วันที่ 1 | กรุงเทพมหานคร |
18.30 น. | คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่ เคาน์เตอร์เช็คอิน ผู้โดยสารขาออก ชั้น 4 เคาน์เตอร์เช็คอิน สายการบิน เอทิฮัดแอร์เวย์ (EY) ณ สนามบินสุวรรณภูมิ |
21.25 น. | ออกเดินทางสู่ สนามบินอาบูดาบี (AUH) ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดย สายการบินเอทิฮัดแอร์เวย์ เที่ยวบินที่ EY407 (ใช้เวลาบินประมาณ 6.25 ชม.) เพลิดเพลินกับภาพยนตร์หลากหลายกับ จอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง สายการบินมีบริการ อาหารค่ำ ระหว่างเที่ยวบิน |
วันที่ 2 | อาบูดาบี – มิลาน – เจนัว - เช็คอินลงเรือ MSC SEAVIEW |
00.50 น. | เดินทางถึง สนามบินอาบูดาบี (AUH) ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะเปลี่ยนเครื่อง |
02.50 น. | ออกเดินทางสู่ สนามบินมิลาน (MXP) ประเทศอิตาลี โดย สายการบินเอทิฮัดแอร์เวย์ เที่ยวบินที่ EY081 (ใช้เวลาบินประมาณ 6.30 ชม.) สายการบินมีบริการ อาหารเช้า ระหว่างเที่ยวบิน |
07.20 น. | เดินทางถึง สนามบินมิลาน (MPX) ประเทศอิตาลี นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร นำท่านเดินทางสู่ เมืองเจนัว (ระยะทาง 205 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.15 ชม.) |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
14.00 น. | นำท่านเดินทางสู่ ท่าเทียบเรือเจนัว (Genoa) เพื่อเช็คอิน ลงเรือ MSC SEAVIEW |
18.00 น. | เรือออกเดินทางจาก ท่าเทียบเรือเจนัว (Genoa) มุ่งหน้าสู่ ท่าเทียบเรือ ลา สเปเซีย |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ หลังอาหารอิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัยหรือสนุกสนานกับกิจกรรมบนเรือ |
วันที่ 3 | ลา สเปเซีย – ชิงเกว่ แตร์เร – ฟลอเรนซ์ – ปิซา - หอเอนเมืองปิซา |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ เรือจอดเทียบท่า ณ ท่าเทียบเรือ ลา สเปเซีย นำท่านเดินทางสู่เมืองฟลอเรนซ์ (Florence) (ระยะทาง 150 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชม.) เป็นเมืองในภาคกลางของประเทศอิตาลี เป็นเมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของแคว้นตอสคานา นำท่านชมเมืองฟลอเรนซ์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการค้าและการเงินของยุคกลางและถือเป็นหนึ่งในนครที่ร่ำรวยที่สุดในยุคนั้น นักวิชาการจำนวนมากถือว่าฟลอเรนซ์เป็นถิ่นกำเนิดของศิลปะเรเนซองส์ ในยุคเรเนซองส์ฟลอเรนซ์ได้กลายเป็นศูนย์กลางทางศิลปะ วัฒนธรรม การค้า การเมือง เศรษฐกิจ และการเงินที่สำคัญ ฟลอเรนซ์ดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายล้านคนในแต่ละปี และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยยูเนสโกในปีค.ศ. 1982 นครฟลอเรนซ์มีวัฒนธรรม, อนุสาวรีย์, สถาปัตยกรรมเรอแนซ็องส์ และงานศิลป์ที่ลือเลื่อง[9] ภายในเมืองมีห้องจัดแสดงงานศิลปะและพิพิธภัณฑ์อยู่มากมาย อาทิ หอศิลป์อุฟฟีซีและวังปิตตี เป็นต้น |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่เมืองปิซา (Pisa) (ระยะทาง 84 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.15 ชม.) เป็นเมืองเอกของจังหวัดปิซา อยู่ในแคว้นตอสคานา ฝั่งแม่น้ำอาร์โน ประเทศอิตาลี อยู่ทางตะวันตกของเมืองฟลอเรนซ์ (ฟีเรนเซ) ประมาณ 100 กิโลเมตร และทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเซียนาปรมาณ 130 กิโลเมตร นำท่านแวะถ่ายรูปกับหอเอนเมืองปิซา (Learning tower of Pisa) ตั้งอยู่ที่เมืองปิซา ประเทศอิตาลี ในจัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม (Piazza Del Duomo) เป็นหอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก มีลักษณะเป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 183.3 ฟุต (55.86 เมตร) น้ำหนักรวมประมาณ 14,500 ตัน มีบันไดรวมทั้งสิ้น 293 ขั้น เอียง 3.97 องศา ยอดของหอห่างจากแนวตั้งฉาก 3.9 เมตร อิสระให้ท่านชมความงดงามและถ่ายรูปตามอัธยาศัย เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1173 และสร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1350 ใช้เวลาสร้างประมาณ 175 ปี แต่การก่อสร้างนั้นมีการหยุดชะงักถึง 2 ครั้ง ครั้งแรกหยุดสร้าง เมื่อสร้างไปได้ถึงชั้น 3 เนื่องจากพื้นใต้ดินเป็นพื้นดินที่นิ่ม ทำให้หอมีการยุบตัว โดยตอนแรกหอเอนปิซาได้เอนไปทางทิศเหนือ และต่อมาในปี ค.ศ. 1272 จีโอแวนนี่ ดี สิโมน สร้างให้เอนกลับไปอีกด้านหนึ่งเพื่อให้เกิดความสมดุล โดยการสร้างถ่วงไปทางทิศใต้ แต่การก่อสร้างในครั้งนี้ ก็ต้องหยุดชะงักลงอีกครั้งเนื่องจากเกิดสงคราม ภายหลังได้มีการสร้างหอต่อขึ้นอีก ทำให้หอมีความสูงทั้งหมด 7 ชั้น ในปี ค.ศ. 1319 แต่หอเอนนี้ถูกสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1372 หลังจากนั้น ในปี ค.ศ. 1990-2001 หอเอนปีซาได้รับการปรับปรุงฐานให้แข็งแรงยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้หอล้มลงมา และปัจจุบัน ในทุก ๆ 20 ปี หอจะเอนลง 1 นิ้ว (ไปทางทิศใต้) โดยมีการคาดเดาว่า หอจะล้มลงมาในปี ค.ศ. 2220 ถ้าหากไม่มีการป้องกันใด ๆ ปัจจุบันได้มีการคิดค้นสปริงลูกตุ้มไปถ่วงอีกฝั่ง เพื่อชะลอการถ่วงลงมาของหอเอนเมืองปิซา ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ท่าเทียบเรือ ลา สเปเซีย (La Spezia) |
18.00 น. | เรือเดินทางออกจากท่าเทียบเรือ ลา สเปเซีย (La Spezia) มุ่งหน้าสู่ ท่าเทียบเรือชิวิตาเวคเคีย (Civitavecchia) ประเทศอิตาลี |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ หลังอาหารอิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัยหรือสนุกสนานกับกิจกรรมบนเรือ |
วันที่ 4 | โรม – โคลอสเซียม - บันไดสเปน – น้ำพุเทรวี |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ เรือจอดเทียบท่า ณ ท่าเทียบเรือชิวิตาเวคเคีย (Civitavecchia) ประเทศอิตาลี นำท่านเดินทางสู่กรุงโรม (Rome) (ระยะทาง 71 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม.) นำท่านแวะถ่ายรูปกับโคลอสเซียม (Colosseum) เป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ตั้งอยู่ใจกลางกรุงโรม เริ่มสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสเปเซียนแห่งจักรวรรดิโรมัน และสร้างเสร็จในสมัยของจักรพรรดิไททัส ในคริสต์ศตวรรษที่ 1 อัฒจันทร์เป็นรูปวงกลมก่อด้วยอิฐและหินทรายวัดโดยรอบได้ประมาณ 527 เมตร สูง 57 เมตร สามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 50,000 คน มีการออกแบบอย่างชาญฉลาดโดยสร้างให้สนามกีฬามีลักษณะเป็นรูปวงรี เพื่อให้ผู้ชมรู้สึกเข้าใกล้นักกีฬา และมีการออกแบบทางระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังในสนามขณะเกิดฝนตก ถือเป็นต้นแบบของสนามกีฬาต่าง ๆ ในปัจจุบัน ใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 10 ปี 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 โคลอสเซียมได้รับเลือกให้เป็น 1 ในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ จากการลงคะแนนทั่วโลกทั้งทางอินเทอร์เน็ตและโทรศัพท์มือถือ |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน |
บ่าย | นำท่านเดินทางชมบันไดสเปน (Spanish Steps) เป็นบันไดในกรุงโรม ประเทศอิตาลี ที่เชื่อมระหว่างปียัซซาดีสปัญญากับปียัซซาตรีนีตาเดย์มอนตี เป็นบันไดที่กว้างที่สุดและยาวที่สุดในทวีปยุโรป มีขั้นบันไดทั้งหมด 138 ขั้น ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาลี ฟรันเชสโก เด ซังค์ติส (Francesco de Sanctis) กับอาเลสซันโดร สเปคคี (Alessandro Specchi) สร้างขึ้นในระหว่างปี ค.ศ. 1723-1725 ด้วยเงินจากกองทุนมรดกของนักการทูตฝรั่งเศส เอเตียน เกฟีเย (Étienne Gueffier) จากนั้นนำท่านเดินทางชมน้ำพุเทรวี (Trevi Fountain) ตั้งอยู่ในเขตเทรวี กรุงโรม ประเทศอิตาลี โดยอนุสรณ์สถานแห่งนี้ตั้งอยู่ที่บริเวณจุดสิ้นสุดของท่อระบายน้ำเก่าแก่ที่มีชื่อว่า ท่อส่งน้ำอะควีดักท์ (Aqueduct) ซึ่งสร้างโดยจักรพรรดิซีซาร์ออกุสตุส ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้น้ำที่น้ำพุเทรวีใสและสะอาดอย่างมาก เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของกรุงโรม ประเทศอิตาลี เห็นทีจะหนีไม่พ้นน้ำพุเทรวี ซึ่งมีผู้คนพากันมาเที่ยวที่แห่งนี้กันอย่างไม่ขาดสาย เพราะหลายคนเชื่อว่าหากได้โยนเหรียญที่น้ำพุเทรวีแล้วจะสามารถอธิษฐานขอพรให้สมหวังได้ นอกเหนือจากความงดงามของสถาปัตยกรรมยุคบารอกแล้ว น้ำพุเทรวียังได้ชื่อว่าเป็นน้ำพุที่เก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของดินแดนอิตาลีเลยทีเดียว อย่าลืมจอ ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ท่าเทียบเรือชิวิตาเวคเคีย (Civitavecchia) (ระยะทาง 76 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ชม.) |
19.00 น. | เรือออกเดินทางจาก ท่าเทียบเรือชิวิตาเวคเคีย (Civitavecchia) มุ่งหน้าสู่ ท่าเทียบเรือปัลมา เดอ มายอร์กา (Palma de Mallorca) ประเทศสเปน |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ หลังอาหารอิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัยหรือสนุกสนานกับกิจกรรมบนเรือ |
วันที่ 5 | Cruising |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ อิสระให้ท่านพักผ่อน บนเรือสำราญหรูตามตามอัธยาศัย ท่านสามารถเลือกรับประทานอาหารหรือนั่งเล่นในคลับ เลาจน์ หรือทำกิจกรรมที่มีภายในเรือสำราญมากมายได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นช้อปปิ้งที่ร้านขายสินค้าปลอดภาษีบนเรือ (Duty Free) และส่วนสันทนาการอื่นๆอีกมากมาย กิจกรรมความบันเทิงอันหลากหลายที่ท่านสามารถเลือกใช้บริการบนเรือสำราญ เช่น Public Room : บาร์และเลาจน์, ห้องสมุด, ห้องอินเตอร์เนต Entertainment :ชมโชว์พิเศษที่ทางเรือมีจัดแสดงหรือจะเลือกนั่งเล่นในคลับ เลาจน์ บาร์ต่างๆหลากหลายสไตล์คาสิโน, ดิสโก้เธค, ห้องเล่นเกมส์, ซิปไลน์, โบว์ลิง, คิดส์คลับ Sport and Activities : สระว่ายน้ำ, สปอร์ทคอร์ท, ฟิตเนต, Spa and Wellness : ห้องสปา, ห้องยิม และอื่นๆ อีกมากมาย |
กลางวัน / ค่ำ | รับประทานอาหารกลางวันและอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ หลังอาหารอิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัยหรือสนุกสนานกับกิจกรรมบนเรือ |
วันที่ 6 | ปัลมา เดอ มายอร์ก้า – มหาวิหารปัลมา - พระราชวังหลวงลาอัลมูไดนา |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ เรือจอดเทียบท่า ณ ท่าเทียบเรือปัลมา เดอ มายอร์กา (Palma de Mallorca) ประเทศสเปน นำท่านเที่ยวชมเมืองปัลมา เดอ มายอร์กา (Palma de Mallorca) แห่ง หมู่เกาะมายอร์กา (Mallorca) หมู่เกาะแสนสวยในประเทศสเปน ซึ่งตั้งอยู่ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เป็นเกาะใหญ่ที่สุดในหมู่เกาะแบลีแอริก เมืองหลวงของเกาะคือเมืองปัลมา เมืองซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวในวันหยุดที่ได้รับความนิยมมาก นำท่านเดินทางสู่ มหาวิหารเลอซู (La Seu, Cathedral of Palma) โบสถ์โกธิคโรมันคาทอลิก คู่บ้านคู่เมืองของเกาะมายอร์กา สร้างขึ้นตามบัญชาของกษัตริย์เจมส์ที่ 1 แห่งอารากอนในปี ค.ศ. 1229 และเสร็จสิ้นในปี ค.ศ.1601 โดยใช้เวลาร่วม 370 ปีในการก่อสร้าง และได้มีการปรับปรุงตามแบบฉบับของอันโตนิโอ เกาดี้ สถาปนิกและผู้ออกแบบผู้มีชื่อเสียงแห่งเมืองบาร์เซโลนาในช่วงระหว่างปี ค.ศ.1901-1914 นำท่านเข้าชมความงดงามภายในมหาวิหารแห่งปัลมา ชมความงามของสถาปัตยกรรมสไตล์โกธิคโรมันที่ตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ตกแต่งด้วยกระจกลายสีที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ |
บ่าย | นำท่านเข้าชมพระราชวังหลวงลาอัลมูไดนา (Royal Palace of La Almadaina) สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 14 เป็นที่ประทับของกษัตริย์และราชินีสเปน ระหว่างการพำนักในมายอร์กา พระราชวังแห่งนี้สร้างขึ้นตรงข้ามกับมหาวิหารแห่งปัลมา เป็นจุดเช็คอินที่สำคัญที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องมาเยือนหากมายังหมู่เกาะมายอร์กา นำท่านเข้าชมความสวยงามและความยิ่งใหญ่ของพระราชวังหลวงแห่งหมู่เกาะมายอร์กา สมควรแก่เวลาอิสระให้ท่านได้เดินเล่นและเก็บภาพความสวยงามของเมือง หรือจะเลือกซื้อของฝากตามอัธยาศัย ได้เวลานำท่านเดินทางกลับสู่ ท่าเทียบเรือปัลมา เดอ มายอร์กา (Palma de Mallorca) |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ เรือออกเดินทางจากท่าเทียบเรือปัลมา เดอ มายอร์กา (Palma de Mallorca) มุ่งหน้าสู่ท่าเทียบเรือบาร์เซโลนา ประเทศสเปน หลังอาหารอิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัยหรือสนุกสนานกับกิจกรรมบนเรือ |
วันที่ 7 | บาร์เซโลนา – มหาวิหารซากราด้า ฟามิเลียร์ - ช้อปปิ้ง |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ เรือจอดเทียบท่า ณ ท่าเทียบเรือบาร์เซโลนา (Barcelona) ประเทศสเปน นำท่านถ่ายรูปกับมหาวิหารซากราด้า ฟามิเลียร์ (Sagrada Familia) สัญลักษณ์แห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่สูงใหญ่ถึง 170 เมตร ออกแบบก่อสร้างอย่างสวยงามแปลกตาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1882 โบสถ์ที่สร้างไม่เสร็จนี้เป็นสัญลักษณ์ของบาร์เซโลนา เป็นงานชั้นยอดที่แสดงถึงอัจฉริยภาพของ เกาดี้ สถาปนิกผู้เลื่องชื่อ มหาวิหารแห่งนี้มีความสูง 170 เมตร ตั้งอยู่บนถนน Carrer de Mallorca งานชิ้นนี้มีความแปลกตาจากงานชิ้นอื่นของเกาดี |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ El Corte Ingles (ระยะทาง 51 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที) ซึ่งเป็นห้างที่รวมสินค้าแบรนด์เนมต่างๆมากมายให้ท่านได้เลือกซื้อสินค้าแบรนด์เนม หรือ ของฝากตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านสู่ ถนนช้อปปิ้งสายใหญ่ของบาร์เซโลนา ถนนลารัมบลา (Larambla) ย่านที่มีชื่อเสียงที่สุดของบาร์เซโลนาแหล่งท่องเที่ยวอันเป็นที่ชื่นชอบของคนทุกวัย ถนนสายเล็กๆ ที่มีความยาวเพียง 1.2 กิโลเมตรแต่มีสีสันเสน่ห์น่าประทับใจทั้งกลางวันและกลางคืน อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งตามอัธยาศัย ท่านสามารถเลือกซื้อสินค้าและเสื้อผ้าแบรนด์เนมทั้ง H&M, ZARA, BENETON, TOPSHOP หรือจะช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมชั้นนำซึ่งมีร้าน ตั้งอยู่ตลอดแนวถนน Passeig de gracia ท่านสามารถเลือกซื้อสินค้าอาทิ LOUIS VUITTON, CHANEL, GUCCI, LOEWE และอื่นๆอีกมากมาย ได้เวลานำท่านเดินทางกลับสู่ท่าเทียบเรือบาร์เซโลนา (Barcelona) |
17.00 น. | เรือเดินทางออกจากท่าเทียบเรือบาร์เซโลนา (Barcelona) มุ่งหน้าสู่ท่าเทียบเรือคานส์ (Cannes) ประเทศฝรั่งเศส |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ หลังอาหารอิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัยหรือสนุกสนานกับกิจกรรมบนเรือ |
วันที่ 8 | คานส์ - นีซ - เลอ ซูเกต์ - ตลาดมาร์เช่ ฟอร์วิลล์ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ รือจอดเทียบท่า ณ ท่าเทียบเรือคานส์ (Cannes) ประเทศฝรั่งเศส นำท่านเดินทางสู่เมืองคานส์ (Cannes) เป็นหนึ่งในเมืองที่เป็นที่รู้จักที่สุดของเฟรนช์ริเวียรา (รวมหลายๆ เมืองอยู่ด้วยกัน เช่น เมืองอองตีบส์ นีซ แซ็งต์-ฌอง-กัป-แฟราต์ วิลฟรองช์-ซูร์-แม) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของฝรั่งเศส ริมชายฝั่งโกต์ ดาซูร์ (Côte d’Azur) ในจังหวัดอาลป์-มารตีม บนฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องของเทศกาลภาพยนตร์ ที่จัดขึ้นในเมืองคานส์ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่องานพรมแดง เมืองนี้ยังมีชื่อเสียงด้านร้านค้า ร้านอาหาร และโรงแรมที่หรูหรา มีป้อมปราการที่สร้างขึ้นโดยพวกนักบวชในตอนต้นสมัยกลางเพื่อป้องกันการโจมตีทางทะเล ใน ค.ศ. 1815 สมัยก่อนเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ กระทั่งยุคศตวรรษที่ 19 เมืองเริ่มเจริญขึ้น มีการสร้างสถานที่พักตากอากาศสำหรับชนชั้นสูง มีสภาพอากาศอบอุ่นตลอดทั้งปี นำท่านเดินทางสู่เมืองนีซ (Nice) (ระยะทาง 34 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 50 นาที) เป็นเขตเมืองที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 7 ในฝรั่งเศส นีซตั้งอยู่ในโกตดาซูร์ หรือเป็นที่รู้จักในชื่อภาษาอังกฤษว่า เฟรนช์ริวีเอรา (อังกฤษ: French Riviera) บนชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของฝรั่งเศสริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและบริเวณเชิงเทือกเขาแอลป์ เมืองนีซเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองในแคว้นพรอว็องซาลป์-โกตดาซูร์ รองจากมาร์แซย์ |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ |
บ่าย | นำท่านเดินทางชมย่านเลอ ซูเกต์ (Le Suquet) หรือเรียกอีกชื่อว่าย่าน Old Port เป็นย่านเก่าแก่ของเมืองคานส์ ซึ่งนักท่องเที่ยวอาจรู้จักเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นถนนที่มีทางเดินเลียบเนินเขาที่ปูด้วยหินกรวดและมีร้านอาหารท้องถิ่นมากมายตามแนวถนน Rue St Antoine ย่านนี้มีหอนาฬิกาและโบสถ์ที่ตั้งอยู่สูงเหนือเมือง โดยหันหน้าไปทางทิศตะวันออก มองเห็นอ่าวและเมืองคานส์ ที่ด้านล่างของ Le Suquet บน Rue Dr. P. Gazagnaire คือ ตลาดมาร์เช่ ฟอร์วิลล์ (Marché Forville) ซึ่งเป็นที่ตั้งของตลาดที่จัดขึ้นในตอนเช้าและต้นบ่าย พื้นที่นี้เป็นพื้นที่ที่ชาวประมงของเมืองคานส์อาศัยอยู่ และบ้านเรือนที่นี่ล้วนเก่าแก่มาก ถนนเหล่านี้ถูกวางแผนไว้เมื่ออย่างน้อย 400 ปีที่แล้ว ย่านนี้อยู่ห่างจากชายหาดเพียง 5 นาทีเดินเท้า และมีร้านอาหารมากมายรอบๆ ถนน Rue Saint Antoine และ Rue du Suquet ซึ่งเป็นถนนหลักเดิมที่เข้าสู่เมืองคานส์ ถนน Rue du Suquet เป็นเขตที่ไม่อนุญาตให้รถยนต์เข้าไป และเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวสำคัญสำหรับผู้ที่มาเยือนเมืองคานส์ ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ท่าเทียบเรือคานส์ |
17.30 น. | เรือออกเดินทางจากท่าเทียบเมืองคานส์ มุ่งหน้าสู่ท่าเทียบเรือเจนัว |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ หลังอาหารอิสระให้ท่านพักผ่อนตามอัธยาศัยหรือสนุกสนานกับกิจกรรมบนเรือ หมายเหตุ ก่อนเรือกลับเทียบท่าในค่ำวันนี้ท่านจะได้รับป้ายผูกกระเป๋าสีต่างๆ ซึ่งเป็นตัวกำหนดลำดับการนำกระเป๋าลงจากเรือ ท่านจะต้องจัดกระเป๋าใบใหญ่วางไว้หน้าห้อง โดยแยกข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นไว้ในกระเป๋าเดินทางใบเล็ก เพราะเจ้าหน้าที่ของเรือจะมาเก็บกระเป๋าใบใหญ่ของท่านไปตั้งแต่กลางดึก และบัญชีค่าใช้จ่ายต่างๆ จะถูกส่งมาให้ท่านตรวจเช็คก่อนทำการชำระในวันรุ่งขึ้น สำหรับท่านที่ต้องการชำระผ่านบัตรเครดิต ทางบริษัทเรือจะชาร์จค่าใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ท่านได้ให้หมายเลขไว้ในวันที่ท่านเช็คอินโดยอัตโนมัติ |
วันที่ 9 | เจนัว – ปอร์โตฟีโน - โบสถ์เซนต์มาร์ติน |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ เรือจอดเทียบท่า ณ ท่าเทียบเรือเจนัว ประเทศอิตาลี นำท่านเดินทางสู่เมืองปอร์โตฟีโน (Portofino) (ระยะทาง 38 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) เมืองท่าแห่งชายทะเลเมดิเตอร์เรเนียนที่มีชื่อเสียงในระดับโลก ซึ่งตั้งอยู่ในเขต จังหวัดของเจนัว ที่ถูกล้อมรอบด้วยท่าเรือเล็กๆ จนได้รับการขนานนามว่าเป็น "สวรรค์แห่งเมืองท่า" เมืองปอร์โตฟิโน เป็นเมืองเล็กๆ ที่แสนน่ารัก ภายในตัวเมืองประกอบไปด้วยด้วยบ้านเรือนหลากสีสัน ซึ่งตั้งเบียดเสียดกันไปตามเชิงเขาเขียวชอุ่ม โอบล้อมอ่าวที่มี เรือยอร์ช (Yatch )จอดเต็มไปหมด นำท่านชมความงดงามของโบสถ์เซนต์มาร์ติน (St. Martin) ซึ่งสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 โดยตัวโบสถ์นั้นมีขนาดที่ไม่ใหญ่โต แต่ก็มีความสวยงามมากพอสมควร จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับปราสาทและป้อมปราการ Castello Brown ซึ่งสร้างมาตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 16 ในอดีตเคยใช้เป็นป้อมปราการป้องกันข้าศึก แต่ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ และยังเป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกแห่งของเมืองอีกด้วย นำท่านเดินทางสู่หนึ่งในช้อปปิ้งเอาท์เลทขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป SERRAVALLE Shopping Outlet (ระยะทาง 53 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เมืองมิลาน สถานที่รวมสินค้าแฟชั่นแบรนด์เนมจากหลากหลายเมือง และจากดีไซเนอร์ชั้นนำระดับแถวหน้าของอิตาลี มีร้านค้าแฟชั่นและสินค้าต่างๆกว่า 180 ร้าน ทั้ง Versace, Dolce & Gabbana, Prada, Roberto Cavalli, Bulgari, Trussardi, Calvin Klein, Guess, Etro, Nike, Mariella Burani, Swarovski และอื่นๆอีกมากมาย โดยสินค้าแฟชั่นจะลดราคาตั้งแต่ 30% - 70% ตลอดปี อิสระให้ท่านเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย |
กลางวัน | ***อิสระอาหารกลางวัน ตามอัธยาศัย เพื่อให้ท่านได้มีเวลาช้อปปิ้งแบบเต็มที่*** |
17.30 น. | นำท่านเดินทางสู่ สนามบินมิลาน (MXP) เพื่อเชคอินและทำ Tax Refund |
22.15 น. | ออกเดินทางสู่ สนามบินอาบูดาบี (AUH) ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดย สายการบินเอทิฮัดแอร์เวย์ เที่ยวบินที่ EY80 (ใช้เวลาบินประมาณ 5.55 ชม.) เพลิดเพลินกับภาพยนตร์หลากหลายกับ จอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง สายการบินมีบริการ อาหารค่ำ ระหว่างเที่ยวบิน |
วันที่ 10 | กรุงเทพมหานคร |
06.10 น. | เดินทางถึง สนามบินอาบูดาบี (AUH) ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แวะเปลี่ยนเครื่อง |
10.30 น. | ออกเดินทางสู่ สนามบินสุวรรณภูมิ (BKK) โดย สายการบินเอทิฮัดแอร์เวย์ เที่ยวบินที่ EY406 (ใช้เวลาบินประมาณ 6.30 ชม.) สายการบินมีบริการ อาหารเช้า บนเครื่องบิน |
20.00 น. | เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ (BON VOYAGE) |