วันที่ 1 | สนามบินสุวรรณภูมิ - กรุงปารีส (ฝรั่งเศส) |
22.00 น. | พร้อมคณะที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ประตู 3-4 เคาน์เตอร์ H/J สายการบินไทย เจ้าหน้าที่คอยอำนวยความสะดวก ในเรื่องสัมภาระและการเช็คอิน จากนั้นเชิญรอ ณ ห้องพักผู้โดยสารขาออก หมายเหตุ ทางบริษัทได้เตรียมการเดินทางของคณะทัวร์ก่อน 45 วัน โดยซื้อตั๋วเครื่องบิน, เช่ารถโค้ช, จองที่พัก, ร้านอาหาร สถานที่เข้าชมต่างๆ ไว้ล่วงหน้าให้กับกรุ๊ปทัวร์ กรณีที่เกิดเหตุการณ์ อาทิ การยกเลิกเที่ยวบิน, การล่าช้าของสายการบิน, การพลาดเที่ยวบิน (ขึ้นเครื่องไม่ทัน), การนัดหยุดงาน, การจลาจล, ภัยพิบัติ, การถูกปฏิเสธการเข้าเมือง ทำให้การเดินทางล่าช้า หรือเหตุสุดวิสัยอื่นๆ ไม่สามารถเดินทางไปยังจุดหมายตามโปรแกรมได้ หัวหน้าทัวร์ มีสิทธิ์ในการเปลี่ยนโปรแกรม และไม่สามารถคืนเงินค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่ชำระแล้ว เพราะทางบริษัทฯ ได้ชำระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ล่วงหน้าแล้ว และหากมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เกิดขึ้นนอกจากในรายการทัวร์ หัวหน้าทัวร์จะแจ้งให้ท่านทราบ เพราะเป็นสิ่งที่ทางบริษัท ฯ มิอาจรับผิดชอบได้ |
วันที่ 2 | มหานครปารีส - พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ - โมนาลิซ่า – ถนนชองป์เอลิเซ่ - ช้อปปิ้ง |
00.05 น. | ออกเดินทางสู่กรุงปารีส โดย สายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 930 |
07.10 น. | เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติ ปารีส-ชาร์ล เดอ โกล สาธารณรัฐฝรั่งเศส การตรวจลงตราวีซ่าและศุลกากร จะทำ ณ ที่ท่าอากาศยานแห่งนี้ ตรวจเช็คสัมภาระพร้อมออกเดินทาง |
10.30 น. | นำคณะเข้าชม พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ซึ่งในอดีตเป็นพระราชวังที่ใหญ่โตมากที่สุดของโลก สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าฟิลิปออกุสต์ ราวคริสต์ศตวรรษที่ 13 ปัจจุบันพระราชวังแห่งนี้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่สำคัญและใหญ่โตที่สุดในปารีส ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดชม ภายในเป็นที่เก็บรักษาวัตถุโบราณต่างๆ ที่มีค่าและมีชื่อเสียงของโลก เช่น ภาพเขียนลาชาก็อง (La Jaconde) หรือภาพโมนาลิซ่า อันเป็นภาพวาดของ เลโอนาร์ด เดอ วินซี จิตรกรและสถาปนิกชาวอิตาเลียน และวัตถุโบราณซึ่งเป็นศิลปะอันล้ำค่าจากชาติต่างๆ กว่า 300,000 ชิ้น ที่ฝรั่งเศสเคยมีอิทธิพลปกครองมาในอดีต ส่วนใหญ่ได้มาจากตะวันออกกลางและอาณานิคมจากประเทศในเอเชีย เช่น รูปแกะสลักซาโมทราซ (La Victoire de Samothrace) และรูปแกะสลักเทพธิดาวีนัส (Venus de Milo) และในปี 1981 เอ็ม ไอ เป่ย สถาปนิกชื่อดังชาวอเมริกัน ได้สร้างทางเข้าพิพิธภัณฑ์ เป็นรูปปิรามิดกระจกครอบคลุมเนื้อที่บนลานนโปเลียน ทำให้สถาปัตยกรรมของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ดูโดดเด่นเป็นสง่า |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำคณะไปถ่ายรูปกับ ถนนชองป์เซลิเช่ (Champs-Elysees) ซึ่งเป็นถนนสายสำคัญมีความยาว 2 กม. ร่มรื่นไปด้วยเงาต้นปาตานสองฝั่ง มีทั้งร้านค้าชั้นนำ หอแสดงศิลปะ สวนดอกไม้ น้ำพุ ภัตตาคารชั้นเลิศ ร้านกาแฟ โรงละคร เป็นถนนที่มีสีสันตลอด 24 ชั่วโมง จนได้ชื่อว่าเป็นถนนที่สวยที่สุดในโลก เข้าสู่ย่านช้อปปิ้งเขตโอเปร่า ให้ท่านได้ช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์ที่โด่งดังของฝรั่งเศส อาทิ สินค้าประเภท น้ำหอม, เครื่องสำอางค์, เครื่องประดับ, เครื่องแต่งกายในร้าน Duty Free ที่คืนภาษีให้กับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ และช้อปปิ้งแบบ one stop service ณ ห้างสรรพสินค้า แกลลอรี่ ลาฟาแยตต์ ที่รวบรวมสินค้าแบรนด์ดังจากฝรั่งเศส อิตาลี ไว้ในห้างเดียว |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | MERCURE Montparnasse Gare **** หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน |
วันที่ 3 | เที่ยวมหานครปารีส – มงต์มาร์ต - พระราชวังแวร์ซายน์ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม เที่ยวชมมหานครปารีส นครหลวงแห่งแฟชั่นชั้นนำของโลก ที่ซึ่งเปรียบเสมือนสวรรค์ของนักชอปปิ้งจากทั่วทุกมุมโลก เมืองที่เป็นที่ขนานนามว่าเป็นมหานครปารีสอันสุดแสนโรแมนติก “หอไอเฟล” (Tour Eiffel) ถ่ายภาพแบบพาโนรามาจากลานกว้างทรอคคาเดโร โบสถ์แองวาลีดส์ อันงามสง่าด้วยยอดโดมสีทอง ประตูชัยอาร์ค เดอ ตรีอองฟ์ สร้างในปี 1810 เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะของจักรพรรดิ์นโปเลียน ถนนชองป์เซลิเช่ (Champs-Elysees) เป็นถนนสายสำคัญมีความยาว 2 กม. ร่มรื่นไปด้วยเงาต้นปาตานสองฝั่ง มีทั้งร้านค้าชั้นนำ หอแสดงศิลปะ สวนดอกไม้ น้ำพุ ภัตตาคารชั้นเลิศ ร้านกาแฟ โรงละคร ได้ชื่อว่าเป็นถนนที่สวยที่สุดในโลก จตุรัสคองคอร์ด ซึ่งออกแบบโดยเลอโนตร (Le Notre) ที่ชวนให้ระลึกถึงการปฏิวัติใหญ่ฝรั่งเศส สวนตุยเลอลีส์ สวนแบบฝรั่งเศสที่ออกแบบไว้อย่างงดงาม นำคณะสู่ มงต์มาตร์ (Montmartre) เป็นย่านศิลปะที่โด่งดังแห่งหนึ่ง ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 มีศิลปินดัง ๆ มาปักหลักอยู่หลายคนก่อนที่จะมีชื่อเสียง โบสถ์ซาเครเกอร์ โดดเด่นด้วยศิลปะแบบโรมัน – ไบเซนไทน์ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านไปชมสถานที่ท่องเที่ยวอันดับ 1 ของฝรั่งเศส พระราชวังแวร์ซายส์ วังที่ใหญ่ที่สุดในปฐพี ปัจจุบันพระราชวังแห่งนี้ได้รับการบูรณะเรียบร้อยแล้ว เข้าชมความงามของพระราชวังภายในห้องต่าง ๆ เรียกชื่อตามเทพเจ้า ห้องเทพอพอลโล, ห้องเทพวีนัส, ห้องเทพไดอาน่า และ ห้องเดอะฮอลล์ออฟมิลเลอร์ แต่ละห้องของพระราชวังล้วนมีค่าด้วยภาพเขียนสีแบบเฟรสโก้ โดยช่างฝีมือเอกชาวฝรั่งเศส ควรค่าแก่การยกย่องให้เป็นพระราชวังที่งดงามล้ำค่าที่สุดแห่งหนึ่งของโลก กลับเข้าสู่กรุงปารีส |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | MERCURE Paris Montparnasse ****หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน |
วันที่ 4 | ปารีส – มงต์แซงต์มิเชล - แซงต์มาโล |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม นำคณะออกเดินทางสู่เมืองมงต์แซงต์มิเชล (Mont Saint-Michel) อันเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตติดอันดับ 3 ของประเทศฝรั่งเศส |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านเที่ยวชมเมืองมงต์แซงต์มิเชล (Mont Saint-Michel) ที่ตั้งของศาสนสถานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรปเทียบได้กับมหาวิหารเซนต์ปีเตอร์แห่งกรุงโรม อยู่บนเกาะในเขตแคว้นนอร์มังดี สถานที่แห่งนี้ได้รับการประกาศจากองค์การยูเนสโกให้เป็นหนึ่งในมรดกโลก เมื่อปี ค.ศ.1979 และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมติดอันดับ 3 ของฝรั่งเศสรองลงมาจากหอไอเฟลและพระราชวังแวร์ซายน์ มงต์แซงต์-มิเชล สร้างมาหลายยุคหลายสมัยเปลี่ยนแปลงรูปแบบ ตลอดการสร้างจนปี ค.ศ.966 นักบวชนิกายเบเนดิกตีนจากวิหารแซ็ง-ว็องดรีย์ได้สร้างโบสถ์และอาคารขึ้นใหม่เป็นอารามขนาดใหญ่ ตัววิหารตั้งอยู่บนฐานหิน แกรนิตขนาดใหญ่สูงจากระดับน้ำทะเล 75 เมตร จากนั้นมีการสร้างต่อเติมหลายยุคหลายสมัย เมื่อครั้งที่แคว้นนอร์มังดีเจริญรุ่งเรือง จากนั้นเดินทางต่อสู่เมืองแซงต์มาโล St. Malo |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | Mercure Saint Malo Balmoral **** หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน |
วันที่ 5 | แซงต์มาโล - ตูร์ – ปราสาทเชอนองโซ - ปราสาทชองบอร์ด |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม เดินทางสู่เมืองตูร์ Tours ในเขตแม่น้ำลัวร์ทางตอนเหนือและแม่น้ำแชร์ทางตอนใต้ มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ยาวนาน จัตุรัสเมืองเก่า เรียงรายไปด้วยบ้านกึ่งไม้ซุงที่สร้างมาตั้งแต่สมัยยุคกลาง เป็นเมืองคลาสสิคที่น่าชมอีกเมืองหนึ่ง |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านเข้า ชมชาโตชองบอร์ด มหาปราสาทแห่งลุ่มน้ำลัวร์ มีแม่น้ำสายยาวที่สุดของฝรั่งเศสคือ 1,013 กิโลเมตร สองฟากฝั่งมีปราสาท หรือ ชาโต Chateau ของกษัตริย์และเชื้อพระวงศ์ ในจำนวนทั้งหมดชาโตชองบอร์ด Chambord นับเป็นความปรารถนาสูงสุดของนักท่องเที่ยว พระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 1 ทรงโปรดให้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1519 หลังนำทัพไปชนะอิตาลีที่เมืองมิลานเพื่อไว้รับรองพระสหาย และไว้เป็นที่ประทับเมื่อมาล่าสัตว์ ลีโอนาร์โด ดาวินชี เป็นผู้ร่างโครงสร้าง ต่อมาภายหลัง Dominigue de Cortone สถาปนิกฝรั่งเศสและทีมงาน ได้นำเค้าโครงสร้างนี้ไปปรับปรุงเป็นแบบสมบูรณ์ ปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางสวนป่า ที่มีอาณาเขตถึง 13,500 เอเคอร์ ไม้ที่ทำโครงและพื้นเป็นไม้โอ๊กจากป่าบริเวณปราสาท หลังคาและส่วนตกแต่งที่เลียนแบบจากหินอ่อน ด้านหน้าทางเข้าปราสาทเป็นลานกว้างบ่งบอกถึงความยิ่งใหญ่ของกษัตริย์ฟรองซัวส์ที่ 1 ด้านหลังเป็นโบสถ์ และที่ประทับของกษัตริย์ ทางขึ้นปราสาททำเป็นบันไดวนออกแบบโดยดาวินชี มีช่องบันไดซ้อนกันอยู่ทำให้ขึ้นและลงแยกจากกันได้เป็นอิสระ นำคณะชม ชาโตเชอนงโซ สร้างบนฝั่งแม่น้ำแชร์ และสร้างมาก่อนหน้าที่จะมีหลักฐานทางเอกสาร เมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 11 ออกแบบโดยฟิลแบรต์ เดอลอร์ม สถาปนิกเรอเนซองส์ตระกูลเมเนียร์ Menier ลักษณะของสถาปัตยกรรมของเชอนงโซ เป็นแบบผสมระหว่างสถาปัตยกรรมโกธิค และสถาปัตยกรรมเรอเนซองส์ตอนต้น ลานด้านหน้าวางแบบลานปราสาทยุคกลางล้อมรอบด้วยคูน้ำ ประตูทางเข้าขนาดใหญ่ทำจากไม้แกะสลัก ด้านในเป็นชาเปล โดดเด่นด้วยหน้าต่างประดับกระจกสี, ห้องบรรทม, ห้องกรีน เป็นลักษณะศิลปะแบบโกธิคและเรอเนซองส์ ห้องรับรอง, ห้องบรรทมพระเจ้าฟรองซัวส์ที่ 1, ห้องพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และห้องโถงตกแต่งด้วยเพดานโค้งสันที่มีหินหลัก แยกจากกันเป็นเส้นขาด ถือว่าเป็นห้องที่แกะสลักที่สวยที่สุดห้องหนึ่งในการตกแต่ง แบบเรอเนซองส์แบบฝรั่งเศส |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | Hilton Garden Inn Tours Center**** หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน |
วันที่ 6 | ตูร์ – บอร์โดซ์ - แซงต์เตมิลิยง - Pomerol |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม นำคณะออกเดินทางสู่ เมืองบอร์โด Bordeaux เมืองหลวงของแคว้นอากีแดน เป็นเมืองท่าใกล้ชาย ฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกทางภาคตะวันตกเฉียงใต้ของฝรั่งเศส มีแม่น้ำการอนไหลผ่านออกสู่มหาสมุทรแอตแลนติกที่เมืองซูลัก-ซูร์-แมร์ เขตท่าเรือปอร์ตเดอลาลูน Port de la Lune ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นมรดกโลกจากองค์กรยูเนสโกในปี 2007 ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 บอร์โดมีชื่อเสียงและเป็นแหล่งผลิตไวน์คุณภาพที่จัดอยู่ในกลุ่ม AOC (Appellation d'Origine Contrôlée) ซึ่งไวน์ดี ๆ ของฝรั่งเศส มักจะอยู่ในกลุ่มนี้ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | เดินทางสู่เขตพื้นที่การผลิตไวน์อีกแห่งหนึ่ง แซ็ง-เตมีลียง Saint-Emilion นับเป็นเขตพื้นที่ที่เก่าแก่ที่สุดของแคว้น ซี่งองค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนเป็นเขตมรดกโลกในปี 1999 ในฐานะที่เป็นตัวอย่างที่โดดเด่นของภูมิทัศน์ ไร่องุ่นประวัติศาสตร์ ที่รักษาสภาพที่สวยงามจากอดีตถึงปัจจุบัน และยังคงทำการเพาะปลูกองุ่นที่ยังคงรักษาคุณภาพองุ่น เพื่อเป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตไวน์ในภูมิภาคไว้ได้เป็นอย่างดี โดยมีการกำหนดมาตรฐานการผลิต และการตรวจสอบคุณภาพอย่างเคร่งครัด จากอดีตจนถึงปัจจุบันไวน์ แซ็งเตมีลียง ได้รับการยกย่องว่าเป็นไวน์ที่มีคุณภาพเป็นเลิศ มีรสชาตินุ่มนวล สีสันสดใส และบ่มได้คุณภาพมากที่สุดของบอร์โด ถึงแม้ว่าจะมีการผลิตได้เป็นจำนวนน้อยแต่คุณภาพที่ได้นั้นกลับตรงกันข้าม ชมเขตไร่องุ่น Pomerol เขตพื้นที่การทำไร่องุ่นที่เล็กที่สุดในเมืองบอร์โด ด้วยเนื้อที่การทำไร่องุ่นเพียง 5,000 ไร่ นำท่านชมขั้นตอนการผลิตไวน์ และ wine tasting ที่มีการผสมจากพันธุ์องุ่นถึง 3 ชนิดได้แก่ Merlot 75%, Cabernet Franc 18% และ Cabernet Sauvignon 7% ในเขตนี้มีไวน์ระดับโลกผลิตที่นี่ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | Mercure Bordeaux Center Ville **** หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน |
วันที่ 7 | บอร์โดซ์ - การ์กัสซอน - มงต์เปลิเย่ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม เดินทางสู่เมืองการ์กาซอนในแคว้นล็องก์ดอค-รูซียง Languedoc-Roussillon มีที่ราบสูง Massif Central และเทือกเขาปีเรเน่เป็นฉากหลัง มีแสงแดดอันอบอุ่นเกือบตลอดปี เส้นทางสายวัฒนธรรมที่สืบสานมาตั้งแต่ครั้งก่อนประวัติศาสตร์ จนถึงยุคโรมันที่จะเห็นได้จากร่องรอยของกำแพงเมือง และป้อมปราการอันแข็งแกร่งในยุคกลาง |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | เที่ยวเมืองเก่า ป้อมปราการแห่งการ์กาซอน เมืองมรดกโลก ฝั่ง Citadel และอีกด้านคือ Bastida de San Luis ซึ่งเป็นส่วนล่างและใหม่ล่าสุดของเมือง ทั้งสองเชื่อมต่อกันด้วย Old Bridge Citadel เป็นอัญมณีในมงกุฎของ Carcassonne อาคารประวัติศาสตร์และส่วนที่สวยงามที่สุด มีกำแพงสองชั้นมีความยาว 3 กิโลเมตร หอคอยมากถึง 52 แห่ง ตำนานพื้นบ้านกล่าวกันว่าหลังจากประมุขของปราสาทชื่อ “การ์กัส” สามารถยุติการล้อมเมืองได้ก็ทำการลั่นระฆังเพื่อเป็นการเฉลิมฉลอง “Carcas sona” แต่การสร้างเป็นประติมากรรมฟื้นฟูกอธิคบนประตูนาร์บอนเป็นของใหม่ ป้อมปราการที่บูรณปฏิสังขรณ์ใหม่หมดในปี ค.ศ. 1853 โดยสถาปนิกเออแฌน วียอเล-เลอ-ดุ๊กได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1997 เดินทางสู่ เมืองมงต์เปลิเย่ เป็นที่ตั้งของสวนพฤกษศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดในฝรั่งเศส และยังเป็นเมืองของมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ เมืองนี้จึงต่างจากเมืองยุคกลางทั่วไปในฝรั่งเศส สังเกตเห็นอิทธิพลของสเปนที่มีต่อสถาปัตยกรรมในเมือง Place de la Comédie จัตุรัสกลางซึ่งอยู่ติดกับโรงอุปรากรยิ่งใหญ่ ย่านที่ปรับปรุงใหม่ของเมือง คือ Antigone ระหว่างปี 1979 ถึงปี 2000 พื้นที่บริเวณนี้ได้รับการพัฒนาใหม่ทั้งหมดโดยสถาปนิกชื่อก้อง Ricardo Bofill จากคาตาโลเนีย บนทางเดิน Esplanade de l’Europe ที่ทอดตัวโค้งเลียบแม่น้ำ Lez |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | Pullman La Pleiade Montpellier Center **** หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน |
วันที่ 8 | มงต์เปลิเย่ – หมู่บ้านกอร์ด - วาลองซอล - ทุ่งลาเวนเดอร์ - เอ็กซ์ ออง โปรวองซ์ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม เดินทางสู่แคว้นโปรวองซ์ นำชมหมู่บ้านที่สวยที่สุดในโปรวองซ์ ที่ศิลปินชื่อดังแวนโก๊ะห์ (Van Gogh) ยังหลงใหลและใช้ชีวิตผลิตงานศิลปะที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก หมู่บ้านกอร์ด (Gordes) เมืองเก่าแก่ที่มากด้วยเสน่ห์น่าหลงใหลเป็นอีกเมืองที่ตั้งอยู่บนยอดเขาในแถบเทือกเขา Luberon บันทึกภาพจากจุดชมวิวที่มองเห็นหมู่บ้านในมุมที่สวยที่สุด นำท่านเยี่ยมชมโบสถ์แอ็บบีเดอซีนอคค์ (Abbaye de Senanque) ที่มีทุ่งดอกลาเวนเดอร์สีม่วง ปลูกเป็นแปลงสวยงามอยู่ด้านหน้า ซึ่งทุ่งดอกลาเวนเดอร์แห่งนี้จะบานสะพรั่งตั้งแต่เดือนมิถุนายน ไปจนถึงวันที่ 14 กรกฎาคม ซึ่งทั้งหมดจะถูกเก็บเกี่ยวในวันชาติของประเทศฝรั่งเศส มีเวลาให้ท่านได้เก็บภาพประทับใจ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | เดินทางสู่เมือง Valensole เส้นทางทุ่งลาเวนเดอร์ ซึ่งเป็นไฮไลท์ของทริปนี้ เมืองนี้มีทุ่งลาเวนเดอร์ที่สวยงามและกว้างใหญ่ที่สุดในฝรั่งเศส คำว่า “ลาเวนเดอร์” มีที่มาจากภาษาลาติน คือ “Lavare” หมายถึง ชำระล้าง ซึ่งคนสมัยก่อนก็นิยมใช้พืชหอมสารพัดประโยชน์ชนิดนี้กันอย่างแพร่หลาย ในช่วงที่มีโรคติดต่อระบาดในกลุ่มชาวเปอร์เซียน กรีก และโรมัน พวกเขาจะนำกิ่งของดอกลาเวนเดอร์มาเผา เพื่อป้องกันโรคติดต่อระบาด ในช่วงต้นศตวรรษที่ประเทศฝรั่งเศส หญิงรับจ้างซักผ้า ก็ยังใช้ดอกลาเวนเดอร์แช่ไว้ในอ่างอาบน้ำ พวกเขาจะวางดอกลาเวนเดอร์ไว้ในตะกร้าผ้า และตามตู้เสื้อผ้า เพื่อให้ผ้าลินินมีกลิ่นหอมกรุ่น และยังช่วยป้องกันมดแมลงต่างๆ ได้อีกด้วย เดินทางต่อสู่เมือง เอ็กซองโพรวองซ์ Aix-en-Provence ในอดีตเคยมีฐานะเป็นถึงเมืองหลวงของแคว้นโพรวองซ์ เป็นศูนย์ กลางของอำนาจ ปัจจุบันเป็นเมืองมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของประเทศฝรั่งเศส ที่มีความเก่าแก่ถึง 600 ปี ถนนมิราโบ le cour Mirabeau เป็นที่ตั้งของร้านค้าหรูและร้านกาแฟสไตล์ฝรั่งเศส เมืองนี้โด่งดังจากภาพวาดภูเขาแซงก์ วิกตัวร์ Saint Victoire ที่มีชื่อเสียงในด้านความงดงามของภูมิทัศน์ ผลงานของศิลปินชื่อก้องโลก ปอล เซซาน Paul Cézanne ที่มีถิ่นกำเนิดในเมืองนี้ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | Golden Tulip Aix En Provence **** หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน |
วันที่ 9 | เอ็กซ์ ออง โปรวองซ์ - กราซ – คานส์ - นีซ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม เดินทางสู่เมืองกราซ (Grasse) หรือที่รู้จักกันในนาม “เมืองหลวงแห่งโลกน้ำหอม” การผลิตน้ำหอมทั้งหลายส่วนใหญ่เริ่มต้นที่นี่โรงงานผลิตน้ำหอมที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เปิดให้ท่านได้ชมเรื่องราวและขั้นตอนการผลิต แวะเที่ยวชมเมืองคานส์ เมืองแห่งเทศกาลหนังนานาชาติที่จัดขึ้นประมาณเดือนพฤษภาคมของทุกปี หากใครที่คลั่งไคล้ดาราแล้วละก็พลาดไม่ได้ที่กับการวัดรอยมือดาราคนโปรดที่หน้าปาเล่ เด เฟสติวาล (Palais des Festivals) ที่เหล่าดาราชื่อดังทั้งหลายได้ประทับรอยมือไว้ให้เป็นที่ระลึก เมืองคานส์ยังเต็มไปด้วยโรงแรมหรูหราริมชายหาดริเวียร่า และถนนที่ทอดยาวริมชายหาดที่เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าลาโพรมานาด เดอ ลา ครัวเซท (La Promenade de la Croisette) นอกจากนี้ยังมีท่าจอดเรือยอร์ชลำงาม ๆ ของบรรดามหาเศรษฐีทั้งหลายด้วย |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | เดินทางสู่เมืองนีซ (Nice) มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าของประเทศฝรั่งเศสในแคว้นที่ชื่อว่า โพรวองซ์-แอลป์-โกต-ดาซูร์ (Provence-Alpes-Côte d'Azur) ริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีชายหาดหินที่สวยงาม เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่จะมาเดินกันอยู่ที่ถนนเลียบชาย หาดลา-พรอมมินาด-เด-ซองเกส (La Promenade des Anglais) เขตย่านเมืองเก่า จัดได้ว่าเป็นเมืองที่น่าเดินชมบรรยากาศแบบชาวโพรวองซ์เป็นอย่างยิ่ง |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | Crowne Plaza Nice - Grand Arenas**** หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน |
วันที่ 10 | นีซ - ราชรัฐโมนาโก - มองติ กาโล - มิลาน |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าที่โรงแรม นำท่านเดินทาง เลาะเลียบเมืองริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ที่มีชายหาดริเวียร่าที่โด่งดัง เป็นทั้งเมืองตากอากาศทางตอนเหนือของอิตาลีและทางใต้ของฝรั่งเศส ที่มีราชรัฐโมนาโก หรือ ไมอามี่แห่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน หลังจากการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย ทำให้เมืองมอนเตกาโล (Monte-CarLo) กลายเป็นเมืองหลวงแห่งการพนันของยุโรป เป็นที่ชื่นชอบของเหล่าบรรดาเศรษฐีนิยมมาท่องเที่ยวและพักผ่อน นำคณะเที่ยวชมโมนาโก เมืองที่ตั้งอยู่ท่ามกลางท้องทะเลสวย, หมู่ตึกระฟ้า, และทิวเขาอันงดงาม ผ่านชมมหาวิหารที่เคยใช้จัดงาน พระราชพิธีอภิเษกสมรสของเจ้าหญิงเกรซ-เคลลี แห่งโมนาโค สตรีผู้สูงศักดิ์ที่ชีวิตเปรียบเสมือนเทพนิยาย จากหญิงสาวธรรมดาที่โชคชะตาพลิกผันให้เป็นเจ้าหญิงในราชวัง วันนี้เธอเป็นตำนานที่ไม่ใช่เพียงเจ้าหญิงผู้เลอโฉม ถ่ายรูปกับ ปาเล เดอ แปรงซ์ (Palais De Princes) ปราสาทที่ประทับของเจ้าชายแห่งรัฐ สร้างขึ้นบนส่วนที่เป็นเดอะร็อก ท่ามกลางทิวทัศน์อันงดงาม |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | เที่ยวชมมองเต-กาโล วิวทิวทัศน์ที่ขนาบด้วยท่าเรือสองแห่งคือ Port De Fontvieille และ Port Hercule ท่าจอดเรือยอร์ชอันหรูหรา แสดงถึงความมั่งคั่งและร่ำรวยของดินแดนแห่งนี้ อิสระให้ท่านเดินเล่นชมความหรูหราและงดงามของมองเต-กาโล ตกแต่งด้วยสวนดอกไม้หน้าคาสิโน 2 แห่ง รถยนต์หรูระดับซุปเปอร์คาร์จอดเรียงราย เดินทางสู่เมือง มิลาน สาธารณรัฐอิตาลี |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | Starhotels Tourist **** หรือเทียบเท่าในระดับเดียวกัน |
วันที่ 11 | มิลาน |
10.00 น. | นำท่านเดินทางสู่สนามบินเพื่อเตรียมเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ |
12.30 น. | ออกเดินทางกลับสู่กรุงเทพฯ โดย สายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG931 |
วันที่ 12 | เดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ |
06.00 น. | นำท่านเดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ |