๆ เดินขึ้นไปช้าๆ ประมาณ 2 ชม. จะถึงจุดพักครึ่งทาง พักดื่มน้ำชา กาแฟ และเดินทางต่ออีกประมาณ 1 ชม.ก็จะถึงสุดทางดินลูกรังสุดท้าย จากนั้นเส้นทางจะเปลี่ยนเป็นบันไดขึ้นลง 700 ขั้น สู่ยัง วัดทักซัง นำทุกท่านสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์และชมความงามของธรรมชาติที่สรรค์สร้างอย่างสวยงามและลงตัว |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเดินเท้าลงจากเขา (เนื่องจากไม่ควรนั่งลาลงมาด้านล่าง เพราะทางลงเขามีความลาดชันจะทำให้เกิดอันตราย) จากนั้นนำท่านช้อปปิ้ง พาโรสตรีท (ระยะทาง 12 กม. ใช้เวลาเดินทาง 21 นาที) ซื้อของฝากของที่ระลึก อาทิ น้ำผึ้ง, นมผึ้ง ซึ่งเป็นออร์แกนิค 100% แยมผลไม้ต่างๆ อาทิ แยมส้ม, แยมมะม่วง, น้ำแอปเปิ้ล, ชาหอม ชาระบาย รวมไปถึง RED RICE ข้าวภูฏานที่มีชื่อเสียงเหมาะแก่ผู้ที่รักสุขภาพ แต่ของฝากที่เป็นหัตถกรรมของชาวภูฏานจะมีราคาสูงแต่มีความน่าสนใจเป็นงานหัตถกรรมที่ทำจากฝีมือชาวภูฏาน และไม่ได้นำเข้าจากประเทศอินเดีย รองเท้าที่เป็นงานฝีมือ และสินค้าจำพวกผ้าทอ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม |
ที่พัก | Himalayan Key Forest Resort Hotel **** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2) |
วันที่ื 6 | พาโร - กัลกัตตา (อินเดีย) พักค้าง 2 คืน |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่สนามบินเพื่อเชคอิน |
10.35 น. | ออกเดินทางกลับสู่เมืองกัลกัตตา ประเทศอินเดียโดยสายการบินภูฏาน แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ B3 700 (ใช้เวลาบิน 1.10 ช.ม.) |
11.15 น. | เดินทางถึงสนามบินกัลกัตตา ประเทศอินเดีย นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวันในโรงแรม |
บ่าย | นำท่านเที่ยวชมเมือง กัลกัตตา (Kolkata) เป็นเมืองหลวงของรัฐเบงกอลตะวันตก (West Bengal) เป็นมหานครขนาดใหญ่อันดับ 3 ของอินเดีย มีประชากร 45 ล้านคน เป็นแหล่งรวมอารยธรรมของกลุ่มชาติพันธุ์และภาษาเบงกาลี เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของความเป็นเมืองหลวงเก่าสมัยยุคอาณานิคมอังกฤษผสมผสานกับวิถีชีวิตดั้งเดิม เมืองแห่งปราชญ์และปัญญาชน บ้านเกิดของรพินทรนาถ ฐากูร (Rabindranath Tagore) กวีชื่อดังก้องโลกผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมในปี ค.ศ. 1913 และยังเป็นเมืองที่แม่น้ำคงคาไหลออกทะเลลงสู่อ่าวเบงกอลอีกด้วย นำท่านเข้าชมอนุสรณ์วิคตอเรีย (Victoria Memorial Palace) เป็นอาคารหินอ่อนขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเขต Maidan บริเวณริมฝั่งแม่น้ำ Hooghly ใกล้กับถนน Jawaharlal Nehru ของเมืองกัลกัตตา สร้างขึ้นระหว่างปี 1906 ถึง 1921 เพื่ออุทิศให้กับสมเด็จพระราชินีวิกตอเรียแห่งจักรวรรดิอังกฤษ ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์และสถานที่ท่องเที่ยวภายใต้การอุปถัมภ์ของกระทรวงวัฒนธรรมอินเดีย ทุกๆ ปีมีคนหลายพันคนมาเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ได้เวลานำท่านเข้าชมมหาวิหารเซ็นต์ปอล (St. Paul Cathedral) มหาวิหารในรูปแบบโกธิค ที่ยังคงความสมบูรณ์สวยงาม สร้างขึ้นในช่วงปี 1839-1847 ได้เวลานำท่านแวะถ่ายรูปกับสะพานนิว โฮราห์ (New Howrah Bridge) เป็นสะพานแขวนราวเหล็กที่ยาวเป็นอันดับ 6 ของโลก โดยถือเป็น 1 ใน 4 สะพานหลักที่ผู้คนใช้ข้ามแม่น้ำฮูกลี ซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของแม่น้ำคงคา |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม |
ที่พัก | Oberoi Grand Hotel/ Taj Bengal Hotel ***** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1) |
วันที่ 7 | กัลกัตตา (อินเดีย) |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเข้าชมวัดลักษมีนารายันกัลกัตต้า (Lukshmi Narayan Temple) เป็นวัดฮินดูที่ตั้งอยู่บนถนน Asutosh Chowdhury สร้างขึ้นเมื่อปี 1970 โดยครอบครัว Birla นักอุตสาหกรรมที่มีชื่อคนหนึ่งของอินเดียเพื่ออุทิศใหกับเทพกฤษณะซึ่งเป็นเทพสำคัญองค์หนึ่งของอินเดีย วัดนี้ใช้เวลา 26 ปีในการสร้างโครงสร้างทั้งหมด จากนั้นนำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์อินเดีย (Indian Museum Kolkata) เป็นพิพิธภัณฑ์อินเดีย (เดิมเรียกว่าพิพิธภัณฑ์อิมพีเรียลกัลกัตตา) เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่ในโกลกาตาตอนกลาง รัฐเบงกอลตะวันตก ประเทศอินเดีย เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่ที่สุดอันดับที่ 9 ของโลก และเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในอินเดียและเอเชีย ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงวัตถุโบราณอันล้ำค่ามากมาย และ ยังเป็นที่ประดิษฐาน ผอบที่เคยบรรจุพระบรมสารีริกธาตุองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อีกด้วย นำท่านเข้าชมความยิ่งใหญ่อลังการของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวันในโรงแรม |
บ่าย | นำท่านเข้าชมวัด Belur Math เป็นวัดที่ถือเป็นสำนักงานใหญ่ของ Ramakrishna Math and Mission ก่อตั้งโดย Swami Vivekananda หัวหน้าศิษย์ของ Ramakrishna Paramahamsaตั้งอยู่บนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำ Hooghly, Belur, ซึ่งอยู่ทางเหนือของกัลกัตตา ตัววัดสร้างด้วยหินทรายสีชมพู มีความโดดเด่นในด้านสถาปัตยกรรมที่หลอมรวมศิลปะของหลายๆ ศาสนารวมกัน ทั้งคริสเตียน อิสลาม ฮินดู และพุทธศาสนา ที่นี่จึงเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคีของทุกศาสนา จากนั้นนำท่านเข้าชม พระราชวังหินอ่อน (Marble Palace) เป็นคฤหาสน์หรูในรูปแบบอังกฤษ สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 19 และได้รับการบูรณะซ่อมแซมอย่างต่อเนื่องทำให้คงสภาพสมบูรณ์แบบจวบจนปัจจุบัน |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม |
ที่พัก | Oberoi Grand Hotel/ Taj Bengal Hotel ***** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2) |
วันที่ 8 | กัลกัตตา - กรุงเทพมหานคร |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่สนามบินเพื่อเชคอิน |
11.55 น. | ออกเดินทางสู่กรุงเทพมหานคร โดยสายการบินภูฏาน แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ B3 700 (ใช้เวลาบิน 2.40 ช.ม.) |
16.05 น. | เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ (BON VOYAGE) |