วันที่ 1 | กรุงเทพมหานคร |
23.00 น. | คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่ เคาน์เตอร์เช็คอิน ผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เคาน์เตอร์เช็คอินสายการบิน เอมิเรสต์ แอร์ไลน์ส (EK) ณ สนามบินสุวรรณภูมิ |
วันที่ 2 | ดูไบ – กลาสโกว์ - เอดินบะระ |
02.00 น. | ออกเดินทางสู่ดูไบ โดยเที่ยวบิน EK377 (ใช้เวลาบินประมาณ 6.20 ชั่วโมง) เพลิดเพลินกับภาพยนตร์หลากหลายกับ จอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง สายการบินฯ มีบริการ อาหารค่ำ ระหว่างเที่ยวบิน |
06.00 น. | เดินทางถึงดูไบ แวะเปลี่ยนเครื่อง เที่ยวบิน EK027 อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษีภายในสนามบินซึ่งมีสินค้าให้เลือกซื้อมากมาย |
07.50 น. | ออกเดินทางจากสนามบินดูไบ (DXB) สู่ สนามบินกลาสโกว์ (GLA) บริการอาหารเช้าบนเครื่องบิน (ใช้เวลาบินประมาณ 7.55 ชม.) |
12.45 น. | เดินทางถึงสนามบิน กลาสโกว์ สกอตแลนด์ (สหราชอาณาจักร) ผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร นำท่านเดินทางสู่เมือง เอดินบะระ (Edinburgh) (ระยะทาง 74 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) ซึ่งเป็นเมืองหลวงของสกอตแลนด์ สหราชอาณาจักร ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของสกอตแลนด์ เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีประวัติความเป็นมาตั้งแต่ยุคกลาง ลักษณะภูมิประเทศเป็นภูเขาสูงอยู่กลางเมือง เมืองเอดินบะระ(Edinburgh) นี้เป็นเมืองที่มีทัศนียภาพของเมืองที่สวยงาม ซึ่งแบ่งออกเป็นสองส่วนสำคัญดังนี้คือ โอลด์ทาวน์ ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และเก่าแก่ มีถนนหรือทางเดินที่เก่าแก่ในยุคกลาง และ จอร์เจียนนิวทาวน์ ที่มีความงามในแบบนีโอ-คลาสสิค เมืองเก่าและเมืองใหม่ที่สวยงามของเอดินบะระได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกถึงสองครั้ง ในตัวเมืองมีอาคารถึง 4,500 หลังซึ่งมีความหนาแน่นมากที่สุดในโลก และยังเป็นเมืองสมัยใหม่ที่มีชีวิตชีวาเต็มไปด้วยศิลปะและวัฒนธรรมโดยมี พิพิธภัณฑ์ ห้องแสดงภาพ มหาวิทยาลัย นำท่านเข้าชมปราสาทเอดินบะระ คาสเซิล (Edinburg Castle) อันสง่างามด้วยทำเลที่ตั้งบนเนินเขาสูงและ เคยเป็น ที่ประทับของกษัตริย์แห่งสกอตแลนด์ ถึงแม้ว่าจะเคยถูกทำลายแต่ก็ได้รับการบูรณะให้มีสภาพ ที่สมบูรณ์ ปัจจุบันสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวมหาศาลให้แวะเข้ามาสู่ใจกลางประวัติศาสตร์ของประเทศ ท่านจะได้พบกับสกอตทิช คราวน์ จูเวลส์ ซึ่งจัดแสดงพร้อมด้วย สโตน ออฟ เดสทินี ที่มีชื่อเสียง นำท่านเข้าชมความงามของห้องต่างๆภายในปราสาท สวนสวยที่ตกแต่งได้อย่างสวยงาม อิสระให้ท่านถ่ายรูปและเดินเล่นตามอัธยาศัย นำท่านเดินชมความสวยงามของเมืองเก่าย่านโอลด์ทาวน์ และเดินเล่นไปตามเส้นทางรอยัลไมล์ ซึ่งเป็นถนนเก่าแก่ และเดินตามรอยเท้าของบุคคลที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ของสกอตแลนด์ อาทิเช่น พระราชินีแมรี่แห่งสกอตแลนด์ และโรเบิร์ต หลุยส์ สตีเวนสัน ท่านจะได้ชมสถาปัตยกรรมและความสวยงามของเมืองนี้ จากนั้นอิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งตามอัธยาศัยบนถนนรอยัลไมล์ ซึ่งมีสินค้าทั้งแบรนด์เนมต่างๆ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน |
ที่พัก | Leonardo Royal Hotel Edinburg **** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 3 | เอดินบะระ - ลอชโลมอน - ฟอร์ท วิลเลี่ยม |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ ทะเลสาบลอชโลมอน (Loch Lomond) (ระยะทาง 127 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) ขึ้นชื่อว่าเป็นทะเลสาบน้ำจืดที่สวยที่สุดในสกอตแลนด์ และมีขนาดใหญ่ที่สุดในเครือสหราชอาณาจักร ความยาวทั้งสิ้นราว 39 กิโลเมตร นำท่านถ่ายรูปบรรยากาศริมทะเลสาบ ณ จุดชมวิว ที่สมเด็จพระราชินีควีนอลิซาเบธครั้งหนึ่งเคยทรงทอดพระเนตรชมความงาม ณ ริมทะเลสาบแห่งนี้เมื่อครั้งปี ค.ศ.1879 |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่เมืองฟอร์ด วิลเลี่ยม (ระยะทาง 123 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.) เมืองแห่งแรกในสหราชอาณาจักรที่มีไฟฟ้าที่ผลิตจากพลังน้ำท้องถิ่นใช้ในช่วงแรกเริ่มของการปฏิวัติอุตสาหกรรม นอกจากนี้ยังเป็นจุดที่ใช้ถ่ายทำ เส้นทางรถไฟหัวรถจักรไอน้ำ Jacobite หลายๆฉากซึ่งประกอบภาพยนตร์พ่อมดชื่อดัง แฮร์รี่ พอตเตอร์ในเกือบทุกๆภาค นำท่านนั่งกระเช้า The Nevis Range จาก เมืองฟอร์ด วิลเลี่ยม สู่ โรงกลั่นวิสกี้เบ็น เนวิส (Ben Nevis Distillery) หนึ่งในโรงกลั่นวิสกี้ที่เก่าแก่ที่สุดของสกอตแลนด์ และหัวเชื้อวิสกี้ของ Ben Nevis นั้น ถูกส่งต่อเพื่อไปผลิตเป็นวิสกี้อีกหลายยี่ห้อ ซึ่งก็มียี่ห้อดังๆ ระดับโลกด้วยเช่นกัน ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ.1825 โดย ลองจอห์น แมคโดนัลด์ ซึ่งมีชื่อเสียงด้านการผลิตสกอตวิสกี้ทางที่ราบสูงฝั่งตะวันตกของประเทศ โดยอาศัยแหล่งน้ำสองแหล่งจากหุบเขาใกล้เคียงเป็นหนึ่งในสูตรของการผลิตวิสกี้ชั้นเลิศ ต่อมาถูกซื้อกิจการโดยบริษัทญี่ปุ่น นาม นิกก้า เมื่อปี ค.ศ.1989 นำท่านเยี่ยมชมโรงกลั่นพร้อมชิมวิสกี้ชั้นเลิศ (***สงวนสิทธิ์สำหรับลูกค้าที่มีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปเท่านั้น) |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม |
ที่พัก | Caledonian Hotel Fort William *** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 4 | ไอเซิลออฟสกาย – ไอเซิล ออฟ สตอร์ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางต่อสู่ หมู่บ้านไคเลียคิน (Kyleakin) แห่งเกาะสกาย (Isle of Skye) (ระยะทาง 185 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.40 ชม.) หมู่บ้านเล็กๆที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งตะวันออกของเกาะสกาย เป็นที่ตั้งของซากปราสาทโบราณดูนากิน (Dunakin Castle) ปราสาทที่ตั้งอยู่ใกล้ท่าเรือของหมู่บ้าน โดยปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 15 ตำนานกล่าวว่าปราสาทถูกสร้างขึ้นมาสำหรับเจ้าหญิงนอร์เวย์ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่หินยอดแหลมหรือ Isel of Storr สัญลักษณ์อีกแห่งบนเกาะสกาย ที่นักท่องเที่ยวมักนิยมเดิน tracking เพื่อสัมผัสธรรมชาติแห่งเกาะสกาย สมควรแก่เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองฟอร์ทวิลเลี่ยม นำท่านเดินเล่นภายในเมืองฟอร์ทวิลเลี่ยม และ ถ่ายรูปกับอาคารสถาปัตยกรรมสกอตติช ที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ได้อย่างดี |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
ที่พัก | Caledonian Hotel Fort William *** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 5 | สเตอร์ริ่ง - กลาสโกลว์ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่เมืองสเตอร์ลิง (Stirling) (ระยะทาง 165 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.30 ชม.) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในแขวงการปกครองสเตอร์ลิงและปริมณฑล ในมณฑลผู้บริหารแทนพระองค์สเตอร์ลิงและฟอล์คเคิร์คในสกอตแลนด์ ตัวสเตอร์ลิงตั้งอยู่รอบปราสาทสเตอร์ลิงและเมืองโบราณจากยุคกลาง สเตอร์ลิงเป็นที่มั่นหลักแห่งหนึ่งของประเทศสกอตแลนด์ และถูกสถาปนาให้เป็นรอยัลบะระห์ (Royal burgh) โดยพระเจ้าเดวิดที่ 1 แห่งสกอตแลนด์ในปี ค.ศ. 1130 และอยู่ในฐานะนั้นจนปี ค.ศ. 1975 เมื่อมณฑลสเตอร์ลิงเชอร์ถูกรวมเข้ากับภาคกลาง ในปี ค.ศ. 2002 ในวโรกาสที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักรทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี พระองค์พระราชทานฐานะของสเตอร์ลิงให้เป็น “นคร” จากนั้นนำท่านเข้าชมความงามของปราสาทสเตอร์ลิง (Stirling Castle) ซึ่งเป็นปราสาทที่มีความโดดเด่นทางด้านประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรม และมีขนาดใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดปราสาทหนึ่งของสกอตแลนด์ ตั้งอยู่บนเนินคาลเซิลฮิลล์ (Castle Hill) ซึ่งเป็นเนินที่เกิดจากหินภูเขาไฟโบราณ และล้อมรอบสามด้านด้วยผาสูงชันทำให้เหมาะแก่การป้องกันตน จากนั้น นำท่านแวะถ่ายรูปกับ อนุสาวรีย์วอลเลซ (Wallace Monument) เป็นอนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแด่ วิลเลียม วอลเลซ (William Wallace) วีรบุรุษนักรบผู้ยิ่งใหญ่ของสกอตแลนด์ โดยอนุสาวรีย์วอลเลซ ถูกสร้างขึ้นบนเนินเขาแอบบีเครก (Abbey Craig) เนินเขาที่มีความสูงประมาณ 111 เมตร (364 ฟุต) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองสเตอร์ลิง และได้มีการนำเรื่องราวของวิลเลียม วอลเลซมาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง “Brave Heart” ที่นำแสดงโดย เมล กิ๊บสัน ได้เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองกลาสโกว์ (Glasgow) (ระยะทาง 50 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสกอตแลนด์ ตั้งอยู่บนแม่น้ำไคลด์ เมืองกลาสโกว์นั้นถือได้ว่าเป็นเมืองใหญ่ในสหราชอาณาจักรที่มีความเจริญรุ่งเรืองและล้ำหน้ามากที่สุดเมืองหนึ่ง ตั้งแต่ในศตวรรษที่ 16 เมืองกลาสโกว์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากเป็นเมืองท่าใหญ่ของมหาสมุทรแอตแลนติก |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเที่ยวชมเมืองกลาสโกว์ (Glasgow) ซึ่งในปี 1990 เมืองแห่งนี้ได้รับการยกย่องให้เป็น เมืองแห่งสถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมของยุโรป (Europe’s City of Architecture & Culture) นำท่านเข้าชม มหาวิหารแห่งเมืองกลาสโกว์ (Glasgow Cathedral) มหาวิหารแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของ High Street สร้างขึ้นตามแบบสถาปัตยกรรมโกธิค โดยมหาวิหารแห่งนี้เป็นสุสานฝังศพของนักบุญ Saint Mungo นำท่านแวะถ่ายรูปกับ ศูนย์ประชุม Clyde Auditorium สถานที่จัดงานคอนเสิร์ต นิทรรศการและการประชุมต่างๆ โดยโครงสร้างของตัวอาคารนั้นมีลักษณะคล้ายโอเปร่าเฮาส์จำลองจากนั้นนำท่านสัมผัสสีสันของเมืองกลาสโกว์ที่ Buchanan Street สถานที่แห่งการจับจ่ายหรือการนัดพบของคนเมือง ไม่ว่าจะเป็นตอนกลางวันหรือแม้แต่ยามค่ำคืน ถนนสายนี้จะเป็นถนนที่มีผู้คนพลุกพล่านมาก สามารถเดินชมอาคารบ้านเรือนที่ยังคงอนุรักษ์ความเก่าแก่ และสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมไว้เป็นอย่างดี |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน |
ที่พัก | Hallmark Hotel Glasgow/ Crowne Plaza Glasgow **** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 6 | เคนไรอัน – เบลฟัสต์ (ไอร์แลนด์เหนือ) – เข้าชมพิพิธภัณฑ์ไททานิค – ศาลาว่าการเมือง |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ท่าเรือเมืองเคนไรอัน (Cairnryan) (ระยะทาง 181 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.45 ชม.) เพื่อนำท่านลงเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากจากฝั่งสกอตแลนด์สู่เมืองเบลฟัสต์ (Belfast) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดใน ประเทศไอร์แลนด์เหนือ “เบลฟัสต์” จัดได้ว่าเป็นเมืองหลวงที่มากด้วยสีสันและชีวิตชีวา ทั้งยังเป็นประตูสู่ชนบทอันเงียบสงบของไอร์แลนด์เหนือ จตุรัส ถนนหลัก และท้องถนนทั่วไปเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมแบบวิคตอเรียนและจอร์เจียน โดดเด่นสวยงาม ตั้งตระหง่านให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเก็บภาพและชื่นชมกับความงามแบบฉบับไอริช |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวันบนเรือ ทางทัวร์จัดค่าอาหารให้ท่านละ 20 ปอนด์ |
บ่าย | นำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์ไททานิค (Titanic Museum) จากนั้นนำท่านเที่ยวชมเมืองซึ่งยังคงมีร่องรอยความเจริญทางอุตสาหกรรมทางด้านการต่อเรือ อีกทั้งยังได้ซึมซับจนกลายเป็นวัฒนธรรม ดังจะเห็นได้จากการที่มีผลงานการก่อสร้างเหล่านี้จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์และสถานที่สำคัญต่างๆ นำท่านแวะถ่ายรูปกับ ศาลาว่าการเมือง (City hall) สร้างขึ้นในปี 1888 ในสถาปัตยกรรมแบบบารอก ด้านหน้าศาลาว่าการเป็นที่ตั้งของ อนุสาวรีย์พระราชินีวิคตอเรียแห่งอังกฤษ (Queen Victoria) |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน |
ที่พัก | Ramada Plaza Belfast Hotel/ Holiday Inn Belfast Hotel**** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 7 | ไจแอนท์ คอสเวย์ – หาดหินพิศวง – เข้าชมปราสาทดันลูซ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านแวะถ่ายรูปกับอุโมงค์ต้นไม้ (Dark Hedges) สถานที่ถ่ายทำซีรีย์ชื่อดัง Game of Thrones เป็นอุโมงค์ต้นไม้ที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยตระกูลสจ๊วต (Stuart) ได้ปลูกต้นไม้นี้ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 18 นำท่านเดินทางสู่ ไจแอนท์ คอสเวย์ (Giant’s Causeway) (ระยะทาง 96 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.20 ชม.)หรือที่รู้จักในนาม “หาดหินพิศวง” ลักษณะเป็นคันถนนหิน ซึ่งเกิดจากเสาหินบะซอลต์จำนวนมหาศาลที่ตั้งเบียดกันแน่นจนส่วนหัวเสาเรียงลำดับลดหลั่นกันเป็นขั้นบันได ที่ปูลาดจากเชิงผาลงสู่ท้องสมุทร เสาหินเหล่านี้มีอยู่ด้วยกันทั้งหมดร่วม 40,000 เสา ส่วนใหญ่มีรูปร่างเป็นเสาหินหกเหลี่ยม แต่ก็มีปะปนทั้งแบบสี่เหลี่ยม ห้าเหลี่ยม เจ็ดเหลี่ยม และแปดเหลี่ยม ที่สูงที่สุดวัดได้เกือบ 40 ฟุต ส่วนที่เป็นหน้าผาเป็นหินลาวาที่แข็งตัวแล้ว มีขนาดความหนา 90 ฟุต ตามตำนานเล่าว่าทางเดินหินนี้เป็นฝีมือของยักษ์ตนหนึ่ง ซึ่งเกิดความรักที่เกาะสตาฟฟาของสกอตแลนด์จึงได้สร้างทางเดินแห่งนี้ เพื่อนางอันเป็นที่รักจะได้เดินทางกลับบ้านเกิดที่ไอร์แลนด์ สำหรับทางเดินไจแอนท์ คอสเวย์นี้ นักธรณีวิทยาได้ทำการศึกษามาเป็นเวลากว่า 300 ปีแล้วและนับเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาวิชาวิทยาศาสตร์โลก กลุ่มหินเหล่านี้เกิดจากปฏิกิริยาของภูเขาไฟเมื่อ 50-60 ล้านปีที่ผ่านมา จัดได้ว่าเป็นธรรมชาติอันน่าพิศวงบริเวณชายฝั่ง นอร์ธ แอนทริม โคสต์ ซึ่งในปัจจุบันอยู่ในความดูแลของมูลนิธิอนุรักษ์ธรรมชาติของเนชั่นแนลทรัสต์ และเป็นแหล่งมรดกโลกแห่งแรกของไอร์แลนด์เหนือ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเดินทางแวะถ่ายรูปกับปราสาทดันลูซ (Dunluce Castle) ซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือของชายฝั่ง แอนทริมของไอร์แลนด์เหนือ ปราสาทของช่วงปลายยุคกลางและในศตวรรษที่ 17 นี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ที่ยื่นออกไปในทะเล ด้วยที่ตั้งที่น่าตื่นเต้นนี้ว่ากันว่าเป็นแรงบันดาลใจให้กับลูอิสในการรังสรรค์ปราสาทแคร์ พาราเวล ได้เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองซลิโก (Sligo) (ระยะทาง 200 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม.) |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำในโรงแรมที่พัก |
ที่พัก | Sligo Park Hotel / Clayton Hotel Sligo **** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 8 | กัลเวย์ – คลิฟ ออฟ โมเออร์ – ลิมริค |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่เมืองกัลเวย์ (Galway) (ระยะทาง 139 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.) กัลเวย์ได้รับสมญานามว่าเป็นเมืองแห่งชนเผ่า เนื่องจากเมื่อครั้งยุคกลาง ดินแดนแถบนี้เคยอยู่ในความครอบครองของชนชาติต่างๆ ถึง 14 เผ่าด้วยกัน ในปัจจุบันเมืองที่กำลังเติบโตแห่งนี้เป็นเมืองที่มีการจับจ่ายใช้สอยมากที่สุดในยุโรป ขณะเดียวกันก็มั่งคั่งด้วยมรดกทางศิลปะและความเฟื่องฟูทางศิลปกรรมแขนงต่างๆ รวมทั้งดนตรี ละครเวที และภาพยนตร์ นำท่านเที่ยวชมเมืองกัลเวย์ อีกหนึ่งเมืองสวยแห่งไอร์แลนด์เหนือ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ คลิฟส์ ออฟ โมเออร์ (Cliffs of Moher)(ระยะทาง 77 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม.) ผาชันแห่งโมเออร์ตั้งอยู่ในเขตเคาน์ตี แคลร์ เป็นหนึ่งในทิวทัศน์อันน่าทึ่งที่สุดของไอร์แลนด์ ตั้งตระหง่านด้วยความสูง 230 เมตรเหนือมหาสมุทรแอตแลนติกอันเกรี้ยวกราด แนวผาทอดยาวสุดสายตาเป็นระยะทางราว 8 กิโลเมตร จาก HAG’S HEAD ซึ่งอยู่ทางด้านใต้จรดหอคอย O’BRIAN ที่อยู่ทิศเหนือและบนยอดของหน้าผาเป็นที่ราบกว้างใหญ่ อยู่สูงจากน้ำทะเลเบื้องล่างทำให้เกิดทัศนียภาพอันงดงามที่น่าอัศจรรย์ทางธรรมชาติของผาชัน ขุนเขา และท้องทะเลมหาสมุทรแอตแลนติก บ้างก็ว่าการได้มาเยือน คลิฟส์ ออฟ โมเออร์ เสมือนได้มายืน ณ จุดปลายสุดของขอบโลก และยังเป็นฉากในภาพยนต์ Harry Potter อีกด้วย อิสระให้ท่านได้เก็บภาพธรรมชาติอันน่าพิศวงและดื่มด่ำกับอากาศบริสุทธิ์ตามอัธยาศัย ได้เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองลิมริค (Limerick) (ระยะทาง 73 กม. เดินทางประมาณ 1 ชม.) เป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 มีทำเลที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำแชนนอน ได้รับการกล่าวขานว่ามีทัศนียภาพงดงามที่สุดของไอร์แลนด์ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
ที่พัก | Absolute Hotel Limerick / Castletroy Park Hotel**** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 9 | ลิมริค – คิลลานีย์ – คอร์ค |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านออกเดินทางสู่เมืองคิลลานีย์ (Killarney) (ระยะทาง 111 กม. เดินทางประมาณ 1.30 ชม.) เมืองในรัฐเคอร์รี่ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศไอร์แลนด์ นำท่านแวะถ่ายรูปกับโบสถ์เซ็นต์แมรี่ (St. Mary Cathedral) ซึ่งเป็นโบสถ์ประจำเมือง นำท่านเข้าชมคฤหาสน์สมัยวิคตอเรียน มัครอส เฮ้าส์ (The Muckross’s House) ซึ่งก่อสร้างด้วยหินในแบบอลิซาเบธช่วงกลางศตวรรษที่ 19 ตั้งอยู่ในอุทยานสวยริมทะเลสาบมัครอส ภายในท่านจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวไอริช และการจัดสวนสวยด้วยพันธุ์ไม้หลากหลายชนิด ตลอดจนบ้านและร้านค้าที่ออกแบบก่อสร้างในแบบชาวไอริช อิสระให้ท่านเพลิดเพลินกับการถ่ายรูปมุมสวย และ สวนสวย ตามอัธยาศัย |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่เมืองคอร์ค (Cork) (ระยะทาง 84 กม. เดินทางประมาณ 1.15 ชม.) เมืองใหญ่อันดับ 2 ของสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ บริเวณปากแม่น้ำลี ตรงก้นอ่าวคอร์คห่างจากมหาสมุทรแอตแลนติก 24 กิโลเมตร และ เป็นเมืองที่เคยได้รับเลือกให้เป็นนครหลวงแห่งวัฒนธรรมยุโรปประจำปี 2005 นำท่านเข้าชมปราสาทบลาร์นีย์ (Blarney Castle) สร้างขึ้นเป็นครั้งแรกในสมัยศตวรรษที่ 10 โดยแรกเริ่มสร้างจากไม้ ต่อไปในสมัยศตวรรษที่ 12 ได้นำหินมาใช้เป็นโครงสร้างหลักของปราสาท อย่างไรก็ตามตัวปราสาทได้ถูกทำลายลงในสมัยศตวรรษที่ 14 และผ่านสงครามกลางเมืองมาหลายครั้งจนในสมัยศตวรรษที่ 16 คอร์แม็ค แม็คคาร์ธี (Cormac MacCarthy) ซึ่งดำรงตำแหน่ง เอิร์ล คนแรกแห่งแคลคาร์ที ได้ทำการบูรณะปราสาทขึ้นใหม่ให้สวยงามดังเดิม พื้นที่โดยรอบปราสาทเต็มไปด้วยต้นไม้และสวนสวยนานาชนิด ปราสาทแห่งนี้จึงเป็นสถานที่ดึงดูดใจของนักท่องเที่ยวนับล้านคนหลั่งไหลไปที่บลาร์นีย์ จนทำให้ที่สถานที่แห่งนี้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกว่าเป็นหนึ่งในมรดกอันล้ำค่าของสาธารณรัฐไอร์แลนด์ สิ่งที่ดึงดูดใจให้นักท่องเที่ยวอีกอย่างหนึ่งก็คือผนังหินบลาร์นีย์ สโตน (Blarney Stone) หินในตำนานบนยอดหอคอย ที่มีตำนานเล่าขานกันว่า หากได้จุมพิตผนังหินที่นี่จะทำให้คุณไม่อับจนโวหาร บุคคลสำคัญหลายท่าน นับแต่เซอร์ วอลเตอร์ สก็อต ไปจนถึงประธานาธิบดีอเมริกาและผู้นำโลกหลายคน รวมถึงนักแสดงชื่อก้องโลก ได้เคยมาลองจุมพิตบลาร์นีย์ สโตน จากนั้นอิสระให้ท่านได้เดินเล่นและถ่ายรูปกับตัวปราสาทและสวนสวยโดยรอบ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน |
ที่พัก | Best Western Montenotte Hotel/ Ambassador Cork Hotel**** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 10 | แคสเซล - คิลเคนนีย์ - ดับลิน |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ เมืองแคสเซล (Cashel) (ระยะทาง 93 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาสตร์และมีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งของสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของแคว้นทิปเปอรารี (Tipperary) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแคว้นที่มีชื่อเสียงทางด้านการท่องเที่ยวของสาธารณรัฐไอร์แลนด์ นำท่านเข้าชม "ร็อค ออฟ แคสเซล" (Rock of Cashel) หนึ่งในสัญลักษณ์ที่ได้รับการยกย่องเป็นอะโครโปลิสแห่งสาธารณรัฐไอร์แลนด์ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับการขนานนามว่ามีความงดงามที่สุดในสาธารณรัฐไอร์แลนด์ “ร็อค ออฟ แคสเซล” เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานมากแห่งหนึ่งของประเทศ ด้วยความโดดเด่นทางด้านสถาปัตยกรรมของร็อค ออฟ คาเซล ถือว่าเป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นคุณค่าทางมรดกทางวัฒนธรรมที่เก่าแก่ที่สุดของชาวไอริชโบราณ โดยภายในร็อค ออฟ แคสเซลนั้นประกอบไปด้วยส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอาคารบ้านเรือนยุคกลาง ป้อมปราการ วิหารจอร์เจียน และห้องสมุด นอกจากนี้แล้วในอดีต ร็อค ออฟ แคสเซล ยังเคยใช้เป็นที่ประทับของกษัตริย์แห่งมุนสเตอร์ ตั้งแต่ศตวรรษที่ 4 จนถึงต้นศตวรรษที่ 12 และมีการใช้อย่างต่อเนื่องพร้อมทั้งก่อสร้างเพิ่มจนถึงศตวรรษที่ 18 และได้รับการอนุรักษ์และยกย่องให้เป็นอนุสรณ์สถานแห่งชาติ เมื่อปี ค.ศ.1874 อิสระให้ท่านได้เก็บภาพและเดินเล่นถ่ายรูปตามอัธยาศัย นำท่านเดินทางสู่เมืองคิลเคนนีย์ (Kilkenny) (ระยะทาง 61 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที) เมืองที่อุดมด้วยสีสัน เต็มไปด้วยร่องรอยประวัติศาสตร์ยุคกลางอันน่าทึ่ง รวมถึงงานฝีมือท้องถิ่นที่น่าสนใจ คิลเคนนีย์ซิตี้ คือหนึ่งในเมืองที่น่าไปเยือนมากที่สุดเมืองหนึ่งของประเทศ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเข้าชมความงามของปราสาทคิลเคนนีย์ (Killkeny Castle) ซึ่งเป็นปราสาทแบบนอร์มัน สร้างขึ้นในปี 1172 โดยอัศวิน Richard de Clare หรือที่รู้จักในนาม Strongbow ซึ่งปราสาทเดิมสร้างจากไม้และมีหอคอยสูง สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำนอร์ แต่หลังจากนั้นทายาทรุ่นถัดไปคือ วิลเลี่ยม มาร์แชล (Earl of Pembroke) ได้ทำการบูรณะขึ้นใหม่โดยใช้หินมาสร้างปราสาท ปราสาทแห่งนี้มีหอคอยสูงถึง 4 หอคอยและยังคงสภาพให้เห็นจนถึงปัจจุบันนำท่านเข้าชมความงามของห้องโถง และ ห้องต่างๆภายในปราสาทโบราณแห่งนี้ นอกจากนี้ยังมีสวนสวยขนาดใหญ่ด้านนอก ซึ่งท่านสามารถเก็บภาพเป็นที่ระลึกได้ตามอัธยาศัย นำท่านเดินทางสู่ เมืองดับลิน (Dublin) (ระยะทาง 123 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.45 ชั่วโมง) ซึ่งเป็นเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ชื่อดับลินนั้นมาจากคำว่า Dubh Linn ซึ่งในภาษาไอริชมีความหมายว่า "สระน้ำสีดำ" (Black Pool) ดับลิน นครหลวงของสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ตั้งอยู่ใจกลางดินแดนอันเป็นที่หลงใหลของผู้มาเยือนนับจากร่องรอยทางประวัติศาสตร์อันน่าทึ่ง ความงามทิวทัศน์ตามธรรมชาติ รวมถึงทะเลสาบ แม่น้ำ และฝั่งทะเลอันยาวไกล |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน |
ที่พัก | Ballsbridge Hotel/ Kingswood Hotel City West**** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 11 | ดับลิน – เข้าชมปราสาทดับลิน |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเข้าชม ปราสาทดับลิน (Dublin Castle) หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความเก่าแก่ที่สุดของไอร์แลนด์ ปราสาทสร้างขึ้นในปี 1204 โดยกษัตริย์จอห์นแห่งอังกฤษ ปัจจุบันปราสาทดับลินนั้นถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการปกครองของอังกฤษในไอร์แลนด์จนได้รับอิสระเป็นสาธารณรัฐไอร์แลนด์ในปี 1922 ปราสาทแห่งนี้ยังคงใช้เป็นสถานที่จัดงานสำคัญระดับประเทศ เช่น จัดการประชุมของสหภาพยุโรป และ จัดงานคอนเสิร์ตสำคัญเป็นต้น นำท่านชมความงามภายในปราสาท ซึ่งมีห้องจัดแสดงและห้องรับรองมากมาย นำท่านผ่านชมสถาปัตยกรรม "สไปร์ ออฟ ดับลิน" หรือ "อนุสาวรีย์แห่งแสง" (Spire of Dublin) อนุสาวรีย์ที่สร้างจากเสาสแตนเลสรูปกรวยที่มีปลายยอดแหลม ซึ่งมีความสูงประมาณ 121.2 เมตร (398 ฟุต) โดยในอดีตเคยเป็นที่ตั้งของเสาเนลสัน ปัจจุบันเป็นอนุสาวรีย์ประติมากรรมที่มีชื่อเสียงและมีผู้คนมาเยี่ยมชมมากเป็นพิเศษ ได้รับรางวัลนานาชาติ 2-3 รางวัล เป็นสัญลักษณ์ของเมืองตั้งตระหง่านอยู่กลางถนน ผ่านชมสวนสาธารณะโฟนิค ผ่านชมย่านอาคารจอร์เจียที่มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามของเรื่องประตู ผ่านชม ตรินิตี้ คอลเลจ (Trinity College) มหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดในไอร์แลนด์ สร้างในสมัย ค.ศ.1592 โดยควีนอลิซาเบธที่ 1 ในยุคที่เป็นอาณานิคมของอังกฤษ ผู้นำประเทศหลายคนจบจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ อาคารสถาปัตยกรรมยังคงรูปแบบดั้งเดิมไม่ถูกทำลาย นำท่านแวะถ่ายรูปกับ มหาวิหารเซ็นต์แพททริค (St. Patrick’s Cathedral) สร้างขึ้นในปี 1191 และได้รับการขนานนามให้เป็นมหาวิหารในปี 1224 มหาวิหารแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่เซ็นต์แพททริค ปัจจุบันมหาวิหารแห่งนี้ได้กลายมาเป็นมหาวิหารแห่งชาติของไอร์แลนด์ จากนั้นนำท่านสู่ "ถนนแกรฟตัน" (Grafton Street) เพื่อให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าและของฝาก อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งแบบจัดเต็ม หากท่านที่ต้องการซื้อสินค้าแบรนด์เนม เช่น Louis Vuitton, Marks & Spencer, The Body Shop และอื่นๆอีกมากมาย อิสระให้ท่านได้เดินเล่น และ เลือกซื้อของฝากตามอัธยาศัย |
เที่ยง | ***** อิสระอาหารกลางวันตามอัธยาศัย เพื่อให้ท่านได้ช้อปปิ้งแบบจัดเต็ม***** |
17.30 น. | นำท่านเดินทางสู่สนามบินดับลิน |
20.05 น. | ออกเดินทางจากสนามบินดับลิน สาธารณรัฐไอร์แลนด์ สู่สนามบินดูไบ โดยเที่ยวบิน EK 164 (ใช้เวลาบินประมาณ 7.30 ชั่วโมง) |
วันที่ 12 | ดูไบ - กรุงเทพมหานคร |
08.30 น. | เดินทางถึงสนามบินดูไบ รอเปลี่ยนเที่ยวบิน |
09.40 น. | ออกเดินทางสู่กรุงเทพฯ โดยเที่ยวบินที่ EK372 (ใช้เวลาบินประมาณ 6.35 ชั่วโมง) บริการ อาหาร เครื่องดื่ม และพักผ่อนบนเครื่องบิน |
19.15 น. | เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ (BON VOYAGE) |