รายละเอียดทัวร์

www.TripleEnjoy.com
by Double Enjoy Travel Co., Ltd.

300/50 Nawamin Road, Nawamin, Buengkum, BKK 10240
Tel: 02-379-2955  Hotline: 099-130-6886  Fax: 02-379-1163 (Auto)

 Website: www.tripleenjoy.com   E-mail: [email protected]


 

Juristic Identification No. 0125554005216                                                               TAT License No. 11/05307


ทัวร์ออสเตรเลีย

TE331 : โปรแกรมทัวร์ออสเตรเลีย แทสมาเนีย เมลเบิร์น 10 วัน 8 คืน (TG)


Thai Airways (TG)
คัดลอก URL คัดลอก URL
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
Beachfront Bicheno Hotel
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
Hotel Grand Chancellor Hobart Hotel
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
Novotel Airport Hotel
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
Rydges Melbourne Hotel
TE331 : โปรแกรมทัวร์ออสเตรเลีย แทสมาเนีย เมลเบิร์น 10 วัน 8 คืน (TG)

นั่งเรือเฟอร์รี่ สู่ เกาะค็อกคาทู เกาะมรดกโลกแห่งแดนจิงโจ้
ขึ้นเรือและผจญภัยสู่ เกาะแทสมัน
ชมความน่ารักของแทสมาเนียนเดวิลอย่างใกล้ชิด ณ สวนอนุรักษ์แทสมาเนียนเดวิล
หมู่บ้านลาเวนเดอร์ไบรด์สโตว์ ชมฟาร์มผลิตลาเวนเดอร์ชื่อดัง
ชมความมหัศจรรย์ของทะเลสาบสีชมพู
ชมอนุสรณ์สถานสงครามโลกครั้งที่ 1


กำหนดการเดินทาง

รหัสทัวร์วันที่เดินทางเดินทางโดยราคาเริ่มต้นสถานะ
TE331-00730 ธ.ค. 67-08 ม.ค. 68Thai Airways (TG)175,900จองด่วน
 
รายละเอียดการเดินทาง

วันที่ 1กรุงเทพมหานคร – ซิดนีย์
06.00 น.คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่ เคาน์เตอร์เช็คอิน D (แถว D) ประตูทางเข้าที่ 1- 4 อาคารผู้โดยสาร สายการบินไทย ณ สนามบินสุวรรณภูมิ
08.30 น.ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ สู่สนามบินซิดนีย์ (SYD)โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG475 สายการบินบริการอาหารค่ำและอาหารเช้า บนเครื่องบิน (ใช้เวลาบินประมาณ 9 ชั่วโมง)
21.30 น.เดินทางถึงสนามบินซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พัก Novotel Airport Hotel**** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1)
วันที่ 2เกาะค็อกคาทู (เกาะมรดกโลกแห่งซิดนีย์) - ซิดนีย์โอเปร่าเฮ้าส์
เช้า

รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านนั่งเรือเฟอร์รี่สู่เกาะค็อกคาทู (Cockatoo Island) เกาะมรดกโลกแห่งแดนจิงโจ้ จากเกาะยังสามารถมองเห็นสะพานฮาร์เบอร์บริดจ์ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองซิดนีย์ เกาะแห่งนี้องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก เป็นเกาะที่มีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยสงครามโลก อีกทั้งเคยเป็นเรือนจำ ที่คุมขังนักโทษสมัยก่อน และเป็นอู่ซ่อมเรือ ต่อเรือรบ จึงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แห่งหนึ่ง ทั้งนี้ในอดีตเกาะแห่งนี้มีแต่เพียงชาวอะบอริจิน ชนพื้นเมืองเข้ามาทำการประมง ต่อมาในปี 1839-1850 รัฐบาลรัฐนิวเซาท์เวลส์ ได้เลือกให้เกาะแห่งนี้เป็นที่จำคุกนักโทษอีกแห่ง เนื่องจากคุกที่มีอยู่นั้นเริ่มแออัดด้วยจำนวนนักโทษที่เพิ่มขึ้น และปี 1900 มีการเปลี่ยนเกาะนี้ให้กลายเป็นอู่ต่อเรือแทน เพื่อใช้สร้างเรือรบของออสเตรเลียในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง จนกระทั่งปี 1965-1992 ก็มีการปิดอู่ต่อเรือแห่งนี้ โดยเครื่องจักรต่างๆ ก็ถูกขายทิ้งไป อาคารหลายๆ แห่งและท่าเรือหลายท่าก็ถูกทำลายไป ทิ้งไว้เป็นตำนาน นำท่านเที่ยวชมเรื่องราวประวัติศาสตร์ของซิดนีย์ผ่านโบราณสถานที่ยังคงหลงเหลือให้เห็นบนเกาะแห่งนี้ 

กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน (พร้อมเมนูกุ้งมังกรและหอยเป๋าฮื้อทะเลใต้)
บ่าย

นำท่านเที่ยวชมเมืองซิดนีย์ (Sydney) เมืองหลวงของรัฐนิวเซาท์เวลส์ อีกหนึ่งมนต์เสน่ห์ ที่เป็นเสมือนแม่เหล็กที่คอยดึงดูดผู้คนจากต่างถิ่น ให้แวะเวียนมาเมืองที่เก่าแก่ที่สุดของออสเตรเลียแห่งนี้ นำท่านถ่ายรูปกับสะพานซิดนีย์ฮาร์เบอร์ (Sydney Harbour Bridge) สถานที่ที่ท่านจะได้สัมผัสความงดงามของเมืองซิดนีย์ในมุมมองที่แตกต่าง ชื่นชมกับความยิ่งใหญ่ของสิ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นเอกลักษณ์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของออสเตรเลีย 

จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับซิดนีย์โอเปร่าเฮาส์ (Sydney Opera House) เป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างสมัยใหม่ที่รู้จักกันดีทั่วโลก ได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชาวเดนมาร์ก ยอร์น อุตซอน (Jørn Utzon) โดยโอเปร่าเฮาส์ตั้งอยู่บริเวณปากอ่าวซิดนีย์ โดยภายในแบ่งออกเป็นห้องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น โรงแสดงคอนเสิร์ต โรงอุปรากร โรงละคร เพลเฮาส์ และอื่นๆอีกมาก  

ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พักNovotel Airport Hotel**** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2)
วันที่ 3ซิดนีย์ - บินภายในสู่โฮบาร์ต (เกาะแทสมาเนีย)
เช้า

รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเช็คอินเคาน์เตอร์ สายการบิน เวอร์จิ้น แอร์ไลน์

09.30 น.ออกเดินทางจากสนามบินซิดนีย์ สู่ สนามบินโฮบาร์ตโดยเที่ยวบิน VA1530 (ใช้เวลาบินประมาณ 1.55 ช.ม.)
11.25 น.เดินทางถึงสนามบินโฮบาร์ต
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย

นำท่านเที่ยวชมเมืองโฮบาร์ต (Hobart) เมืองหลวงของรัฐแทสมาเนีย ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง เป็นเมืองที่เก่าแก่ที่สุดลำดับที่ 2 รองลงมาจากซิดนีย์ จากการก่อตั้งเมืองในออสเตรเลียเมื่อปี ค.ศ.1803 เมืองโฮบาร์ตตั้งอยู่คร่อมสองฝั่งของ ปากแม่น้ำเดอร์เวนท์ (Derwent River) โดยมี ภูเขาเวลลิงตัน (Mt. Wellington) เป็นฉากหลัง ทั้งนี้โฮบาร์ตอุดมไปด้วยมรดกจากยุคอาณานิคม ความงามของธรรมชาติ และบรรยากาศของเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยความรื่นเริงของบาร์และร้านอาหารในเมืองยามค่ำคืน

นำท่านเดินทางสู่อลิซาเบธสตรีท (Elizabeth St Mall) ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยว ธนาคาร และที่ทำการไปรษณีย์หลักบนถนนอลิซาเบธ นำท่านแวะชม ซาลาแมนกาเพลส (Salamanca Place) ชุมชนเล็กๆของชาวแทสมาเนีย ที่เรียงรายไปด้วย ตึกเก่าและอาคารโบราณในยุคอาณานิคมอังกฤษ

นำท่านเดินลัดเลาะเข้าสู่ ย่านแบตเตอรี่พ้อยน์ท (Battery Point) ซึ่งเป็นเขตชุมชนโบราณสมัยอาณานิคมยุคต้นๆที่ได้รับการรักษาสภาพไว้เป็นอย่างดี ผ่านชมหมู่อาคารโบราณที่สง่างาม เช่น Arthur Circus Cottages, โบสถ์เซนต์ และพิพิธภัณฑ์ Van Diemen's Land Folk Museum อาคารสมัยจอร์เจียนที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ซึ่งได้รับการจัดแต่งภูมิทัศน์ไว้อย่างงดงาม 

ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
ที่พักHotel Grand Chancellor Hobart Hotel **** หรือเทียบเท่า (พักค้างคืนที่ 1) 
วันที่ 4ล่องเรือสู่เกาะแทสมัน – พอร์ตอาเธอร์
เช้า

รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ พอร์ตอาเธอร์ (Port Arthur) (ระยะทาง 82 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.20 ชั่วโมง)  อดีตเมืองคุกแห่งคาบสมุทรแทสมันที่มีฉลามชุกชุม เหมาะสำหรับจองจำนักโทษในอดีตอย่างยิ่ง

นำท่าน ขึ้นเรือและผจญภัยสู่เกาะแทสมัน (Tasman Island) เกาะที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของหมู่เกาะแทสมัน และอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแทสมัน อุทยานแห่งชาติที่เต็มไปด้วยหินและหน้าผาอันสวยงาม และอยู่ห่างจากโฮบาร์ต เมืองหลวงของรัฐแทสมาเนียไปทางตะวันออกเฉียงใต้ เป็นรู้จักกันดีถึงหน้าผาริมทะเลที่สูงลิบและหินที่มีรูปทรงขนาดใหญ่สวยงามแปลกตา ท่านจะได้ชมความงามของแทสมันอาร์ก (Tasman Arch) อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยว ที่มีความโดดเด่นทางด้านลักษณะภูมิประเทศของอุทยานแห่งชาติแทสมัน หน้าผารูปทรงแปลกซึ่งมีลักษณะเป็นถ้ำหรืออุโมงค์ขนาดใหญ่ที่ถูกสร้างขึ้นโดยการกระทำของคลื่นทะเลซัดเข้ากระแทกนานนับศตวรรษ แรงดันมหาศาลของคลื่นประกอบกับบีบอัดอากาศที่เกิดจากการกระแทกหน้าผา ได้ส่งผลให้เกิดรอยแตกแยกจนกลายเป็นลักษณะภูมิประเทศที่แสนมหัศจรรย์ สร้างความประทับใจแก่ผู้มาเยือนเป็นอย่างมาก

จากนั้นผ่านชม โบลว์โฮล (Blow Hole) หน้าผาชั้นหินทรายที่ถูกแรงคลื่นจากทะเลซัดจนทะลุเป็นโพรงใต้น้ำ พอคลื่นจากทะเลซัดเข้าหาโพรงจะเกิดมวลน้ำพวยพุ่งขึ้นสูงราวกับน้ำพุ และเดวิลคิทเช่น (Devil Kitchen) หน้าผารูปทรงแปลกตาจนเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้พบกับความน่ารักของสัตว์นานาชนิด อาทิ แมวน้ำ, ปลาโลมา และนกชนิดต่างๆ เป็นต้น (***การออกเรือขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ในกรณีที่มีพายุหรือลมแรง ไม่สามารถออกเรือได้ บริษัทฯจะคืนค่าล่องเรือให้ในราคากรุ๊ปทัวร์ที่จองเอาไว้ และสำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 4 ขวบไม่อนุญาตให้ขึ้นเรือเพื่อความปลอดภัย)

กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น 
บ่าย

นำท่านเข้าชมสวนประวัติศาสตร์แห่งพอร์ตอาเธอร์ (Port Arthur Historical Site) ซึ่งมีการจัดแสดงเกี่ยวกับการเรียนรู้ชีวิตนักโทษในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ซึ่งเคยถูกใช้จองจำนักโทษอุกฉกรรจ์กว่า 1,000 ชีวิตช่วงกลางศตวรรษที่ 18 ผ่านชมโรงนอน ห้องพักนักโทษ ห้องสมุด โบสถ์  ซึ่งปัจจุบันเป็นหนึ่งในสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศออสเตรเลีย 

ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน 
ที่พักHotel Grand Chancellor Hobart Hotel  **** หรือเทียบเท่า (พักค้างคืนที่ 2)
วันที่ 5สวนอนุรักษ์แทสมาเนียนเดวิล – โฮบาร์ต
เช้า

รับประทานอาหารเช้าในโรงแรมฃ

นำท่านเข้าชม สวนอนุรักษ์แทสมาเนียนเดวิล (Tasmanian Devil Conservation Park) ชมความน่ารักของสัตว์เจ้าถิ่นของเกาะแทสมาเนียอย่างใกล้ชิด แทสมาเนียนเดวิลได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสัตว์คุ้มครองมาตั้งแต่ ปี ค.ศ.1941 ถึงแม้ว่าแทสมาเนียนเดวิลจะสามารถตกลูกคราวละประมาณ 30 ตัว แต่จะมีเพียงประมาณ 4 ตัวเท่านั้นที่มีชีวิตรอด โดยแทสมาเนียนเดวิลตัวเมียสามารถมีลูกในกระเป๋าหน้าท้องได้สูงสุดถึง 6 ตัวในระยะเวลานาน 3 เดือน  นอกจากนี้ยังมีข้อสันนิษฐานว่าแทสมาเนียนเดวิลได้สูญพันธุ์ไปจากแผ่นดินใหญ่ของออสเตรเลียเมื่อประมาณ 3,000 ปีมาแล้ว

กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น (Seafood Menu)
บ่าย

นำท่านเดินทางสู่อุทยานแห่งชาติเฟรซิเนท์ (Freycinet National Park) (ระยะทาง 202 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.40 ชั่วโมง) ซึ่งตั้งชื่อตามนักเดินทางชาวฝรั่งเศส ชมทิวทัศน์อันงดงาม ณ จุดชมวิวเหนืออ่าวไวน์กลาสเบย์ (Wineglass Bay) ที่เทือกเขาสีเขียว น้ำทะเลสีฟ้าและหาดทรายสีขาวมาบรรจบกัน                    แวะถ่ายรูปกับประภาคารบนแหลม Cape Tourville  ระหว่างทางท่านสามารถได้พบกับนกทะเลชนิดต่างๆ ดอกไม้ป่าของแทสมาเนียนานาชนิด และน้ำใสแจ๋วในแอ่งหินอย่างใกล้ชิด 

ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พักBeachfront Bicheno Hotel *** หรือเทียบเท่า
วันที่ 6เบย์ออฟไฟร์ –  ลอนเซสตัน – ขึ้นเรือข้ามฟากสู่เมลเบิร์น 
เช้า

รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่ เมืองเซนต์เฮเลน(St.Helens) (ระยะทาง 76 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.10 ชั่วโมง) หนึ่งในเมืองตากอากาศที่มีชื่อเสียงทางตอนเหนือของเกาะแทสมาเนีย นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงด้านการจัดการแข่งขันตกปลาประจำเมืองอีกด้วย นำท่านชม เบย์ออฟไฟร์ (Bay of Fire) ตั้งชื่อโดยกัปตันโทเบียส เมื่อปี ค.ศ.1773 เมื่อเขาพบเห็นการก่อกองไฟที่ชายหาดโดยชนพื้นเมืองชาวอะบอริจิน ชายหาดนี้มีชื่อเสียงขึ้นชื่อด้วยความขาวของหาดทราย น้ำทะเลสีฟ้าใส และหินแกรนิตสีน้ำตาล ซึ่งสีน้ำตาลเหล่านี้เกิดจากการเกาะตัวของไลเคน นำท่านแวะถ่ายรูปกับ อนุสรณ์ไม้แกะสลักแด่ผู้ล่วงลับ (Legerwood Carved Memorial Tree) ในชุมชนเล็กๆของเมืองเลเกอร์วู้ด (Legerwood) ซึ่งรูปแกะสลักไม้ต่างๆนั้นถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่ทหารผู้เสียชีวิตจากสงครามโลกครั้งที่ 1

นำท่านสู่หมู่บ้านลาเวนเดอร์ไบรด์สโตว์ (Bridestowe Lavender Estate) ก่อตั้งขึ้นโดยนักปรุงน้ำหอมตระกูลเดนนี่ ชาวอังกฤษที่เข้ามาตั้งรกรากถิ่นฐานเมื่อปี ค.ศ.1921 จากการบริหารงานรุ่นสู่รุ่น ทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นหนึ่งในฟาร์มผลิตลาเวนเดอร์ชื่อดัง และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ผู้คนหลั่งไหลแวะเวียนเข้ามาเยี่ยมชมในช่วงฤดูร้อนอย่างไม่ขาดสายในแต่ละปี แต่แล้วก็ถูกขายกิจการตกทอดแก่ครอบครัวเรเวนเมื่อปี ค.ศ.2007 อิสระให้ท่านเลือกชมผลิตภัณฑ์ที่ผลิตขึ้นในหมู่บ้าน และถ่ายรูปกับทัศนียภาพของเมืองนี้

กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย

นำท่านเดินทางสู่ เมืองลอนเซสตัน (Launceston) (ระยะทาง 27 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที) เมืองเล็กๆทางตอนเหนือของเกาะแทสมาเนียที่ถูกโอบล้อมด้วยภูเขาเขียวขจี เป็นเมืองที่มีธรรมชาติสวยงามมาก มีวัฒนธรรมอันรุ่งเรือง วิถีชีวิตผู้คนสงบ เรียบ ง่าย ตั้งอยู่ต้นแม่น้ำทามาร์ แม่น้ำสายสำคัญของเมืองนี้ และยังเป็นแหล่งผลิตไวน์ชั้นเยี่ยมของออสเตรเลีย นับเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองแห่งเกาะแทสมาเนีย รองจากเมืองโฮบาร์ต ถูกตั้งรกรากโดยชาวยุโรปตั้งแต่ปี ค.ศ.1806 และเป็นหนึ่งในเมืองที่เก่าแก่ที่สุดในออสเตรเลียนำท่านชมเมืองซึ่งเต็มไปด้วยอาคารสถาปัตยกรรมเก่าแบบโกธิก โบสถ์ประจำเมือง อาคารรัฐสภา โรงเบียร์เก่าใจกลางเมือง หรือที่ทำการไปรษณีย์เก่าแก่ที่มีหอนาฬิกาบอกเวลาอยู่บนหอคอย จากนั้นชมดอกไม้หลากสีสันใน ซิตี้ปาร์ค สวนพฤกษศาสตร์ของเมืองนี้ ซึ่งมีดอกวิสทีเลีย ที่ได้ชื่อว่าเป็นไม้เลื้อยที่สวยและหอมที่สุดในโลกในสวนแห่งนี้

ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ท่าเรือดาเวนพอร์ท (Devanport) เพื่อเช็คอินลงเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากสู่ เมืองเมลเบิร์น

ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ร้านอาหารในเรือ Spirit of Tasmania
ที่พักนอนหลับพักผ่อนบนเรือเฟอร์รี่ข้ามฟาก SPIRIT OF TASMANIA
(เรือใช้เวลาข้ามฟากประมาณ 11 ชั่วโมง แนะนำให้ท่านเตรียมกระเป๋าใบเล็ก)
วันที่ 7เมืองเมลเบิร์น – จตุรัสเฟดเดอเรชั่น สแควร์ – โบสถ์เซนต์แพทริค – ตลาดควีนวิกตอเรีย
เช้า

รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารภายในเรือ

เรือเทียบท่า ณ ท่าเรือเมืองเมลเบิร์น (Melbourne)

นำท่านเดินทางสู่ เมืองเมลเบิร์น (Melbourne) เมืองที่มีลักษณะโดดเด่นไม่เหมือนที่ใด ในบรรยากาศนครแห่งความทันสมัย แต่ยังคงสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ผสมผสานกลมกลืนทางด้านศิลปะ วัฒนธรรม มีภัตตาคารชั้นดี แหล่งช้อปปิ้งชั้นยอด และรถรางอันมีชื่อ ที่ทำให้เมืองเมลเบิร์น ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่มีระบบการคมนาคมสาธารณะในเมืองที่ดีที่สุดในโลก นอกจากนี้เมืองเมลเบิร์นยังได้รับผลโหวตให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกสามปีติดต่อกัน โดย EIU เมื่อ ค.ศ.2012-2014 นำท่านผ่านชม ย่านจตุรัสเฟดเดอเรชั่น สแควร์ (Federation Square) อีกหนึ่งจัตุรัสที่ตั้งอยู่บริเวณใจกลางเมืองเมลเบิร์น และยังเป็นจุดเชื่อมศูนย์กลางเมืองกับแม่น้ำยาร์ร่า นำท่านผ่านชม สวนฟิซรอย (Fitzroy Garden) สวนสาธารณะในกลางนครเมลเบิร์น สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1848 และครอบคลุมพื้นที่สีเขียวอาณาเขตกว่า 64 เอเคอร์ นับเป็นหนึ่งในกว่าสิบสวนสาธารณะที่ทำให้เมลเบิร์นได้รับสมญานามว่า เป็นเมืองแห่งสวนสาธารณะ นำท่านแวะถ่ายรูปกับ บ้านกัปตันคุ๊ก (Captain Cook Cottage) หรือชื่อเต็ม กัปตัน เจมส์ คุ๊ก ยอดนักเดินเรือชาวอังกฤษ ผู้ซึ่งเดินเรือสำรวจบนคาบสมุทรแปซิฟิกและค้นพบเกาะฮาวาย ประเทศนิวซีแลนด์ และประเทศออสเตรเลีย

กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารไทย
บ่าย

นำท่านถ่ายรูปกับ โบสถ์เซนต์แพทริค (St.Patrick Cathedral) โบสถ์โรมันคาทอลิกสไตล์โกธิก สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ.1858 มียอดหอคอยสวยงามสูงกว่า 105 เมตร นอกจากนี้ พระสันตะปาปาโป๊ปจอห์นปอลที่สอง เคยเสด็จมาเยือนโบสถ์แห่งนี้เมื่อปี ค.ศ.1986

จากนั้นนำท่านสู่ ตลาดควีนวิกตอเรีย (Queen Victoria Market) ตลาดใจกลางเมืองบนพื้นที่กว่า 17 เอเคอร์ ซึ่งนับเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในซีกโลกใต้ (Southern Hemisphere) ภายในตลาดแบ่งเป็นโซนอย่างชัดเจน ทั้งตลาดผลไม้ตามฤดูกาลนานาชนิด ซึ่งมีทั้งผลไม้ท้องถิ่นและแบบนำเข้าจากต่างประเทศ ตลาดเนื้อและปลา ซึ่งพ่อค้านำมาขายแบบสดๆเกือบทุกวัน นอกจากนี้ยังมีร้านเบเกอรี่ ร้านขายสินค้าพื้นเมือง ของฝากต่างๆมากมาย อิสระให้ท่านเดินเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย (***ตลาดปิดทำการในวันจันทร์และวันพุธ หากตรงกับวันดังกล่าว ทางทัวร์จะนำท่านเที่ยวชมสถานที่อื่นแทน)

ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
ที่พักRydges Melbourne Hotel **** หรือเทียบเท่า (พักค้างคืนที่ 1) 
วันที่ 8เมืองเมลเบิร์น – เกรทโอเชี่ยนโรด
เช้า

รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางผ่าน เส้นทางสายเกรทโอเชี่ยนโรด (Great Ocean Road) เส้นทางเลียบชายฝั่งทางตอนใต้ที่มีชื่อเสียงดับโลกของออสเตรเลีย ผ่านหนาผาอันสูงชัน ประปรายด้วยรีสอร์ทสำหรับนักท่องเที่ยว และเขตป่าฝนอันเขียวขจี ท่านจะได้เพลิดเพลินกับวิวธรรมชาติอันสวยงาม พร้อมจุดชมวิวที่มีความแปลกตา ไม่ว่าจะเป็น ทเวลฟ์ อโพสเทิล (Twelve Apostles) หรือที่รู้จักกันในนาม "หินสาวกทั้ง 12 ของพระคริสต์" แท่งหินปูนที่ถูกธรรมชาติสลักให้มีรูปทรงแปลกและแตกต่างกันไป เรียงรายกระจายอยู่บริเวณชายหาด จำนวน 12 ต้น ซึ่งมีการผุกร่อนไปแล้ว 2 ต้น ปัจจุบันเป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวถ่ายภาพเป็นที่ระลึกมากที่สุดแห่งหนึ่งในออสเตรเลีย นอกจากนี้ยังมี ดิ ลอค อาท จอร์จ (The Loch Ard Gorge) แท่งหินรูปโค้งขนาดใหญ่กลางทะเลใกล้ชายฝั่ง ซึ่งถูกน้ำทะเลกัดเซาะตรงกลางจนทะลุ ก่อให้เกิดรูปร่าง คล้ายสะพานโค้ง และ ลอนดอนบริดจ์ (London Bridge) หินกลางทะเลซึ่งมีลักษณะคล้ายสะพานที่ข้ามแม่น้ำเทมส์ในกรุงลอนดอน

กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่าย

นำท่านเที่ยวชมเส้นทางอันสวยงามแห่งสายเกรทโอเชี่ยนโรด อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความสวยงามของเส้นทางถนนสายนี้ จวบจนได้เวลา

นำท่านเดินทางสู่ เมืองเมลเบิร์น (Melbourne) เมืองที่มีลักษณะโดดเด่นไม่เหมือนที่ใด ในบรรยากาศนครแห่งความทันสมัย แต่ยังคงสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ผสมผสานกลมกลืนทางด้านศิลปะ วัฒนธรรม มีภัตตาคารชั้นดี แหล่งช้อปปิ้งชั้นยอด และรถรางอันมีชื่อ ที่ทำให้เมืองเมลเบิร์น ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในเมืองที่มีระบบการคมนาคมสาธารณะในเมืองที่ดีที่สุดในโลก นอกจากนี้เมืองเมลเบิร์นยังได้รับผลโหวตให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลกสามปีติดต่อกัน โดย EIU เมื่อ ค.ศ.2012-2014 

ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน (พร้อมเมนูกุ้งมังกรและเป๋าฮื้อ)
ที่พักRydges Melbourne Hotel **** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2)
วันที่ 9เมืองเมลเบิร์น – ทะเลสาบสีชมพู 
เช้า

รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านสัมผัสประสบการณ์กับการชมทะเลสาบสีชมพู (Pink Salt Water Lake Melbourne) ซึ่งเป็นทะเลสาบขนาดไม่ใหญ่อยู่ใน Westgate Park ซึ่งโดยปกติจะเห็นเป็นสีชมพูในช่วงประมาณหน้าร้อนโดยสีชมพูนี้เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติจากการทำปฏิกิริยาระหว่างสาหร่ายเล็กเซลล์เดียว Dunaliella salina กับแบคทีเรียที่ไม่เป็นอันตราย Halobacteria cutirubrum พร้อมด้วยความเข้มข้นของระดับเกลือในน้ำ อุณหภูมิ และแสงแดดที่เหมาะสม ทำให้เกิดสีแดงเป็นจำนวนมาก ทำให้ทะเลสาบกลายเป็นสีชมพู

กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น (Pork Ribs Menu)
บ่าย

นำท่านชมอนุสรณ์สถานสงครามโลกครั้งที่ 1 (Shine of Remembrance) อาคารขนาดใหญ่คล้ายพีระมิดอยู่ทางด้านซ้ายมือ เป็นสถานที่ไว้อาลัยและเป็นอนุสรณ์จดจำสำหรับทหารผู้เสียสละชีวิตในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 สถานที่แห่งนี้อาจจะดูไม่ค่อยเหมาะสำหรับมาเที่ยวเฮฮานัก แต่ในทางกลับกันกลับมอบความรู้สึกสงบและผ่อนคลายเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ทางเดินยาวเข้าตัวอาคารบวกกับหญ้าสีเขียวสบายตา มีความงดงามจนต้องเก็บภาพทุกครั้งที่เดินผ่าน นอกจากนี้บนชั้นดาดฟ้าของตัวอาคารยังเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่ห้ามพลาด เพราะสามารถมองทิวทัศน์ของเมืองทั้งเมืองได้โดยรอบ

นำท่านแวะถ่ายรูปกับ สถานีรถไฟถนนฟินเดอร์ (Flinder Street Railway Station)  ซึ่งเป็นสถานีรถไฟที่เก่าแก่ของเมือง อายุมากกว่า 100 ปี ตัวอาคารเป็นสีเหลืองนวล โด่ดเด่นอยู่ใจกลางเมือง มักจะถูกใช้เป็นจุดเริ่มต้นของนักเดินทางและจุดนัดพบของผู้คนทั่วไป เป็นจุดที่มีผู้คนพลุกพล่านที่สุดของเมือง มีร้านอาหาร และแหล่งช้อปปิ้งมากมาย 

ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารไทย
19.30 น.นำท่านเดินทางสู่สนามบิน เมลเบิร์น (MEL) เพื่อเช็คอิน
23.30 น.ออกเดินทางสู่ กรุงเทพ โดยสายการบินไทย เที่ยวบิน TG 462 (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 9.35 ชั่วโมง) สายการบินบริการอาหารค่ำ และ อาหารเช้าระหว่างเที่ยวบิน
วันที่ 10กรุงเทพมหานคร
06.00 น.เดินทางถึงกรุงเทพมหานครโดยสวัสดิภาพ (Bon Voyage)


อัตราค่าบริการราคา
ราคาต่อท่านสำหรับรอบการเดินทางที่ : 30 ธันวาคม 2567 - 08 มกราคม 2568 175,900 บาท
 TE331-007: โปรแกรมทัวร์ออสเตรเลีย แทสมาเนีย เมลเบิร์น 10 วัน 8 คืน (TG)แสดง รายละเอียด

เงื่อนไขในการจอง

ข้อแนะนำและแจ้งเพื่อทราบ
  • กรณีเดินทางเป็นตั๋วกรุ๊ป หากออกตั๋วแล้ว ไม่สามารถขอคืนเงินได้ และไม่สามารถเปลี่ยนวันเดินทางได้
  • กระเป๋าเดินทางเพื่อโหลด ท่านละ 1 ใบ น้ำหนักไม่เกิน 25 กก. 
  • กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง (Hand carry) น้ำหนักไม่เกิน 7 กก. 
โปรแกรมท่องเที่ยวทัวร์ออสเตรเลีย (ตามที่ระบุไว้ในรายการ) อัตรานี้รวมถึง
  • ตั๋วเครื่องบินไป-กลับชั้นนักท่องเที่ยวโดยสายการบิน TG  (กระเป๋าเดินทางน้ำหนัก ไม่เกิน 25 กก./ท่าน)
  • เที่ยวบินภายใน SYD – HBA น้ำหนักกระเป๋าได้ 20 กก. เท่านั้น
  • ค่าภาษีสนามบิน, ภาษีน้ำมัน, ค่าประกันภัยทางอากาศ
  • ค่าประกันภัยการเดินทางอุบัติเหตุวงเงิน 1,500,000 บาท และ ค่ารักษาพยาบาลในต่างประเทศวงเงิน 2,000,000 บาทค่ารักษาพยาบาลหลังกลับจากต่างประเทศภายใน 21 วัน วงเงิน 40,000 บาท  (ประกันภัยไม่ครอบคลุมผู้ที่อายุเกิน 85 ปี)
  • ค่าอาหารทุกมื้อตามระบุ, ค่าพาหนะ หรือรถรับ-ส่ง ระหว่างนำเที่ยว, ค่าเข้าชมสถานที่
  • เจ้าหน้าที่ (ไกด์ไทย) คอยอำนวยความสะดวกตลอดการเดินทาง และ ค่าทิปต่างๆ
  • ค่าวีซ่าออสเตรเลีย ผู้โดยสารต้องไปสแกนลายนิ้วมือที่สถานทูต 
อัตรานี้ไม่รวมถึง
  • ค่าพนักงานยกกระเป๋าที่โรงแรม ซึ่งท่านต้องดูแลกระเป๋าด้วยตัวเอง
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอาทิ ค่าซักรีด ค่าโทรศัพท์-แฟกซ์ และค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ไม่ได้ระบุในรายการ
  • ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%
การชำระเงิน
  • งวดที่ 1 : สำรองที่นั่ง จ่าย 50,000 บาท/ท่าน ภายใน 3 วันหลังมีการยืนยันกรุ๊ปออกเดินทางแน่นอน
  • งวดที่ 2 : ชำระส่วนที่เหลือ 30 วัน ล่วงหน้าก่อนออกเดินทาง 
กรณียกเลิก
  • แจ้งยกเลิกเดินทาง 30 วันล่วงหน้าก่อนการเดินทางหักค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง เช่นมัดจำตั๋วเครื่องบิน, วีซ่าและค่าดำเนินการ (ถ้ามี), ค่าโรงแรม, ค่าตั๋วรถไฟ โดยจะมีรายละเอียดแสดงให้แก่ลูกค้าได้รับทราบ (หมายเหตุ: ช่วง Peak season สายการบินให้มัดจำล่วงหน้า 2-3 เดือน ก่อนการเดินทาง)
  • แจ้งยกเลิกเดินทาง 15-29 วันก่อนการเดินทาง หักค่าทัวร์ 50% + ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง
  • แจ้งยกเลิกเดินทาง 0-14 วันก่อนการเดินทาง ยึดค่าทัวร์ 100%
  • ผู้เดินทางที่ไม่สามารถเข้า-ออกเมืองได้ เนื่องจากการยื่นเอกสารปลอม หักค่าใช้จ่าย 100% 

***หากมีการยกเลิกการจองทัวร์ หลังได้ทำการยื่นวีซ่าเรียบร้อยแล้ว บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการนำเล่มพาสปอร์ตไปยกเลิก   วีซ่าในทุกกรณี ไม่ว่าค่าใช้จ่ายในการยื่นวีซ่าจะรวมหรือแยกจากรายการทัวร์ก็ตาม***

กรณีเดินทางโดยลูกค้าจัดการตั๋วเครื่องบินเอง (Land Only)
*ในกรณีลูกค้าดำเนินการเรื่องตั๋วเครื่องบินเองและมาเที่ยวร่วมกับคณะ (Join Tour) ลูกค้าต้องดำเนินการมาพบคณะทัวร์ด้วยตัวเอง และต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการมาพบคณะใหญ่ด้วยตัวเอง รวมถึงหากกรณีเที่ยวบินของคณะใหญ่เกิดความล่าช้าหรือยกเลิกเที่ยวบินอันด้วยสาเหตุใดๆก็ตาม
หมายเหตุ :
  • บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกการเดินทางในกรณีที่มีผู้เดินทาง ต่ำกว่า 15 ท่าน โดยจะแจ้งให้ผู้เดินทางทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วันก่อนการเดินทาง 
  • บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงการพาเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวใดๆที่ปิดทำการ โดยจะจัดหาสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆเพื่อทดแทนเป็นลำดับแรก หรือคืนค่าเข้าชมแก่คณะผู้เดินทางแทน
  • บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงรายการท่องเที่ยว กรณีที่เกิดเหตุจำเป็นสุดวิสัย อาทิ การล่าช้าของสายการบิน  การนัดหยุดงาน  การประท้วง  ภัยธรรมชาติ  การก่อจลาจล  อุบัติเหตุ  ปัญหาการจราจร ปัญหาการเสริฟ์ช้าของร้านอาหาร หรือ เหตุใดๆที่อยู่เหนือการควบคุมของบริษัท ฯลฯ   ทั้งนี้จะคำนึงและรักษาผลประโยชน์ของผู้เดินทางไว้ให้ได้มากที่สุด และหากหัวหน้าทัวร์ไม่ได้ดำเนินการทำทัวร์ตามโปรแกรม ท่านต้องแย้งและเรียกร้องสิทธิ์ในรายการนั้น หากท่านไม่มีการแย้งใดๆ ถือว่าท่านยอมรับการทำทัวร์ดังกล่าว
  • เนื่องจากการท่องเที่ยวนี้เป็นการชำระแบบเหมาจ่ายกับบริษัทตัวแทนในต่างประเทศ  ท่านไม่สามารถที่จะเรียกร้องเงินคืน ในกรณีที่ท่านปฏิเสธหรือสละสิทธิ์ ในการใช้บริการที่ทางทัวร์จัดให้ ยกเว้นท่านได้ทำการตกลง หรือ แจ้งให้ทราบ ก่อนเดินทาง
  • บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น หากท่านถูกปฏิเสธการตรวจคนเข้าเมือง และจะไม่คืนเงินค่าทัวร์ที่ท่านชำระมาแล้ว  หากท่านถูกปฎิเสธการเข้าเมือง เนื่องจากการกระทำที่ส่อไปในทางผิดกฎหมาย หรือการหลบหนีเข้าเมือง 
  • ในกรณีที่ท่านจะใช้หนังสือเดินทางราชการ (เล่มสีน้ำเงิน) เดินทางกับคณะ  บริษัทฯ สงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบ หากท่านถูกปฎิเสธการเข้าหรือออกนอกประเทศใดประเทศหนึ่ง เพราะโดยปกตินักท่องเที่ยวใช้หนังสือเดินทางบุคคลธรรมดา เล่มสีเลือดหมู
  • เมื่อท่านจองทัวร์และชำระมัดจำแล้ว หมายถึงท่านยอมรับในข้อความและเงื่อนไขที่บริษัทฯแจ้งแล้วข้างต้น 

ตั๋วเครื่องบิน

  • การจัดที่นั่งบนเครื่องบินของสายบการบิน ขณะนี้สายการบินมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการจัดที่นั่ง (Assign seat) ทุกที่นั่ง สนนราคา 2,000 – 4,000 บาทต่อเที่ยวบิน หากท่านไม่ต้องการเสียค่าใช้จ่ายตรงนี้ ต้องทำการขอที่นั่ง ณ เคาน์เตอร์เชคอินที่สนามบินเท่านั้น แต่หากท่านต้องการจัดที่นั่งและชำระค่าใช้จ่ายตรงนี้ สามารถแจ้งกับทางบริษัทฯ หลังทำการออกตั๋วเครื่องบินแบบหมู่คณะไปแล้วเท่านั้น
  • ในการเดินทางเป็นหมู่คณะผู้โดยสารจะต้องเดินทางไป-กลับ หากท่านต้องการเลื่อนวันเดินทางกลับ ท่านจะต้องชำระ ค่าใช้จ่ายส่วนต่างที่สายการบินเรียกเก็บโดยสายการบิน เป็นผู้กำหนด ซึ่งทางบริษัทฯ ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ และในกรณีที่ยกเลิกการเดินทาง ถ้าทางบริษัทได้ออกตั๋วเครื่องบินไปแล้ว ผู้เดินทางต้องรอ Refund ตามระบบของสายการบินเท่านั้น (ในกรณีที่ตั๋วเครื่องบินสามารถทำการ Refund ได้เท่านั้น)
  • ท่านที่จะออกตั๋วเครื่องบินภายในประเทศ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต หาดใหญ่ ฯลฯ โปรดแจ้งฝ่ายขายก่อนเพื่อขอคำยืนยันว่าทัวร์นั้นๆ ยืนยันการเดินทาง แน่นอน หากท่านออกตั๋วภายในประเทศโดยไม่ได้รับการยืนยันจากพนักงาน แล้วทัวร์นั้นยกเลิก บริษัทฯไม่สามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายใดๆที่เกี่ยวข้องกับตั๋วเครื่องบินภายในประเทศได้
  • เมื่อท่านจองทัวร์และชำระมัดจำแล้ว หมายถึงท่านยอมรับในข้อความและเงื่อนไขที่บริษัทฯแจ้งแล้วข้างต้น

 โรงแรมและห้อง

  • ห้องพักในโรงแรมเป็นแบบห้องพักคู่ ( TWN/DBL ) ในกรณีที่ท่านมีความประสงค์จะพักแบบ 3 ท่าน / 3 เตียง(TRIPLE ROOM ) ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของห้องพักและรูปแบบของห้องพักของแต่ละโรงแรม ซึ่งมักมีความแตกต่างกัน ซึ่งอาจจะทำให้ท่านไม่ได้ห้องพักติดกันตามที่ต้องการ หรือ อาจไม่สามารถจัดห้องที่พักแบบ 3 เตียงได้
  • โรงแรมหลายแห่งในยุโรป จะไม่มีเครื่องปรับอากาศเนื่องจากอยู่ในแถบที่มีอุณหภูมิต่ำ เครื่องปรับอากาศที่มีจะให้บริการในช่วงฤดูร้อนเท่านั้น
  • ในกรณีที่มีการจัดประชุมนานาชาติ ( TRADE FAIR ) เป็นผลให้ค่าโรงแรมสูงขึ้น 3-4 เท่าตัว บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนหรือย้ายเมืองเพื่อให้เกิดความเหมาะสม

กระเป๋าเล็กถือติดตัวขึ้นเครื่องบิน

  • กรุณางดนำของมีคม ทุกชนิด ใส่ในกระเป๋าใบเล็กที่จะถือขึ้นเครื่องบิน เช่น มีดพับ กรรไกรตัดเล็บทุกขนาด ตะไบเล็บ เป็นต้น กรุณาใส่ในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ห้ามนำติดตัวขึ้นบนเครื่องบินโดยเด็ดขาด
  • วัตถุที่เป็นลักษณะของเหลว อาทิ ครีม โลชั่น น้ำหอม ยาสีฟัน เจล สเปรย์ และเหล้า เป็นต้น จะถูกทำการตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยจะอนุญาตให้ถือขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 10 ชิ้น ในบรรจุภัณฑ์ละไม่เกิน 100 ml. แล้วใส่รวมเป็นที่เดียวกันในถุงใสพร้อมที่จะสำแดงต่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตามมาตรการองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ( ICAO )
  • หากท่านซื้อสินค้าปลอดภาษีจากสนามบิน จะต้องปิดผนึกถุงโดยระบุ วันเดินทาง เที่ยวบิน จึงสามารถนำขึ้นเครื่องได้ และห้ามมีร่องรอยการเปิดปากถุงโดยเด็ดขาด

 สัมภาระและค่าพนักงานยกสัมภาระ

  •  สำหรับน้ำหนักของสัมภาระที่ทางสายการบินอนุญาตให้โหลดใต้ท้องเครื่องบิน คือ 20-30 กิโลกรัม (สำหรับผู้โดยสารชั้นประหยัด/ Economy Class Passenger ซึ่งขึ้นกับแต่ละสายการบิน) การเรียกเก็บค่าระวางน้ำหนักเพิ่มเป็นสิทธิ์ของสายการบินที่ท่านไม่อาจปฏิเสธได้ หาก น้ำหนักกระเป๋าเดินทางเกินกว่าที่สายการบินกำหนด
  • สำหรับกระเป๋าสัมภาระที่ทางสายการบินอนุญาตให้นำขึ้นเครื่องได้ ต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัมและมีสัดส่วนไม่เกิน 7.5 x 13.5 x 21.5 สำหรับหน่วยวัด “นิ้ว” (Inch) หรือ 19 x 35 x 55 สำหรับหน่วยวัด “เซนติเมตร” (Centimeter)
  • ในบางรายการทัวร์ ที่ต้องบินด้วยสายการบินภายในประเทศ น้ำหนักของกระเป๋าอาจจะถูกกำหนดให้ต่ำกว่ามาตรฐานได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละสายการบิน บริษัทขอสงวนสิทธิ์ไม่รับภาระ ความรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในน้ำหนักส่วนที่เกิน
  • กระเป๋าและสัมภาระที่มีล้อเลื่อนและมีขนาดใหญ่เกินไป ไม่เหมาะกับการเป็นกระเป๋าถือขึ้นเครื่องบิน (Hand carry)

 การชดเชยค่ากระเป๋าในกรณีเกิดการสูญหาย

  • ของมีค่าทุกชนิด ขอแนะนำไม่ควรใส่เข้าไปในกระเป๋าใบใหญ่ที่เช็คไปกับเครื่อง เพราะหากเกิดการสูญหาย สายการบินจะรับผิดชอบชดใช้ตามกฎไออาต้าเท่านั้น ซึ่งจะชดใช้ให้ประมาณ กิโลกรัมละ 20 USD คูณด้วยน้ำหนักกระเป๋าจริง ทั้งนี้จะชดเชยไม่เกิน USD 400 กรณีเดินทางชั้นธรรมดา (Economy) หรือ USD 600 กรณีเดินทางชั้นธุรกิจ (Business) ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้โหลดของมีค่าทุกประเภทลงกระเป๋าใบใหญ่
  • กรณีกระเป๋าใบใหญ่เกิดการสูญหายระหว่างการท่องเที่ยว (ระหว่างทัวร์ ไม่ใช่ระหว่างบิน) โดยปกติประกันภัยการเดินทางที่บริษัททัวร์ได้จัดทำให้ลูกค้าจะไม่ครอบคลุมค่าชดเชยในกรณีกระเป๋าใบใหญ่สูญหาย 
  • กรณีกระเป๋าใบเล็ก (Hand Carry) เกิดการสูญหาย บริษัทฯ ไม่สามารถรับผิดชอบชดเชยค่าเสียหายให้ท่านได้ ดังนั้นท่านต้องระวังทรัพย์สินส่วนตัวของท่าน
เอกสารที่ใช้ยื่นวีซ่าท่องเที่ยวออสเตรเลีย ใช้เวลาประมาณ 30 วันทำการ พาสปอร์ตแสดงวันยื่นและนำกลับได้ ต้องโชว์ตัวเนื่องจากต้องสแกนลายนิ้วมือ
เอกสารที่ต้องเตรียม ก่อนยื่นวีซ่าท่องเที่ยวออสเตรเลีย มีดังนี้

1. หนังสือเดินทาง (Passport) ซึ่งมีอายุมากกว่า 6 เดือน และ มีหน้าว่างสำหรับติดวีซ่าอย่างน้อย 2 หน้าคู่
2. สำเนาหนังสือเดินทาง พร้อมหน้าที่แสดงรายละเอียดของผู้สมัครและหน้าที่แสดงประวัติการเดินทางทั้งหมด
3. รูปถ่ายสี 2 รูป เขียนชื่อผู้ขอยื่นวีซ่าเป็นภาษาอังกฤษไว้ด้านหลังรูป

  • รูปถ่าย อายุไม่เกิน 6 เดือน
  • ขนาด 4.5 x 3.5 ซม.
  • ขนาดจากคางถึงขอบผมด้านบนไม่เกิน 3 ซม.
  • ภาพสี พื้นหลังเรียบ
  • หน้าตรง และใบหน้าชัดเจน

4. สำเนาทะเบียนบ้าน
5. สำเนาบัตรประชาชน
6. สำเนาทะเบียนสมรส
7. สำเนาสูติบัตร หากอายุน้อยกว่า 20 ปีบริบูรณ์ ** ถ้าเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเดินทางโดยลำพัง หรือไม่ได้เดินทางพร้อมกับบิดาและมารดา จะต้องมีหนังสือแสดงความยินยอมจากบิดาและมารดาอนุญาตให้บุตรเดินทางได้**
8. หลักฐานการทำงาน (จดหมายรับรองการทำงาน) ทำเป็นภาษาอังกฤษ
จดหมายรับรองการทำงานให้ระบุ  TO WHOM IT MAY CONCERN (ไม่ต้องระบุสถานทูตและประเทศ)
หนังสือรับรองการทำงาน ต้องระบุวันที่จะเดินทางด้วย จดหมายการทำงานต้องมีอายุไม่เกิน 1 เดือนนับจากวันยื่นวีซ่า
- กรณีผู้เดินทางเป็นเจ้าของกิจการ : ใช้หนังสือจดทะเบียนบริษัทฯ ที่มีรายชื่อผู้ประกอบกิจการ (อายุไม่เกิน 3 เดือน)
- กรณีผู้เดินทางเป็นเจ้าของร้านค้า : ใช้ทะเบียนพาณิชย์ที่มีชื่อผู้เป็นเจ้าของร้านค้า
- กรณีพนักงานบริษัท : ใช้จดหมายรับรองการทำงานจากนายจ้าง ระบุตำแหน่ง ระยะเวลาการว่าจ้าง เงินเดือน 
- กรณีที่เป็นข้าราชการ : ใช้หนังสือรับรองจากหน่วยงาน 
- กรณีเป็นนักเรียนนักศึกษา ต้องมีหนังสือรับรองจากสถาบันศึกษา นั้นว่ากำลังศึกษาอยู่ ระบุชั้นปีที่ศึกษา 
9. หลักฐานการเงิน :  (กรุณาเตรียมให้ถูกต้อง ใช้เป็น Statement เท่านั้น)
- Bank Statement (รายการเดินบัญชี) ย้อนหลัง 6 เดือน เป็นบัญชีออมทรัพย์ (Saving account) เท่านั้น ที่ออกโดยทางธนาคาร
***** ระบุชื่อเจ้าของบัญชี*เป็นภาษาอังกฤษ เท่านั้น******ให้ถูกต้องครบถ้วน มีอายุไม่เกิน 20 วันนับจากวันที่จะยื่นวีซ่า โดยมียอดเงินไม่ต่ำกว่า 100,000 บาทต่อการรับรอง 1 ท่าน
หมายเหตุ หากต้องการรับรองการเงินให้คนภายในครอบครัว ต้องเตรียมเอกสารดังนี้
- หนังสือรับรองทางการเงิน (Bank Guarantee) ต้องระบุชื่อเจ้าของบัญชี รับรองค่าใช้จ่ายให้ใคร (ต้องระบุชื่อผู้ถูกรับรองในจดหมายด้วย) 
- กรุณาแนบสูติบัตร, ทะเบียนบ้าน, ทะเบียนสมรส หรือหลักฐาน เพื่อแสดงสถานะ และความสัมพันธ์ว่าเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน


ค้นหา
คำค้น
ช่วงเวลา
รายการทัวร์
ค้นหา


 

Add line Triple Enjoy