วันที่ 1 | กรุงเทพฯ (สนามบินสุวรรณภูมิ) – ฮ่องกง – อูลันบาตาร์ |
08.00 น. | พร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 สายการบินเมียท มองโกเลียน แอร์ไลน์ (Miat Mongolian Airlines) แถว G ประตู 4 พร้อมเจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกในการเช็คอินด้านสัมภาระและเอกสารให้กับท่าน |
11.00 น. | เหินฟ้าสู่ เขตฮ่องกง โดยสายการบินเมียท มองโกเลียน แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ OM5638 (11.00-15.00) (ใช้เวลาบิน 3 ชั่วโมง) (มีอาหารบริการบนเครื่อง) |
15.00 น. | เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติฮ่องกง เขตบริหารพิเศษฮ่องกง จากนั้นรอเปลี่ยนเครื่องเพื่อเดินทางต่อไปเมืองอูลันบาตาร์ |
18.30 น. | เหินฟ้าสู่ เมืองอูลันบาตาร์ ประเทศมองโกเลีย โดย สายการบินเมียท มองโกเลียน แอร์ไลน์ เที่ยวบินที่ OM298 (18.30-23.10) (ใช้เวลาบิน 4 ชั่วโมง 40 นาที) (มีอาหารบริการบนเครื่อง) |
23.10 น. | เดินทางถึงสนามบินเจงกิสข่านอินเตอร์เนชั่นแนล เมืองอูลันบาตาร์ ตามเวลาท้องถิ่น (เวลาท้องถิ่นที่อูลันบาตาร์เร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง) หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและรับกระเป๋าสัมภาระแล้ว เดินทางมุ่งหน้าสู่โรงแรมที่พัก |
ที่พัก | Best Western Premier Tuushin Hotel 5* หรือเทียบเท่า |
วันที่ 2 | อูลันบาตาร์ (Ulaanbaatar) |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม เริ่มเปิดประสบการณ์ใหม่บนดินแดนของมหาบุรุษเจงกิสข่าน นำท่านชม พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์แห่งชาติ (National History Museum) สถานที่เก็บรวบรวมสิ่งของวัตถุโบราณต่างๆ และหลักฐานทางประวัติศาสตร์ในยุคต่างๆ ของชาติพันธุ์มองโกเลียที่บ่งบอกถึงเรื่องราวความเป็นอยู่ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของประเทศชาติ ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมต่างๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นได้จากเครื่องเล่น เครื่องดนตรี และเครื่องแต่งกายที่จัดแสดงไว้ รวมถึงสิ่งที่น่าสนใจมากที่สุดท่านไม่ควรพลาดชมในพิพิธภัณฑ์คือมุมเรื่องราวของอดีตจักรพรรดิเจงกิสข่าน ซึ่งจัดแสดงไว้ให้เรียนรู้และเข้าใจง่ายเป็นอย่างดี |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน |
บ่าย | นำชม เมืองอูลันบาตาร์ เมืองหลวงยุคใหม่ของประเทศมองโกเลียที่ถูกสถาปนาให้เป็นศูนย์กลางทั้งทางด้านการเมืองการปกครองและด้านพุทธศาสนา เมืองแห่งนี้ตั้งอยู่ในระดับความสูง 1,310 เมตรจากระดับน้ำทะเล มีแม่น้ำทูล ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักที่สำคัญไหลผ่านเมือง นำชมเมืองอูลันบาตาร์ ณ จุดชมวิวที่ อนุสรณ์สถานแห่งการต่อสู้ ไซซาน (Zaisan Memorial Hill) ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงทหารที่เสียชีวิตในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ข้างบนเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองอูลันบาตาร์ได้ทั้งเมืองอย่างสวยงาม เดินทางต่อไปชม จัตุรัสซุคบาทาร์ (Sukhbaatar Square) จัตุรัสใหญ่ใจกลางเมืองหลวงเป็นเสมือนศูนย์กลางของมองโกเลีย ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นของซุคบาทาร์ ผู้ประกาศอิสรภาพแก่มองโกเลียในปีค.ศ. 1921 ปิดท้ายวันด้วยการพาชม การแสดงพื้นบ้านของชาวมองโกเลีย เป็นการแสดงนาฎศิลป์ดนตรีและการเต้นรำ ขับร้อง การแสดงพื้นเมือง และการแสดงยิมนาสติกที่หาชมได้ยาก |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ |
ที่พัก | พัก Best Western Premier Tuushin Hotel 5* หรือเทียบเท่า (คืนนี้เตรียมเสื้อผ้าเพื่อไปพักค้างคืนในกระโจมในวันพรุ่งนี้ 1 คืน) |
วันที่ 3 | อูลันบาตาร์ – อุทยานแห่งชาติเทอเรลจ์ (Terelj National Park) |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ เทอเรลจ์ อุทยานแห่งชาติที่มีชื่ออีกแห่งหนึ่ง ชมหินเต่าและหินที่มีรูปร่างแปลกตาตลอดจนถ้ำลึกลับ ท่านสามารถเดินชมธรรมชาติ สูดอากาศบริสุทธิ์เสมือนราวกับว่ากำลังเดินอยู่บนเส้นทางแสนสวยงามปูพรมด้วยดอกไม้สีขาวสะอาดตา (หากเป็นฤดูหนาวช่วงเดือนตุลาคม-เมษายนจะเต็มไปด้วยหิมะขาวโพลน) ระหว่างทางนำท่านแวะถ่ายรูปกับเหยี่ยวที่ชาวมองโกเลียนำมาฝึกในการล่าสัตว์ขนาดเล็กเป็นอาหาร |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน |
บ่าย | นำท่านขี่ม้ามองโกล สู่ลานเทียบม้า จากนั้นเดินเท้าต่อสู่ยอดเขาเพื่อชม วัดแห่งการปฏิบัติสมาธิบนยอดเขา (Aryabal Monastery) ระหว่างทางเดินขึ้นท่านจะได้ข้อคิดทางธรรมตลอดเส้นทาง เมื่อเดินขึ้นจนถึงยอดเขาบริเวณวัด ท่านจะสามารถชมวิวทิวทัศน์จากด้านบนที่สวยงามของธรรมชาติและทิวเขาที่รายรอบ นำท่านแวะเยี่ยมชมความเป็นอยู่ของครอบครัวชนเผ่าเร่ร่อนที่เลี้ยงม้าและวัวเพื่อดำรงชีพในทุ่งกว้าง |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ |
ที่พัก | Deluxe Tourist Ger Camp เพื่อพักผ่อนตามอัธยาศัย |
วันที่ 4 | อุทยานแห่งชาติเทอเรลจ์ – อูลันบาตาร์ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของกระโจม ได้เวลาพอสมควร นำท่านเดินทางกลับสู่เมืองอูลันบาตาร์ ระหว่างทางแวะชม อนุสาวรีย์เจงกิสข่านนักรบบนหลังม้า (Chinggis Khaan Statue) ตั้งสง่าอยู่อย่างโดดเด่น ภายในอาคารคอมเพล็กซ์ใต้อนุสาวรีย์เป็นที่จัดแสดงเรื่องราวและอัตชีวประวัติของเจงกิสข่านไว้อย่างน่าสนใจ อีกทั้งท่านสามารถขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์โดยรอบในบริเวณด้านบนของอนุสาวรีย์พร้อมถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับมหาบุรุษเจงกิสข่านในระยะใกล้ |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน |
บ่าย | นำท่านชม พระราชวังฤดูหนาวของข่านโบกด์ (Winter Palace of Bogd Khaan) เป็นพระราชวังของข่าน องค์สุดท้ายแห่งมองโกเลียที่ไม่ถูกทำลายลงโดยรัสเซีย ปัจจุบันถูกใช้เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงสิ่งล้ำค่าต่างๆ อาทิเช่น เครื่องราชบรรณาการที่ถูกส่งมาจากประเทศต่างๆ และพระพุทธรูปแนววัชรยานหลากหลายองค์ เป็นต้น นำท่านไปชม แหล่งผลิตสินค้าที่สร้างชื่อเสียงให้แก่มองโกเลียในตลาดส่งออกต่างประเทศ คือ ผลิตภัณฑ์จากแคชเมียร์ ที่นักท่องเที่ยวนิยมซื้อหาเป็นของที่ระลึก โดยพาแวะที่ร้านค้าปลีกของโรงงาน Gobi Cashmere Factory Shop |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ |
ที่พัก | Best Western Premier Tuushin Hotel 5* หรือเทียบเท่า |
วันที่ 5 | อูลันบาตาร์ – รถไฟสายทรานส์มองโกเลีย |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำชม วัดกานดาน (Gandan Monastery) ซึ่งเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดของประเทศและถือว่าเป็นวัดสำคัญของเมือง อูลันบาตาร์ ศูนย์รวมจิตใจของชาวพุทธในประเทศมองโกเลีย สร้างโดยท่านข่านโบกด์ในปี ค.ศ.1835 ภายในวิหารใหญ่เป็นที่ประดิษฐานองค์พระอวโลกิเตศวรซึ่งสูงถึง 26.5 เมตร อันเป็นที่ศรัทธาของชาวพุทธอย่างมาก |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน อิสระให้ท่านช้อปปิ้งก่อนเดินทางสู่สถานีรถไฟ |
13.45 น. | นำท่านเดินทางสู่สถานีรถไฟอูลันบาตาร์ เพื่อเช็คอินขึ้นรถไฟ |
15.22 น. | รถไฟด่วนขบวนที่ 305 สายทรานส์ไซบีเรีย ออกเดินทางจากสถานีอูลันบาตาร์มุ่งหน้าสู่เมืองเอียร์คุตสก์ ประเทศรัสเซีย ขบวนนี้เป็นรถด่วนที่จะไม่จอดสถานีย่อยระหว่างอูลันบาตาร์และเอียร์คุตสก์ (15.22-14.37+1) แต่จะจอดเฉพาะสถานีหลักๆเท่านั้น รถไฟจะแล่นผ่าน เมืองดาร์คกัน (Darkhan) ที่เป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ จากนั้นขบวนรถไฟแล่นต่อ ไปยัง เมืองซุคบาทาร์ (Sukhbaatar) ตั้งอยู่ห่างจากอูลันบาตาร์ประมาณ 379 กิโลเมตร ซึ่งเป็นเมืองชายแดนของมองโกเลียที่คณะต้องผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง ณ บริเวณเขตชายแดนระหว่างประเทศมองโกเลียและรัสเซีย (ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงในการผ่านขั้นตอนการตรวจเช็ค) จากนั้นรถไฟแล่นเข้าพรมแดนของประเทศรัสเซียสู่ เมืองเนาชกิ (Naushki) ซึ่งเป็นเมืองชายแดนของรัสเซีย ขบวนรถไฟเคลื่อนต่อไปแล่นเข้าสู่ เมืองอูลันอูเด (Ulan Ude) ตั้งอยู่ห่างจากเมืองเนาชกิประมาณ 245 กิโลเมตร เป็นเมืองชุมทางรถไฟสำคัญที่รถไฟสายทรานส์มองโกเลียจะแยกจากสายทรานส์ไซบีเรีย ชาวเมืองอูลันอูเดเป็นชาวพื้นเมืองสืบเชื้อสายมาจากเผ่าพันธุ์มองโกล คือ ชาวบูเรียต ซึ่งเข้ามาตั้งถิ่นฐานในบริเวณแถบนี้ตั้งแต่ก่อนช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 13 ชาวบูเรียตนับถือพุทธศาสนานิกายทิเบต จึงมีวัดพุทธที่เป็นศูนย์กลางทางศาสนาในรัสเซียคือวัดอิโวลกินสก์ ดาซาน (Ivolginsk Datsan) ตั้งอยู่ในเมืองนี้ด้วย หมายเหตุ : การเดินทางสู่ชายแดน ก่อนถึงด่านชายแดนมองโกเลีย-รัสเซีย ประมาณ 30-45 นาที รถไฟจะปิดประตูห้องน้ำ กรุณาทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนถึงด่าน ที่ด่านดังกล่าวรถไฟจะจอดประมาณ 3 ชั่วโมง เพื่อทำการตรวจคนเข้าเมือง ตรวจสินค้าขนส่งระหว่างประเทศ บรรยากาศการตรวจค้นเป็นไปอย่างเข้มงวด |
เย็น | รับประทานอาหารเย็นบนรถไฟ ค่ำคืนนี้นอนบนรถไฟ เชิญท่านพักผ่อนอย่างอิสระตามอัธยาศัย (ระยะทางจากสถานีต้นทางอูลันบาตาร์ถึงสถานีปลายทางเอียร์คุตสก์ รวม 1,113 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางรวม 23 ชั่วโมง 15 นาที) |
วันที่ 6 | ทรานส์ไซบีเรีย – เอียร์คุตสก์ – หมู่บ้านลิสเวียนกา |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าบนรถไฟ เส้นทางทรานส์ไซบีเรีย เมื่อฟ้าสางท่านจะเห็นวิวทิวทัศน์ของหมู่บ้านของชาวไซบีเรียเกาะกลุ่มอยู่เป็นระยะๆ บ้านไม้ทาสี หน้าต่างหลากสีสัน ระยะทางจากอูลันอูเดไปเอียร์คุตสก์เป็นช่วงที่ทิวทัศน์สองข้างทางสวยงาม รถไฟจะวิ่งเลียบไปตามชายฝั่งตอนใต้ตามโค้งของทะเลสาบไบคาล ผ่านแนวเนินเขาสูงต่ำสลับไปมา จะเห็นผืนน้ำสีฟ้าในทะเลสาบกับฉากแนวป่าสนสีเขียว แต่ในช่วงฤดูหนาวพื้นน้ำจะกลายเป็นน้ำแข็ง ป่าสนจะถูกปกคลุมด้วยหิมะ ดูเป็นสีขาวโพลนไปทั่วบริเวณ ความงดงามประดุจภาพที่วาดไว้อย่างวิจิตรบรรจงดั่งนี้เอง จึงถูกกล่าวขานว่าเป็น “โค้งทองแห่งเส้นทางเอกไซบีเรีย” |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวันบนรถไฟ |
13.50 น. | กรุณาเตรียมเก็บสัมภาระเพื่อเตรียมตัวลงจากรถไฟ |
14.37 น. | รถไฟจอดสถานีเอียร์คุตสก์ (Irkutsk) ตามเวลาท้องถิ่น (เวลาท้องถิ่นที่เอียร์คุตส์ช้ากว่ามองโกเลีย 1 ชั่วโมง และเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง) เอียร์คุตสก์ เมืองที่สำคัญที่สุดในเขตไซบีเรียตอนใต้ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของทะเลสาบไบคาล เป็นศูนย์การติดต่อค้าขายระหว่างรัสเซียตะวันออก จีน มองโกเลียและทิเบต อีกทั้งเป็นประตูหน้าด่านที่จะไปยังทะเลสาบไบคาล จากนั้นนำท่านเดินทางโดยรถยนต์สู่ ทะเลสาบไบคาล (Baikal Lake) ทะเลสาบน้ำจืดที่ลึกที่สุดในโลก (ลึกกว่า 1,637 เมตร) และเก่าแก่มากที่สุดในโลกโดยมีอายุถึง 25-30 ล้านปี ทะเลไบคาลได้รับสมญานามว่าเป็น “ไข่มุกแห่งไซบีเรีย” หรือ “ดวงตาสีฟ้าแห่งไซบีเรีย” ความสวยงามของวิวทิวทัศน์ที่รื่นรมย์ ทำให้องค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนให้ทะเลสาบไบคาลเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1996 ทะเลสาบแห่งนี้อยู่ห่างจากเมืองเอียร์คุตสก์ประมาณ 65 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 1 ชั่วโมง เดินทางต่อสู่ หมู่บ้านลิสเวียนกา (Listvyanka Village) ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่หุบเขาริมทะเลสาบไบคาล ภายในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้มีกระท่อมไม้สร้างในรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบไซบีเรียที่สวยงามด้วยสีสันสดใส มักนิยมทาด้วยสีเขียวหรือสีฟ้าสดใสตัดด้วยสีขาว กรอบประตูหน้าต่างและชายคาแต่งลวดลายด้วยไม้แกะสลักฉลุลาย ให้บรรยากาศแบบสบายๆ สไตล์เมืองชนบทที่เต็มไปด้วยอากาศบริสุทธิ์สดชื่น |
เย็น | รับประทานอาหารเย็น |
ที่พัก | Anastasia Hotel 4* หรือเทียบเท่า |
วันที่ 7 | ลิสเวียนกา – พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมไม้ – พิพิธภัณท์แห่งทะเลสาบไบคาล |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเดินทางไปชม พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมไม้ (Museum of Wooden Architecture Taltsy”) พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่กลางแจ้งและจัดแสดงอาคารบ้านเรือนเก่าที่เป็นเอกลักษณ์ชนเผ่าดั้งเดิม 4 เผ่า ภายในแสดงถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวไซบีเรียชนบทในสมัยก่อน โดยจะมีโบสถ์ไม้ โรงเรียน บ้านเรือน ฟาร์ม คอกสัตว์ และอื่นๆ เดินทางกลับสู่หมู่บ้านลิสเวียนกา เพื่อไปชม ก้อนหินหมอผี (Shaman Rock) ตำนานต้นกำเนิดของแม่น้ำแองการ่า (Angara River) ปากแม่น้ำที่กว้างที่สุดในโลก (มีความกว้าง 863 เมตร ลึก 4-6 เมตร) กลางแม่น้ำแองการ่ามีก้อนหินที่มีตำนานกล่าวไว้ว่า ไบคาลโยนหินก้อนใหญ่นี้เพื่อขัดขวางลูกสาวนามว่า แองการ่าที่วิ่งออกไปหาคนรัก เยนิสเซ่ (Enisey หรือ แม่น้ำไซบีเรีย) คนโบราณเชื่อว่าตรงที่ก้อนหินนั้นตั้งอยู่เป็นสถานที่ทำพิธีกรรมของหมอผี ก้อนหินนี้จะมีพลังมหัศจรรย์และเชื่อว่าที่นี่คือบ้านของพระเจ้าแองการ่า ผู้คนยังใช้สถานที่แห่งนี้ในการตัดสินการกระทำผิดของอาชญากร โดยทิ้งผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นอาชญากรไว้ที่บริเวณก้อนหินนี้ในค่ำคืนที่มีพายุกระหน่ำรุนแรงท่ามกลางความหนาวเย็น หากเขาสามารถรอดพ้นจากความกลัวและการถูกแม่น้ำพัดพาและไม่หนาวตายเสียก่อน ชาวบ้านจะถือว่าเขานั้นได้รับการให้อภัย |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน |
บ่าย | นำชม พิพิธภัณท์แห่งทะเลสาบไบคาล (Baikal Museum) ซึ่งเป็นพิพิธภัณท์ขนาดเล็กที่จัดแสดงสัตว์บกและสัตว์น้ำสายพันธุ์ที่พบเห็นได้ในแถบไบคาลและไซบีเรีย และความเป็นมาของทะเลสาบไบคาล จากนั้นนำท่านขึ้นเคเบิ้ลคาร์สู่ ยอดเขาเชอร์สโคโก้ (Cherskogo Peak) ที่ตั้งอยู่ในระดับความสูง 2,000 เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นจุดชมวิวทะเลสาบไบคาลและแหล่งต้นน้ำของแม่น้ำแองการ่า ในช่วงฤดูหนาวที่นี่ยังเป็นสถานที่เล่นสกีของชาวไซบีเรียอีกด้วย นำท่านชม โบสถ์เซ็นต์นิโคลัส (St. Nicholas Church) ซึ่งอยู่ทางทิศใต้ของหมู่บ้านลิสเวียนกา ภายในมีการตกแต่งอย่างเป็นธรรมชาติซึ่งจะแตกต่างจากโบสถ์แบบรัสเชียนออโธด็อกซ์ทั่วไป พร้อมรับฟังตำนานเรื่องเล่าความเป็นมาของการสร้างโบสถ์หลังนี้ที่น่าอัศจรรย์ใจ นำท่านเดินไปชม Retro Park สวนสวยสไตล์เรโทรของครอบครัว Ospisov ที่รวบรวมรถโบราณหายากทั้งสมัยยุคโซเวียตและรถเก่าแก่ของอเมริกา ที่ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์นัก แต่ก็จัดว่าเป็นรุ่นที่หาดูได้ยาก และในบริเวณเดียวกันนั้นท่านจะได้พบกับคนส่งนม นายสถานี คุณผู้หญิงกับสุนัข และอีกหลากหลายชิ้นงาน ประติมากรรมที่ดัดแปลงจากเหล็ก ให้กลายเป็นงานศิลปะที่ทั้งประหลาดและน่ารัก |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ |
ที่พัก | Anastasia Hotel 4* หรือเทียบเท่า |
วันที่ 8 | ทะเลสาบไบคาล - พิพิธภัณฑ์แมวนํ้า (Nerpinarium) - เอียร์คุตสก์ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม หลังอาหารเช้า เชิญท่านเดินเล่นเลียบทางริมทะเลสาบ ชมทัศนียภาพของทะเลสาบที่สวยงามยามเช้า นำท่าน ล่องเรือชมทะเลสาบไบคาล ชมทัศนียภาพโดยรอบตามแนวขอบเกาะแก่งของทะเลสาบ สัมผัสกับไอเย็นของน้ำในทะเลสาบที่ต่ำกว่า 15 องศาตลอดปี นําท่านชม พิพิธภัณฑ์แมวนํ้า (Nerpinarium) ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 2004 ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม ทั้งในหมู่ชาวเมืองเอียร์คุตสก์และนักท่องเที่ยวจากที่ต่างๆ ชมการแสดงโชว์ของแมวน้ำไบคาลหรือเนอรป์า (Nerpa) แมวนํ้าที่ตัวเล็กที่สุดในสายพันธุ์ พบเฉพาะในเอียร์คุตสก์เท่านั้น แมวน้ำไบคาลหรือเนอรป์ามีการเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว ฉลาด แสนรู้ และอายุยืนยาวถึง 60 ปี พบกับความน่ารักของแมวน้ำเนอร์ปากับความสามารถทางด้านศิลปะ (วาดรูป) นำท่านชม ตลาดขายปลาและขายของที่ระลึก (Fish & Souvenir Market) ที่ตั้งอยู่ในบริเวณริมทะเลสาบ หากมาที่นี่ต้องลิ้มลองปลาโอมุล ซึ่งหาได้ง่ายเฉพาะในทะเลสาบไบคาล มีแผงร้านค้าของบรรดาพ่อค้าแม่ค้านำมาย่างขายให้เลือกซื้อหารับประทานอยู่มากมาย |
กลางวัน | ได้เวลาพอสมควร เดินทางกลับสู่ เมืองเอียร์คุตสก์ (Irkutsk) เมืองเอกแห่งเขตรัสเซียตะวันออก เป็นศูนย์กลางทั้งด้านการค้าและการบริหารปกครองที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1651 นั่งรถผ่านชมตัวเมืองที่มีความงดงามทางด้านสถาปัตยกรรมของตัวอาคารเก่า บ้านเรือนไม้ โบสถ์ วิหาร ที่ตกแต่งประดับประดาขอบประตู หน้าต่าง หน้าบันได ตลอดจนผนังและส่วนต่างๆ ของอาคารในรูปแบบของงานไม้แกะสลักฉลุลวดลายสวยงามตามแบบฉบับไซบีเรีย เป็นหนึ่งในเมืองที่ทรงคุณค่าในด้านการอนุรักษ์มรดกทางศิลปะวัฒนธรรมของไซบีเรีย สมกับที่ได้รับฉายานามว่า “ปารีสแห่งไซบีเรีย” จากนั้นนำชม บ้านกบฎเดือนธันวาคม (Decembrist Museum) ปัจจุบันถูกจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงเรื่องราวของเจ้าของบ้านและภรรยาที่ติดตามสามีที่ถูกเนรเทศมาอยู่ที่ดินแดนไซบีเรียอันไกลโพ้นแห่งนี้ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ |
ที่พัก | Courtyard Marriott Hotel 4* หรือเทียบเท่า |
วันที่ 9 | เอียร์คุตสก์ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านชม เมืองเอียร์คุตสก์ อาทิ คริสตจักรของพระผู้ช่วย (Church of the Saviour: Spasskaya) หนึ่งในโบสถ์ที่สวยที่สุดตั้งอยู่ในใจกลางเมืองแห่งประวัติศาสตร์ของเอียร์คุตสก์ โครงสร้างเป็นอาคารหินเก่าแก่ที่สุดที่มีอยู่ในปัจจุบัน การก่อสร้างเริ่มในปีค.ศ. 1706 ด้านขวามีป้อมที่ทำจากไม้มีหอระฆังที่มีความสูง 42 เมตร |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน |
บ่าย | ผ่านชมย่าน คีรอฟสแควร์ (Kirov Square) ย่านการค้าสำคัญของภูมิภาค ชมตลาดท้องถิ่นและสวนสาธารณะ ชม อนุสาวรีย์เปลวไฟนิรันดร์ บริเวณริมแม่น้ำแองการ่า ชมป้อมไม้ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ป้องกันสัตว์ป่า และใช้เป็นที่เก็บข้าวของ ทองคำ เงินและสิ่งทอจากการค้าในอดีต |
เย็น | รับประทานอาหารเย็น |
21.00 น. | เดินทางสู่สนามบินเอียร์คุตสก์ เพื่อเตรียมตัวเช็คอินสำหรับเที่ยวบินภายในประเทศ |
วันที่ 10 | เอียร์คุตสก์ – เมืองวลาดิวอสต็อก |
00.45 น. | เหินฟ้าสู่ เมืองวลาดิวอสต็อก โดยสายการบิน S7 airlines เที่ยวบินที่ S7-6339 (00.45-06.45) (ใช้เวลาบิน 4 ชั่วโมง) |
06.45 น. | เดินทางถึง สนามบินวลาดิวอสต็อก ตามเวลาท้องถิ่น (เวลาท้องถิ่นที่วลาดิวอสต็อกเร็วกว่าเวลาที่เอียร์คุตสก์ 2 ชั่วโมง และเร็วกว่าเวลาที่ประเทศไทย 3 ชั่วโมง) หลังจากรับกระเป๋าสัมภาระเรียบร้อยแล้ว นำท่านเดินทางมุ่งหน้าเข้าสู่ ใจกลางเมืองวลาดิวอสต็อก เพื่อนำไป รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม เช็คอินเข้าสู่โรงแรมที่พักเพื่อพักผ่อนตามอัธยาศัย Hyundai Hotel 4*หรือเทียบเท่า |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน |
บ่าย | นำท่านชมเมืองวลาดิวอสต็อก เมืองซึ่งถูกขนานนามว่าเป็น “เจ้าผู้ครองดินแดนตะวันออก” (Lord of the East) ด้วยที่ว่าลักษณะทางภูมิศาสตร์ ตำแหน่งที่ตั้งที่อยู่ติดมาทางขอบริมสุดดินแดนตะวันออกไกลของรัสเซียติดกับทะเลญี่ปุ่นแห่งมหาสมุทรแปซิฟิก ที่เหมาะกับการใช้เป็นเมืองศูนย์กลางทั้งทางด้านการปกครองและด้านเศรษฐกิจ จึงไม่แปลกที่เมืองใหม่ที่มีอายุเพียง 150 กว่าปีอย่างวลาดิวอสต็อกเติบโตขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ชมอาคารบ้านเรือนสองข้างทางที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบยุโรปในสมัยปลายศตวรรษที่ 19 ชมความงดงามของ อ่าวเขาทอง (Golden Horn Bay) ที่มีเรือสินค้าและเรือรบต่างเทียบท่าและทอดสมอเรียงรายอยู่ทั่วบริเวณ เมื่อมองย้อนกลับเข้าไปบนฝั่งจะเห็นวิวฉากหลังเป็นเมืองมีตึกอาคาร บ้านเรือน ตั้งอยู่บนเนินเขาสูงต่ำกระจายอยู่ทั่วเนินต่างๆ พาเยือน สถานีรถไฟวลาดิวอสต็อก (Vladivostok Train Station) ที่สุดของจุดหมายปลายทางเส้นทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรีย เพื่อชมเสาทองแดงนกอินทรีสองเศียรบนแท่งคอนกรีตรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ทุกด้านของแท่งคอนกรีตมีตัวเลขนูน 9288 มีอักษรจารึกเป็นภาษารัสเซียว่า “ทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียสิ้นสุด ณ ที่นี้ ระยะทางจากกรุงมอสโคว์ 9,288 กม.” ตามต่อด้วยนำเยือน จัตุรัสบอร์ซอฟเรฟวาลูซี (Ploshchad Bortsov Revolutsy) บนถนนสเว็ตลันสกาย์ หนึ่งในสัญลักษณ์เด่นของเมืองวลาดิวอสต็อก อนุสาวรีย์นักรบเพื่อครองอำนาจโซเวียตในตะวันออกไกล (Monument to the Fighters for Soviet Power in the Far East) ซึ่งตั้งหันหน้าไปทางอ่าวเขาทอง เดินทางเข้าสู่ที่พักเพื่อพักผ่อนอย่างอิสระตามอัธยาศัย |
เย็น | รับประทานอาหารเย็น |
ที่พัก | Hyundai Hotel 4* หรือเทียบเท่า |
วันที่ 11 | เมืองวลาดิวอสต็อก |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านชม พิพิธภัณฑ์อาร์เซเนฟ (Arseneu Regional Museum) บนถนนสเว็ตลันสกาย์ ซึ่งตั้งชื่อตามนักชาติพันธุ์วิทยาที่มีชื่อเสียงในยุคปลายศตวรรตที่ 19 ภายในพิพิธภัณฑ์นอกจากจะจัดแสดงประวัติศาสตร์เมืองแล้ว ยังมีสัตว์ป่าที่หาดูได้ยาก อาทิเช่น เสือดาวไซบีเรีย (เสือดาวอามูร์) เสือโคร่งไซบีเรีย (เสือโคร่งอามูร์) อีกด้วย ต่อด้วยการชม พิพิธภัณฑ์ป้อมปืนวลาดิวอสต็อก (Vladivostok Fortress Museum) ซึ่งตั้งอยู่บนเนินเขาชายอ่าวอามูร์สกี้ (Amursky Gulf) ที่นี่จะมีการยิงปืนใหญ่เป็นสัญญาณบอกเวลาทุกเที่ยงวัน ซึ่งเป็น 1 ใน 3 เมืองของรัสเซียที่มีการยิงปืนใหญ่เช่นนี้ (อีกสองเมืองคือเซ็นต์ปีเตอร์สเบิร์กและกาลินินกราด) พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ใช้จัดแสดงรูปแบบของป้อมปืนต่างๆ ที่มีอยู่รอบเมืองวลาดิวอสต็อก |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน |
บ่าย | นำชม ประตูของเจ้าชาย ซาร์ นิโคลัสที่ 2 Triumphal Arch for Tsar Nicholas II สร้างขึ้นในช่วง ค.ศ.1891 เพื่อรำลึกถึงองครัชทายาทแห่งบัลลังก์ของซาร์ ได้รับการขนานนามว่าเป็นประตุที่สวยงามที่สุดในเมืองวลาดิวอสต็อก ถ่ายรูปยามเย็นคู่กับ สะพานรุสสกี Russky Bridge สะพานข้ามข้ามช่องแคบบอสฟอรัสตะวันออก เป็นสะพานที่เชื่อมระหว่างเมืองวลาดิวอสต็อก และ เกาะรุสสกี สะพานสร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อเดือนกรกฎาคม ปีค.ศ. 2012 และเปิดอย่างเป็นทางการโดยนายกรัฐมนตรีรัสเซียดมีตรี เมดเวเดฟ เมื่อวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 2012 ปัจจุบันเป็นสะพานขึงที่ยาวที่สุดในโลก |
เย็น | รับประทานอาหารเย็น |
ที่พัก | Hyundai Hotel 4* หรือเทียบเท่า |
วันที่ 12 | เมืองวลาดิวอสต็อก – เอียร์คุตสก์ – กรุงเทพฯ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าแบบกล่อง Breakfast Box เดินทางสู่ ท่าอากาศยานนานาชาติวลาดิวอสต็อก เตรียมเช็คอินสำหรับเที่ยวบินภายในประเทศ |
07.40 น. | เหินฟ้าสู่ เอียร์คุตสก์ โดยสายการบิน เอส 7 แอร์ไลน์ (S7) เที่ยวบินที่ S7-6340 (07.40-10.00) (ใช้เวลาบิน 4 ชั่วโมง 20 นาที) |
10.00 น. | เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติเอียร์คุตสก์ รอเปลี่ยนเครื่องเพื่อเดินทางต่อไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ |
14.30 น. | เหินฟ้าสู่ กรุงเทพฯ ประเทศไทย โดยสายการบิน เอส 7 แอร์ไลน์ (S7) เที่ยวบินที่ S7-6309 (14.30-20.10) (ใช้เวลาบิน 6 ชั่วโมง 40 นาที) |
20.10 น. | เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพพร้อมความประทับใจ |