วันที่ 1 | ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ - สนามบินมาเพนซ่า กรุงมิลาน (อิตาลี) |
22.00 น. | พร้อมคณะที่สนามบินสุวรรณภูมิ ประตู 3 เคาน์เตอร์ D (9-12) สายการบินไทย เจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวก ในเรื่องสัมภาระและการเช็คอิน จากนั้นเชิญรอ ณ ห้องพักผู้โดยสารขาออก ** หมายเหตุ ทางบริษัทได้เตรียมการเดินทางของคณะทัวร์ก่อน 15 วัน โดยซื้อตั๋วเครื่องบิน, เช่ารถโค้ช, จองที่พัก, ร้านอาหาร สถานที่เข้าชมต่าง ๆ ไว้ล่วงหน้าให้กับกรุ๊ปทัวร์ กรณีที่เกิดเหตุการณ์ อาทิ การยกเลิกเที่ยวบิน, การล่าช้าของสายการบิน, การพลาดเที่ยวบิน (ขึ้นเครื่องไม่ทัน), การนัดหยุดงาน, การจลาจล, ภัยพิบัติ, การถูกปฏิเสธการเข้าเมือง ทำให้การเดินทางล่าช้า หรือเหตุสุดวิสัยอื่น ๆ ไม่สามารถเดินทางไปยังจุดหมายตามโปรแกรมได้ หัวหน้าทัวร์ มีสิทธิ์ในการเปลี่ยนโปรแกรม และไม่สามารถคืนเงินค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ชำระแล้ว เพราะทางบริษัทฯ ได้ชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ล่วงหน้าแล้ว และหากมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เกิดขึ้นนอกจากในรายการทัวร์ หัวหน้าทัวร์จะแจ้งให้ท่านทราบ เพราะเป็นสิ่งที่ทางบริษัท ฯ มิอาจรับผิดชอบได้ |
วันที่ 2 | มิลาน - เจนัว - มองติกาโล (รัฐโมนาโก) |
00.35 น. | ออกเดินทางสู่ กรุงมิลาน โดย สายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG940 |
07.10 น. | พาคณะออกเดินทางสู่ เมืองเจนัว (Genoa) ซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศอิตาลี เมืองบ้านเกิดของคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส นักเดินเรือผู้บุกเบิกและเป็นชาวยุโรปคนแรกที่ค้นพบทวีปอเมริกา ถึงแม้เมืองเจนัวจะถูกบดบังรัศมีจากเมืองอื่นที่มีชื่อเสียงมากกว่าอย่างกรุงโรม หรือเวนิส แต่อย่าง ไรก็ตามเจนัว ก็เปรียบดังไข่มุกของประเทศอิตาลี เมืองสุดคลาสสิคแห่งนี้ประดับประดาไปด้วยตึกรามบ้านช่อง ตกแต่งด้วยสีสไตล์พาสเทล โบสถ์เก่า แก่ดูมีมนต์ขลัง ถนนบางสายบ่งบอกถึงอารยธรรมเก่ายุคโรมัน เมืองแห่งนี้เป็นดั่งศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ สะท้อนให้เห็นวัฒนธรรมจากยุคอดีตมาสู่ปัจจุบัน เริ่มต้นการเดินเที่ยวชมเมืองจาก Galata Museo del Mare พิพิธภัณฑ์ทางทะเลแห่งแรกของเมดิเตอเรเนียน, Porto Antico ท่าเรือเก่าเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ (Aquarium) ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรป, เครื่องเล่น Lift Bigo ที่ท้าทายความหวาดเสียว. Palazzo San Giorgio งดงามด้วยภาพเขียนสีแบบเฟรสโก้บนผนังอาคาร เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับนักบุญเซนต์จอร์จปราบมังกร, Loggia di Banchi ตลาดแลกเปลี่ยนสินค้าแห่งแรกของอิตาลี, Cathedral สร้างในคริสต์ศตวรรษที่ 12 และ 15 แด่นักบุญจอห์นเดอะแบบติสต์ ด้านหน้าเป็นสถาปัตยกรรมแบบกอธิค ผสม ผสานกับสถาปัตยกรรมแบบโรมันเนสก์อย่างลงตัว, Porta Soprana ประตูสู่เมืองฝั่งตะวันออกที่จะพาท่านไปสู่บ้านของโคลัมบัส, Palazzo Ducale ที่ประทับของดอทจ์ ผู้ปกครองสาธารณรัฐเจนัว, Palazzi dei Rolli ได้รับการดูแลให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 2006 และ Strada Nuova หรือถนนสายใหม่ มีกลุ่มอาคารพิพิธภัณฑ์หลายแห่ง ดัดแปลงมาจากพระราช วังเก่า ได้รับการดูแลจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลก |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | จากนั้นเดินทางเข้าสู่ มอนเตกาโล เที่ยวชม โมนาโก เมืองที่ตั้งอยู่ท่ามกลางท้องทะเลสวย, หมู่ตึกระฟ้า, และทิวเขาอันงดงาม ผ่านชมมหาวิหารที่เคยใช้จัดงาน พระราชพิธีอภิเษกสมรสของเจ้าหญิงเกรซ-เคลลี แห่งโมนาโคสตรีผู้สูงศักดิ์ที่ชีวิตเปรียบเสมือนเทพนิยาย จากหญิงสาวธรรมดา ที่โชคชะตาพลิกผันให้เป็นเจ้าหญิงในราชวัง วันนี้เธอเป็นตำนานที่ไม่ใช่เพียงเจ้าหญิงผู้เลอโฉม แต่เธอนำพาชื่อเสียงให้โมนาโกเป็นที่รู้จัก ด้านสาธารณะประโยชน์ องค์กรการกุศลต่าง ๆ มากมาย แล้วไปถ่ายรูปกับปาเล เดอ แปรงซ์ (Palais De Princes) ปราสาทที่ประทับของเจ้าชายแห่งรัฐ สร้างขึ้นบนส่วนที่เป็นเดอะร็อกท่ามกลางทิวทัศน์อันงดงาม แล้วไปชมวิวทิวทัศน์ที่ขนาบด้วยท่าเรือสองแห่งคือ Port De Fontvieille และ Port Hercule ท่าจอดเรือยอร์ชอันหรูหราแสดงถึงความมั่งคั่งและร่ำรวยของดินแดนแห่งนี้ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | FAIRMONT MONTE CARLO หรือเทียบเท่า |
วันที่ 3 | รัฐโมนาโก - นีซ - ริเวียร่าแห่งฝรั่งเศส - กราซ - โรงงานน้ำหอม - คานส์ - เลโบเดอโพรวองซ์ - อาวีญง |
08.00 น. | รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม |
เช้า | นำคณะออกเดินทางสู่ เมืองนีซ (Nice) มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าของประเทศฝรั่งเศสในแคว้นที่ชื่อว่า โพร วองซ์-แอลป์-โกต-ดาซูร์ (Provence-Alpes-Côte d'Azur) ริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีชายหาดหินที่สวยงาม เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่จะมาเดินกันอยู่ที่ถนนเรียบชายหาดลา-พรอมมินาด-เด-ซองเกส (La Promenade des Anglais) เขตย่านเมืองเก่า จัดได้ว่าเป็นเมืองที่น่าเดินชมบรรยากาศแบบชาวโพรวองซ์เป็นอย่างยิ่ง หลังจากนั้นเดินทางสู่ เมืองกราซ (Grasse) หรือที่รู้จักกันในนาม “เมืองหลวงแห่งโลกน้ำหอม” การผลิตน้ำหอมทั้งหลายส่วนใหญ่เริ่มต้นที่นี่โรงงานผลิตน้ำหอมที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เปิดให้ท่านได้ชมเรื่องราวและขั้นตอนการผลิต จากนั้น พาท่านเที่ยวชม เมืองคานส์ เมืองแห่งเทศกาลหนังนานาชาติที่จัดขึ้นประมาณเดือนพฤษภาคมของทุกปี หากใครที่คลั่งไคล้ดาราแล้วละก็พลาดไม่ได้ที่กับการวัดรอยมือดาราคนโปรดที่หน้าปาเล่ เด เฟสติวาล (Palais des Festivals) ที่เหล่าดาราชื่อดังทั้งหลายได้ประทับรอยมือไว้ให้เป็นที่ระลึก เมืองคานส์ยังเต็มไปด้วยโรงแรมหรูหราริมชายหาดริเวียร่า และถนนที่ทอดยาวริมชายหาดที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าลาโพรมานาด เดอ ลา ครัวเซท (La Promenade de la Croisette) นอกจากนี้ยังมีท่าจอดเรือยอร์ชลำงาม ๆ ของบรรดามหาเศรษฐีทั้งหลายด้วย |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | จากนั้นเดินทางต่อสู่ เมืองเลโบเดอโพรวองซ์ Les Baux de Provence เมืองโบราณที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูง ซึ่งปัจจุบันยังคงรักษาเอกลักษณ์ของบ้านเรือน ชุมชน ตลอดจนศิลปะและวัฒนธรรมโบราณเอาไว้ได้เป็นอย่างดี เป็นหมู่บ้านที่ได้รับคัดเลือกให้เป็น “หนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส” จากนั้นคณะเดินทางเข้าสู่ เมืองอาวีญง Avignon เมืองประวัติศาสตร์ริมแม่น้ำโรห์น |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | AVIGNON GRAND HOTEL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 4 | อาวีญง - ท่อส่งน้ำโรมัน ปงต์ดูการ์ - เมืองโบราณการ์กาซอน |
07.30 น. | รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม |
เช้า | เที่ยวชม เมืองอาวีญง (Avignon) เมืองประวัติศาสตร์ริมแม่น้ำโรน (Rhône) และเป็นที่ตั้งของพระราชวังของพระสันตะปาปา (Palais des Papes) ที่ได้ย้ายที่พำนักมาที่นี่ในระหว่างปี ค.ศ.1309-1423 เป็นเมืองศูนย์กลางทางการค้าศาสนา ศิลปวัฒนธรรมที่สำคัญของแคว้น นอกจากนี้ยังมีสะพานที่มีชื่อเสียงคือ สะพานเซนต์เบเนเซ่ (Pont Saint-Bénézet) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าสะพานแห่งเมืองอาวีญงสร้างเมื่อปี ค.ศ. 1177 จากนั้นออกเดินทางสู่ เขตหุบเขาแม่น้ำโรน แม่น้ำสายสำคัญของภูมิภาคนี้ ผ่านชมไร่องุ่นที่มีชื่อเสียงชาโตเนิฟ-ดูเปบ ไร่องุ่นที่เลื่องชื่อในการผลิตไวน์ขาว และไวน์แดง |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | แล้วนำท่านไปชม ปงต์ ดู การ์ (Pont du Gard) หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ที่ชาวโรมันสร้างเมื่อ 2000 ปีมาแล้ว คือทางส่งน้ำซึ่งมีความยาว 275 เมตร สามารถส่งน้ำได้ 34.8 ล้านลิตรต่อวัน ปงดูการ์ เป็นสะพานส่งน้ำจุดหนึ่งในการส่งน้ำระหว่าง เมือง Uzès และเมือง Nîmes ซึ่งมีระยะทางถึง 50 กิโลเมตร ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO เมื่อปี 1985 จากนั้นออกเดินทางสู่ เมืองการ์กาซอน ในแคว้นล็องก์ดอค-รูซียง Languedoc-Roussillon มีที่ราบสูง Massif Central และเทือกเขาปีเรเน่เป็นฉากหลัง มีแสงแดดอันอบอุ่นเกือบตลอดปี |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | HOTEL DES TROIS CARCASSONNE ****หรือเทียบเท่า |
วันที่ 5 | การ์กาซอน - เมืองตูลูส - ไวน์เอสเตท POMEROL & SAINT EMILION - บอร์โด |
07.00 น. | รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม |
เช้า | นำคณะออกเดินทางสู่ เที่ยวชม เมืองเก่าการ์กาซอน เส้นทางสายวัฒนธรรมที่สืบสานมาตั้งแต่ครั้งก่อนประวัติศาสตร์ จนถึงยุคโรมันที่จะเห็นได้จากร่องรอยของกำแพงเมือง และป้อมปราการอันแข็งแกร่งในยุคกลาง หลังจากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่ เมืองตูลูส (Toulouse) เมืองอุตสาหกรรมทางตอนใต้ของฝรั่งเศสและเป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์พิเศษด้วยการก่อสร้างอาคารที่สำคัญต่างๆด้วยอิฐจนได้รับสมญานามว่า ‘’เมืองแห่งอิฐสีแดง’’ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำคณะเดินทางสู่ เขตพื้นที่การผลิตไวน์ อีกแห่งหนึ่งแซ็ง-เตมีลียง Saint-Emilion นับเป็นเขตพื้นที่ที่เก่าแก่ที่สุดของแคว้น ซี่งองค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเป็นเขตมรดกโลกในปี 1999 ในฐานะที่เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของภูมิทัศน์ ไร่องุ่นประวัติศาสตร์ ที่รักษาสภาพที่สวยงามจากอดีตถึงปัจจุบัน และยังคงทำการเพาะปลูกองุ่นที่ยังคงรักษาคุณภาพองุ่น เพื่อเป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตไวน์ในภูมิภาคไว้ได้เป็นอย่างดี โดยมีการกำหนดมาตรฐานการผลิต และการตรวจสอบคุณภาพอย่างเคร่งครัด จากอดีตจนถึงปัจจุบันไวน์แซ็งเตมีลียง ได้รับการยกย่องว่าเป็นไวน์ที่มีคุณภาพเป็นเลิศ มีรสชาตินุ่มนวล สีสันสดใส และบ่มได้คุณภาพมากที่สุดของบอร์โด ถึงแม้ว่าจะมีการผลิตได้เป็นจำนวนน้อยแต่คุณภาพที่ได้นั้นกลับตรงกันข้าม จากนั้นนำคณะเดินทางสู่ Pomerol เขตพื้นที่การทำไร่องุ่นที่เล็กที่สุดในเมืองบอร์โด ด้วยเนื้อที่การทำไร่องุ่นเพียง 5,000 ไร่ นำท่านชมขั้นตอนการผลิตไวน์ และ wine tasting ที่มีการผสมจากพันธุ์องุ่นถึง 3 ชนิดได้แก่ Merlot 75%, Cabernet Franc 18% และ Cabernet Sauvignon 7% นำคณะออกเดินทางสู่ เมืองบอร์โด Bordeaux เมืองหลวงของแคว้นอากีแดน เป็นเมืองท่าใกล้ชาย ฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส มีแม่น้ำการอนไหลผ่านออกสู่มหาสมุทรแอตแลนติกที่เมืองซูลัก-ซูร์-แมร์ เขตท่าเรือปอร์ตเดอลาลูน Port de la Lune ที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมรดกโลกจากองค์กรยูเนสโกในปี 2007 ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 บอร์โดมีชื่อเสียงและเป็นแหล่งผลิตไวน์คุณภาพที่จัดอยู่ในกลุ่ม AOC (Appellation d'Origine Contrôlée) ซึ่งไวน์ดี ๆ ของฝรั่งเศส มักจะอยู่ในกลุ่มนี้ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | INTERCONTINENTAL LE GRAND HOTEL หรือเทียบเท่า |
วันที่ 6 | บอร์โด - นั่งรถไฟ TGV สู่เมืองตูร์ เมืองแห่งปราสาทลุ่มน้ำลัวร์ - ชาโตชองบอร์ด |
06.00 น. | รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม |
07.26 น. | เดินทางสู่ เมืองตูร์ โดยรถไฟด่วน TGV |
10.09 น. | คณะถึง เมืองตูร์ Tours ในเขตแม่น้ำลัวร์ทางตอนเหนือและแม่น้ำแชร์ทางตอนใต้ มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ยาวนาน จัตุรัสเมืองเก่า เรียงรายไปด้วยบ้านกึ่งไม้ซุงที่สร้างมาตั้งแต่สมัยยุคกลาง เป็นเมืองคลาสสิคที่น่าชมอีกเมืองหนึ่ง จากนั้น รถโค้ชรอรับคณะและนำท่านเดินทางสู่ ชาโตเชอนงโซ
|
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | รถโค้ชรอรับคณะแล้วเดินทางสู่ ชาโตชองบอร์ด มหาปราสาทแห่งลุ่มน้ำลัวร์ มีแม่น้ำสายยาวที่สุดของฝรั่งเศสคือ 1,013 กิโลเมตร สองฟากฝั่งมีปราสาทหรือชาโต Chateau ของกษัตริย์และเชื้อพระวงศ์ ในจำนวนทั้งหมดชาโตชองบอร์ด Chambord นับเป็นความปรารถนาสูงสุดของนักท่องเที่ยว พระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 1 ทรงโปรดให้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1519 หลังนำทัพไปชนะอิตาลีที่เมืองมิลานเพื่อไว้รับรองพระสหาย และไว้เป็นที่ประทับเมื่อมาล่าสัตว์ ลีโอนาร์โด ดาวินชี เป็นผู้ร่างโครงสร้าง ต่อมาภายหลัง Dominigue de Cortone สถาปนิกฝรั่งเศสและทีมงาน ได้นำเค้าโครงสร้างนี้ไปปรับปรุงเป็นแบบสมบูรณ์ ปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนป่า ที่มีอาณาเขตถึง 13,500 เอเคอร์ ไม้ที่ทำโครงและพื้นเป็นไม้โอ๊กจากป่าบริเวณปราสาท หลังคาและส่วนตกแต่งที่เลียนแบบจากหินอ่อน ด้านหน้าทางเข้าปราสาทเป็นลานกว้างบ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ของกษัตริย์ ฟรองซัวส์ที่ 1 ด้านหลังเป็นโบสถ์ และที่ประทับของกษัตริย์ ทางขึ้นปราสาททำเป็นบันไดวนออกแบบโดยดาวินชี มีช่องบันไดซ้อนกันอยู่ทำให้ขึ้นและลงแยกจากกันได้เป็นอิสระ ได้เวลาอันสมควร นำคณะเดินทางเข้าสู่ที่พัก |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | NOVOTEL TOURS CENTRE GARE หรือเทียบเท่า |
วันที่ 7 | ตูร์ - ปราสาทชาโตเชอนองโช - แซงต์มาโล |
08.00 น. | รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม |
เช้า | คณะเดินทางถึง ลุ่มแม่น้ำลัวร์ นำคณะเข้าชม ภายในชาโตเชอนงโซ Château de Chenonceau สร้างบนฝั่งแม่น้ำแชร์ และสร้างมาก่อนหน้าที่จะมีหลักฐานทางเอกสาร เมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 11 ออกแบบโดยฟิลแบรต์ เดอลอร์ม สถาปนิกเรอเนซองส์ตระกูลเมเนียร์ Menier ลักษณะของสถาปัตยกรรมของเชอนงโซ เป็นแบบผสมระหว่างสถาปัตยกรรมโกธิค และสถาปัตยกรรมเรอเนซองส์ตอนต้น ลานด้านหน้าวางแบบลานปราสาทยุคกลางล้อมรอบด้วยคูน้ำ ประตูทางเข้าขนาดใหญ่ทำจากไม้แกะสลัก ด้านในเป็นชาเปล โดดเด่นด้วยหน้าต่างประดับกระจกสี, ห้องบรรทม, ห้องกรีน เป็นลักษณะศิลปะแบบโกธิคและเรอเนซองส์ ห้องรับรอง, ห้องบรรทมพระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 1, ห้องพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และห้องโถงตกแต่งด้วยเพดานโค้งสันที่มีหินหลัก แยกจากกันเป็นเส้นขาด ถือว่าเป็นห้องที่แกะสลักที่สวยที่สุดห้องหนึ่งในการตกแต่ง แบบเรอเนซองส์แบบฝรั่งเศส |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | จากนั้นเดินทางต่อสู่ เมืองแซงต์มาโล St. Malo เมืองพักผ่อนตากอากาศ อยู่ในแคว้นบริททานี (Brittany) หรือแคว้นเบรอตาญ (Bretagne) มีชื่อเสียงเรียงนามว่าเป็นเมืองท่าที่สวยงามและเป็นที่ชื่นชอบของชาวยุโรปเป็นพิเศษ ตรงท่าเรือจะถูกล้อมรอบไปด้วยกำแพงสูงและป้อมปราการที่มีความยาวกว่า 2 กิโลเมตร ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในเมืองโจรสลัดเลย และที่แซงมาโลนี้ก็อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากมงแซงมิเชล (Mont Saint Michel) ที่ตั้งของวิหารกลางน้ำ สิ่งมหัศจรรย์และสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของประเทศฝรั่งเศส |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | OCEANIA ST.MALO หรือเทียบเท่า |
วันที่ 8 | แซงต์มาโล - มงต์แซงต์มิเชล - กรุงปารีส - บ้านโมเนต์ |
08.00 น. | รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม |
เช้า | นำคณะออกเดินทางสู่ เมืองมงต์แซงต์มิเชล (Mont Saint-Michel) อันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตติดอันดับ 3 ของประเทศฝรั่งเศส เพื่อท่านเที่ยวชมเมืองมงต์แซงต์มิเชล (Mont Saint-Michel) ที่ตั้งของศาสนสถานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปเทียบได้กับมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์แห่งกรุงโรม อยู่บนเกาะในเขตแคว้นนอร์มังดี สถานที่แห่งนี้ได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโกให้เป็นหนึ่งในมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ.1979 และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมติดอันดับ 3 ของฝรั่งเศสรองลงมาจากหอไอเฟลและพระราชวังแวร์ซายน์ มงต์แซงต์-มิเชล สร้างมาหลายยุคหลายสมัยเปลี่ยนแปลงรูปแบบ ตลอดการสร้างจนปี ค.ศ.966 นักบวชนิกายเบเนดิกตีนจากวิหารแซ็ง-ว็องดรีย์ได้สร้างโบสถ์และอาคารขึ้นใหม่เป็นอารามขนาดใหญ่ ตัววิหารตั้งอยู่บนฐานหินแกรนิตขนาดใหญ่สูงจากระดับน้ำทะเล 75 เมตร จากนั้นมีการสร้างต่อเติมหลายยุคหลายสมัย เมื่อครั้งที่แคว้นนอร์มังดีเจริญรุ่งเรือง |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำคณะเดินทางเข้าสู่ กรุงปารีส ระหว่างทางแวะหมู่บ้านเล็กๆ ในชนบทที่ชื่อว่า จิแวร์นี (Giverny) เพื่อชมบ้านโมเนต์ (จากด้านนอก) ศิลปินอิมเพรสชั่นนิสม์ที่โด่งดัง **บ้านโมเน่ต์ เปิดให้เข้าชมในระหว่างวันที่ 24 มี.ค. - 1 พ.ย. 2562 ดังโปรแกรมทัวร์ในระหว่างวันที่ 2 พ.ย. 62 - 23 มี.ค. 63 จะไม่รวมค่าเข้าชมบ้านโมเน่ต์** คณะเดินทางถึงกรุงปารีส ศูนย์กลางการออกแบบและแฟชั่นของโลก มหานครทันสมัยที่ไม่เคยหยุดนิ่ง อีกทั้งยังเป็นเมืองที่สวยที่สุดในโลกสำหรับอีกหลายๆ คน |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | HOTEL CONCORDE MONTPARNASSE **** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 9 | ปารีส - ปราสาทชาโต โว เลอ วิ กงต์ - ปารีส |
07.00 น. | รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม |
เช้า | ออกเดินทางสู่ ชาโต โว เลอ วิ กงต์ (Château de Vaux-le-Vicomte) เลอโนตร์ ได้เป็นผู้ออกแบบตัวปราสาท และสวนฝรั่งเศสแบบบาโรค ในค.ศ.ที่ 17 ให้มีความยิ่งใหญ่เหนือจินตนาการ ตามคำสั่งของเสนาบดีกระทรวงการคลังนามว่าฟูเกต์ ผู้มีรสนิยมอันเลิศวิไล ในยุคสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ชมความหรูหราอลังการของการตกแต่ง ทั้งเฟอร์นิเจอร์ และงานศิลปะที่หาชมได้ยาก สถานที่แห่งนี้เป็นที่พบปะสังสรรค์ของบรรดานักปราชญ์ นักเขียน กวี และศิลปิน จนกลายเป็นโศกนาฏกรรมของเจ้าของคฤหาสน์แห่งนี้ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำคณะเดินทางกลับสู่ มหานครปารีส นครหลวงแห่งแฟชั่นชั้นนำของโลกที่ซึ่งเปรียบเสมือนสวรรค์ของนักชอปปิ้งจากทั่วทุกมุมโลก หรือเมืองที่เป็นที่ขนานนามว่าเป็นมหานครปารีสอันสุดแสนโรแมนติก ท่ามกลางบรรยากาศของหอสูงตะหง่านตาที่เป็นที่รู้จักในนาม “หอไอเฟล” (Tour Eiffel) พร้อมทั้งด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์อีกมายมายภายในเมืองแห่งนี้ ผ่านชม ถนนชองป์เซลิเช่ (Champs-Elysees) ซึ่งเป็นถนนสายสำคัญมีความยาว 2 กม. ร่มรื่นไปด้วยเงาต้นปาตานสองฝั่ง มีทั้งร้านค้าชั้นนำ หอแสดงศิลปะ สวนดอกไม้ น้ำพุ ภัตตาคารชั้นเลิศ ร้านกาแฟ โรงละคร เป็นถนนที่มีสีสันตลอด 24 ชั่วโมง จนได้ชื่อว่าเป็นถนนที่สวยที่สุดในโลก อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์ที่โด่งดังของฝรั่งเศส อาทิ สินค้าประเภท น้ำหอม, เครื่องสำอางค์, เครื่องประดับ, เครื่องแต่งกายในร้าน Duty Free ที่คืนภาษีให้กับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | HOTEL CONCORDE MONTPARNASSE หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน |
วันที่ 10 | ปารีส - เดินทางกลับกรุงเทพฯ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม นำท่านเดินทางสู่ สนามบินสนามบินชาร์ลเดอโกล กรุงปารีส เพื่อเตรียมเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ |
12.30 น. | ออกเดินทางกลับสู่ กรุงเทพฯ โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG931 |
วันที่ 11 | เดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ |
06.00 น. | นำท่านเดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ |