วันแรก | สนามบินสุวรรณภูมิ - กรุงเทพฯ |
20.30 น. | คณะพร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 ประตูทางหมายเลข 3 เคาน์เตอร์ D สายการบินไทย พบเจ้าหน้าที่บริษัทอำนวยความสะดวกในการเช็คอิน |
วันที่สอง | มิวนิค (เยอรมัน) - ฮอลสตัท - นั่งรถรางชมวิวพาโนรามา - เซนต์ วูลฟ์กัง |
00.50 น. | ออกเดินทางบินตรงสู่ มิวนิค ประเทศเยอรมัน โดย สายการบินไทย แอร์เวย์ เที่ยวบินที่ TG 924 |
07.05 น. | เดินทางถึง เมืองมิวนิค ประเทศเยอรมันนี จากนั้นนำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและตรวจรับสัมภาระเรียบร้อยแล้ว นำจากนั้นนำท่านเดินทางข้ามพรมแดนสู่เมือง ฮอลสตัท (HALLSTATT) (ระยะทาง 200 กิโลเมตร ใช้เวลา 2.30 ชม.) เมืองมรดกโลก ริมทะเลสาบที่สวยที่สุดในโลก จากนั้นนำท่าน เดินเท้าเลาะริมทะเลสาบ บนถนนเลียบทะเลสาบที่เรียกว่า “ซี สตราซ” (See Strasse) อีกด้านมีร้านขายของที่ระลึก ที่ศิลปินพื้นบ้านออกแบบเองเป็นระยะสลับกับบ้านเรือนสไตล์อัลไพน์ที่เก่าแก่ไม่ขาดสาย บ้างอยู่ระดับพื้นดิน บ้างอยู่บนหน้าผาลดหลั่นกันเป็นชั้นๆ และบ้านแต่ละหลังล้วนประดับประดาด้วยของเก่า ดอกไม้หลากสีสันสวยงามปลายสุดของ ถนนซีสตราซ ท่านจะได้ชมจัตุรัสประจำเมืองซึ่งเป็นลานหินขนาดย่อม ประดับด้วยน้ำพุกลางลาน และอาคารบ้านเรือนที่สวยงาม |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง เมนูปลาเทราซ์ |
| แถมฟรี นำท่านขึ้นรถรางขึ้นสู่ภูเขาด้านบนชมวิวมุมสูง สามารถมองเห็นวิวพาโนรามา ให้ท่านได้ชมวิวเมืองฮอลสตัท และทะเลสาบจากด้านบน (รถรางเปิดให้บริการเฉพาะ ช่วงเดือนเดือน เม.ย. – พ.ย. เท่านั้น ) (หมายเหตุ : หากเกิดเหตุสุดวิสัยต่างๆ เช่น เนื่องสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย หรือมีการปิดปรับปรุงหรือทางรถรางไม่เปิด ให้ขึ้นชม ทางบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการงดให้ขึ้นชม โดยไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า ) จากนั้นเดินทางสู่เมือง เซนต์วูลฟ์กัง (ST.WOLFGANG) (ระยะทาง 30 กิโลเมตร / ใช้เวลา 40 นาที) เมืองรีสอร์ทเล็กๆริมทะเลสาบเมือง รีสอร์ทเล็กๆ ในหุบเขาริมทะเลสาบวูลฟ์กัง ชม เมืองเซนต์วูลฟ์กัง เมืองท่องเที่ยวที่สวยงามโรแมนติคที่สุดเมืองหนึ่งของออสเตรียที่ล้อมรอบด้วยภูเขาสูง ทะเลสาบสวยใส และทุ่งหญ้าเขียวขจีเป็นที่ประทับใจของนักท่องเที่ยว |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง |
ที่พัก | SCALARIA HOTEL ST. WOLFGANG หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว หมายเหตุ : โรงแรมเมืองเซนต์วูฟกังค์ มีจำกัดหากโรงแรมเต็มทาง บริษัทขอสงวนสิทธิ์ย้ายไปเมืองใกล้เคียง |
วันที่สาม | เซนต์วูลฟ์กัง - ล่องเรือทะเลสาบโคนิงซี - หมู่บ้านรามเซา (Unseen) - อินน์สบรูค |
เช้า | รับประทานแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก อาหารเช้า ท่านเดินทางสู่เมือง เมืองเบิร์ชเทสกาเด้น (เยอรมัน) (ระยะทาง 80 กิโลเมตร / ใช้เวลา 1.20 ชม.) เจ้าของเส้นทางดิอัลไพน์โร้ด 1 ใน 6 เส้นทางแสนสวยและยังเป็น เส้นทางเก่าแก่ที่สุดที่นักท่องเที่ยวนิยมใช้ เลาะเลียบเทือกเขาแอลป์ เมืองนี้ถูกก่อตั้งขึ้นให้เป็น ศูนย์กลางทางการค้าและการสำรวจหาเกลือและสินแร่ นำท่านล่องเรือสู่ ทะเลสาบกษัตริย์ (Konigsee) ที่มีน้ำใสราวกับมรกต ได้ขึ้นว่าเป็นทะเลสาบที่น้ำใสและสะอาดที่สุดในยุโรป ทะเลสาบแห่งนี้ เป็นดินแดนแห่งฟยอร์ดที่งดงาม ที่สุดในประเทศเยอรมนี ในเขตเทือกเขาแอลป์ มีแหล่งกำเนิดจากการละลายของกลาเซียบนยอดเขา ตั้งแต่ยุคน้ำแข็งก่อให้เกิดทะเลสาบอันงามพิสุทธิ์ และความมหัศจรรย์ของฟยอร์ดที่มีอยู่เพียงไม่กี่แห่งใน โลกฟยอร์ดแห่งนี้มีความยาวกว่า 8 กม. กว้างถึง 1,250 เมตร ลึก 190 เมตร และตั้งอยู่บนความสูงกว่า 602 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล นำท่าน ล่องเรือพลังงานไฟฟ้า ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวมา ตั้งแต่ปี ค.ศ.1909 เพื่อไม่เกิดมลภาวะ เรือจะนำท่านล่องไปชมบรรยากาศแห่งฟยอร์ด จนถึงโบสถ์บาโธโล มิว อันเป็นเสน่ห์ของดินแดนแห่งฟยอร์ดนี้ จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ ท่าเรือ (หมายเหตุ : หากเกิดเหตุสุดวิสัย เช่น เนื่องสภาพอากาศมาเอื้ออำนวยต่อการล่องทะเลสาบ โดยไม่สามารถล่องเรือได้ ทางบริษัทจะทำการคืนเงินให้ลูกทัวร์ท่านละ 10 ยูโร) |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง |
บ่าย | จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้าน รามเซา (Ramsau) (ระยะทาง 10 กิโลเมตร / ใช้เวลาประมาณ 15 นาที) เราเป็นบริษัททัวร์แรกที่จัดเข้าไปเที่ยว (ทัวร์ไทยไปน้อยมาก แต่รับรองว่าสวยมาก ) หมู่บ้านเล็กๆ Unseen ของเยอรมันที่ติดกับพรมแดนออสเตรียที่หลบซ่อนตัวในเขตเทือกเขาเอลป์ โดยหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้มีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องของความสวยงามของวิวทิวทัศน์ โดยมีโบสถ์เซนต์เซบาสเตียน(St.Sebatian) เป็นฉาก มีสะพานไม่เล็กทอดข้ามแม่น้ำ Arche ที่ไหลตัดผ่านหมู่บ้าน โดยมีฉากหลังของเทือกเขาเอลป์เป็นฉากหลัง นำท่านเดิน ถ่ายรูปตามอัธยาศัย หรือสามารถเข้าชมด้านในโบสถ์ได้ฟรี จากนั้นอิสระเดินถายรูปตามอัธยาศัยจนได้เวลานัดหมาย จากนั้นนําท่านออกเดินทางสู่ เมืองอินน์สบรูค (Innsbruck) (ระยะทาง 150 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 ชม.) หนึ่งในสามเมืองเอกด้านการท่องเที่ยวของประเทศออสเตรีย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ําอิน “Inn River” และโอบล้อมไปด้วยเทือกเขาเอลป์ เดิมเป็นเมืองตากอากาศของจักรพรรดิ แม็กซิมิเลียนแห่งราชวงศ์ฮอฟบวรก เพราะอากาศดีมากผู้ที่เข้ามาปกครองจักรวรรดิออสเตรียต่างก็ต้องติดใจมาพักผ่อนในเมือง แห่งนี้ ระหว่างทางท่านจะได้พบกับวิวสองข้างทางที่สวยงาม ตามถนนเส้นทางอัลไพน์ ผ่านทั้ง เทือกเขาเอลป์ ทะเลสาบ หมู่บ้าน ทุ่งหญ้า นําท่านถ่ายรูปด้านนอกกับ อาคารหลังคาทองคํา (Goldenness Dachl) ที่สร้างขึ้นด้วยความประณีตละเอียดอ่อน และมีอายุเก่าแก่กว่า 500 ปี จนกลายเป็นสัญลักษณะของเมือง ประทับใจกับ เฮลบลิงเฮ้าส์ (Helblinghaus)ตึกสมัยโกธิคตอนปลายที่มีการเพิ่มศิลปะแบบโรโค เข้าไปในศตวรรษที่ 18 ทําให้ดูโดดเด่นและหรูหรายิ่งขึ้น โรงแรมโกลเดน เนอร์แอดเลอร์ (Goldener Adler Hotel) สร้างตั้งแต่ ค.ศ.ที่16 เป็น โรงแรมที่เก่าแก่ที่สุดของเมืองและยังเคยใช้ต้อนรับ อะคันตุกะจากต่างแดน มาแล้วอย่างมากมาย นำท่านถ่ายรูปด้านนอกกับ พระราชวัง ฮอฟบูรก“Hofburg Palace” พระราชวังที่ราช สํานักใช้แปรพระราชฐานในช่วงฤดูหนาวและบันทึกภาพสวยจากอาคาร เรอเนสซองส์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศออสเตรีย
|
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน |
ที่พัก | GRAND EUROPA HOTEL INNSBRUCK หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว |
วันที่สี่ | อินน์สบรูค - มิดเท็นวาลด์ (Unseen) - ยอดเขาซุกสปิตเซ่ - ปราสาทลินเดอร์ฮอฟ การ์มิสช์ ปาร์เทนไครเช่น |
เช้า | รับประทานแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก อาหารเช้า จากนั้นนำท่านเดินออกเดินทางสู่ เมืองมิดเท็นวาลด์ (Mittenwald) (ระยะทาง 35 กิโลเมตรใช้เวลา 45 น.) พรมแดนระหว่างเยอรมันกับออสเตรีย หมู่บ้านเล็กๆ ล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาเอลป์ และได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหมู่บ้านติดอันดับความสวยของเยอรมัน ถือเป็นสถานที่ UNSEEN ของเยอรมันด้วย นำท่านชม เมืองสูดอากาศอันบริสุทธิ์ เดินเล่นนั่งจิบกาแฟ ชมวิวทิวทัศน์หรือเลือกสินค้าที่ระลึก จากนั้นนำท่านเดินทางสู่เมือง การ์มิสช์ ปาร์เทนไครเช่น (Garmisch-Partenkirchen) เป็นหนึ่งใน เมืองที่สวยงามเป็นอันดับต้นๆ ของเยอรมนี เป็นเมืองเล็กๆ ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาพักผ่อนกันบ้านเรือนตกแต่งด้วยสไตล์บาวาเรียน มีภาพเขียนสีตกแต่งตามบ้านเรือนและถือเป็นประตูสู่ยอดเขา Zugspitze ยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศเยอรมันนี จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ ยอดเขาซุกสปิตเซ่ (ZUGSPITZE) ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในเยอรมนี ให้ท่านเก็บภาพประทับใจจากจุดชมวิวบนยอดเขาที่สูงที่สุดใน เยอรมนีคือ 9,721 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล ที่ทำให้เกิดกิจกรรมการท่องเที่ยวได้ทั้งปีคือ สกีในฤดูหนาวและเดินเขาในฤดูร้อน เมื่อมองจากยอดเขาจะเห็นทิวทัศน์งดงามกว้างไกลไปถึง 4 ประเทศด้วยกันคือ เยอรมนี ออสเตรีย อิตาลีและสวิสเซอร์แลนด์โดยมียอดเขาที่อยู่เคียงกันอีก 3 ยอดคือ แอล์ปสปิตซ์ (Alpspitz), ครอยเซ็ค (Kreuzeck) และแวงค์ (Wank) ซึ่งล้วนแต่เป็นสวรรค์ของนักเดินทางและนักสกีทั้งสิ้น นิทรรศการศิลปะบนที่สูงที่สุดและซุกสปิตซ์ปลาต ธารน้ำแข็งสายเดียวของเยอรมนีที่ยามหิมะตกหนา ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-มิถุนายน กลายเป็นเส้นทางสกีให้เลือกเล่นหลายระดับ อิสระท่านตามอัธยาศัย
|
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง |
บ่าย | จากนั้นนำท่านเดินทางกลับสู่ด้านล่าง เดินทางสู่ เมืองเอ็ททาล (Ettal) นำท่านเข้าชมปราสาท ลินเดอร์ฮอฟ (Linderhof) 1 ใน 3 ปราสาทที่พระเจ้าลุควิคที่ 2 ได้สร้างขึ้นมานับเป็นปราสาทหลังที่ 2 ที่พระองค์ได้เสด็จไปเยือนฝรั่งเศสในปี ค.ศ.1867 เพราะความประทับใจในพระราชวังแวร์ซายน์ จุดประสงค์เพื่อใช้ล่าสัตว์และถือว่าเป็นปราสาทที่เล็กที่สุดใน 3 ปราสาทที่พระองค์ทรงสร้างขึ้น โดยใช้เวลาสร้างถึง 4 ปี แบบศิลปะร็อกโคโคแบบฝรั่งเศส นำท่านเข้า ชมห้องภายในปราสาท ซึ่งเปิดให้ท่านชมเพียง 9 ห้องเท่านั้น เช่น บัลลังก์เปลือกหอย,ห้องบรรทมห้องเสวย,ห้องแต่งตัว เป็นต้น ซึ่งถูกตกแต่งได้อย่างวิจิตรอลังการมาก ถือว่าเป็นปราสาทเล็กๆ แต่อัดแน่นไปด้วยสถาปัตกรรมและความสวยงามจริงๆ จากนั้นอิสระให้ท่านถ่ายรูปพอสมควร จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองการ์มิสช์ ปาร์เทนไครเช่น (Garmisch-Partenkirchen) เมืองที่สวยงามเป็นอันดับต้นๆ ของเยอรมนี ซึ่งเมืองเล็กๆ ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาพักผ่อนกันบ้านเรือนตกแต่งด้วยสไตล์บาวาเรียน มีภาพเขียนสีตกแต่งตามบ้านเรือนและถือเป็นประตูสู่ยอดเขา Zugspitze ยอดเขาที่สูงที่สุดในประเทศเยอรมันนี และเป็นเมืองสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบการเดินป่า เล่นสกี หรือทำกิจกรรมกลางแจ้งต่าง นำท่านเดินเล่นเก็บบรยากาศอันแสนโรแมนติคของเมือง |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน |
ที่พัก | MERCURE HOTEL GARMISCH-PARTENKIRCHEN หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว หมายเหตุ : โรงแรมเมืองการ์มิช มีจำกัด หากโรงแรมเต็มทาง บริษัทขอสงวนสิทธิ์ย้ายไปนอนเมืองใกล้เคียง |
วันที่ห้า | การ์มิส - โบสถ์วีสเกอเชอ - ลินเดา - ทิทิเซ่ |
เช้า | รับประทานแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก อาหารเช้า นำท่านเดินทางสู่ เมืองชไตน์กาเดน (Steingaden) (ระยะทาง 40 กิโลเมตร ใช้เวลา 40 นาที) นำท่านแวะชม โบสถ์ วีสเกอเชอ(Wieskirche ) หรือเรียกว่า Pilgrimage Church of Wies เป็นชื่อของโบสถ์เล็กๆ ซึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ภายในโบสถ์ตกแต่งในสไตล์ Rococo ที่สมบูรณ์แบบที่สุด จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO และเป็นหนึ่งในโบสถ์ที่สวยที่สุดในโลก โดยโบสถ์แห่งนี้ถือกำเนิดขึ้น จากในปี ค.ศ. 1738 มีคำกล่าวอ้างว่า ประชาชนได้เห็นน้ำพระเนตรหลั่งจากพระเนตรของรูปไม้กางเขนแกะสลักไม้ของพระเยซู หรือที่เรียกกันว่าพระมหาไถ่ถูกเฆี่ยน (Scourged Saviour) เรื่องเล่าแห่งปาฏิหาริย์ในครั้งนั้น เป็นเหตุให้มีนักแสวงบุญเดินทางไปจารึกบุญ เยี่ยมชม และอธิษฐานขอพรจาก รูปแกะสลักพระเยซูอย่างมากมาย ด้วยความเชื่อที่ว่ารูปแกะสลักนี้สามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ ในปีค.ศ. 1740 ได้จัดสร้างชาเปลขึ้นเพื่อเป็นที่ประดิษฐานรูปแกะสลักนี้โดยเฉพาะ แต่เนื่องด้วยขนาดของอาคารที่เล็กเกินกว่าที่จะรองรับจำนวนของนักแสวงบุญที่เดินทางมาจารึกบุญ จึงได้มีการตัดสินใจสร้างโบสถ์วีสแห่งนี้ขึ้น โดยโบสถ์แห่งนี้สร้างแบบศิลปะโรโกโก การตกแต่งภายในออกแบบโดย โดมินิคุส ซิมเมอร์มันน์ ผู้เป็นศิลปินสำคัญของสมัยศิลปะโรโกโก และถือกันว่าเป็นผลงานชิ้นเอกของศิลปีนท่านนี้ โดมินิคุส ซิมเมอร์มันน์ได้ทุ่มเทสร้างโบสถ์แห่งนี้ เป็นเวลา 11 ปี ตั้งแต่ปี ค.ศ 1745 จนถึงปี ค.ศ. 1754 ก่อนที่จะเสียชีวิตลง อิสระให้ท่านถ่ายรูปตามอัธยาศัย หมายเหตุ : การเข้าชมด้านในโบสถ์บางวันหากมีพิธีสำคัญจะไม่อนุญาติให้นักท่องเที่ยวเข้าชม ให้ชมได้แค่เพียงภายนอกเท่านั้น จากนั้นนำท่านเดินสู่ เมืองลินเดา (Lindau) (ระยะทาง 115 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 ชม.) เมืองตากอากาศแสนสวยริมทะเลสาบคอนสแตนซ์ (Lake Constance) หรืออีกชื่อคือทะเลสาบโบเดนเซ (Bodensee) จากนั้นนำท่านเดินชม ลินเดา เมืองเล็กที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก เป็นเมืองเล็กๆอยู่ระหว่างสามประเทศ คือเยอรมัน ออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์ ด้วยของเมืองที่ถูกโอบล้อมด้วยทะเลสาบโดยมีฉากหลังเป็นเทือกเขาเอลป์จนได้รับฉายาว่า แชงกรีลา แห่งเยอรมัน นำท่านเดินเล่น ถ่ายรูปกับศาลาว่าการเมือง ถ่ายรูปกับเสาประภาคารบาวาเรียและเสารูปสิงโตซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองลินดา อิสระทุกท่านเดินเล่นเลือกซื้อสินค้าตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ โรงแรมที่พัก ณ เมืองเบรเก้น (Bregenz) |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง |
บ่าย | จากนั้นนําท่านเดินทางสู่ เมือง ทิทิเซ่ (TITISEE) (ระยะทาง 145 กิโลเมตร ใช้เวลา 2 ชม.) เขตป่าดําตอนใต้(SOUTH BLACK FOREST) เมืองเล็กๆที่อยู่ท่ามกลางป่าสนอันอุดมสมบูรณ์และทะเลสาบสุดสวย นําท่านชม ทะเลสาบที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ ทะเลสาบทิทิเซ่ (TITISEE LAKE) ทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในป่าดํามีความยาว 2 กิโลเมตร และมีความกว้าง 700 เมตร ผ่านบริเวณนี้ ท่านจะได้พบกับยอดเขาที่สูงที่สุดในป่าดํานั่นคือ ยอดเขา FELDBERG ซึ่งความสูงถึง 1500 เมตร เดินทางถึง ทะเลสาบทิทิเซ่ ท่านจะได้พบกับความสวยงามของธรรมชาติที่ห้อมล้อมทะเลสาบแห่งนี้ซึ่งถือเป็นหนึ่งในทะเลสาบที่สวยติดอันดับในทวีปยุโรปอีกด้วย นําท่านชม ทิวทัศน์ความงดงามของป่าดํา และ ทะเลสาบ มนต์เสน่ห์ที่ท่านจะต้องหลงใหลไม่มีวันลืม ให้ท่านได้เลือกซื้อหรือชม นาฬิกากุ๊กกู เป็นของฝากหรือเลือกซื้อสินค้าที่ระลึกตามอัธยาศัย |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง |
ที่พัก | MARITIM HOTEL TITISEE หมายเหตุ : โรงแรมเมืองทิทิเซ่ มีจำกัด หากโรงแรมเต็มทาง บริษัทขอสงวนสิทธิ์ย้ายไปนอนเมืองใกล้เคียง |
วันที่หก | เอกิซไฮม์ (ฝรั่งเศส) (Unseen) - กอลม่าร์ - ริคเวีย - สตราสบูร์ก |
เช้า | รับประทานแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก อาหารเช้า นำท่านเดินทางข้ามพรมแดนสู่ หมู่บ้าน เอกิซไฮม์ (Equisheim) (ระยะทาง 80 กม. ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.) Les Plus Beaux Villange de France เป็นหนึ่งในหมู่บ้านที่สวยที่สุดในประเทศฝรั่งเศส และได้ขึ้นชื่อว่าเป็น Typical Villageมีชื่อเสียงเรื่องการผลิตไวน์ บ้านเรือนเป็นแบบกึ่งไม่กึงปูนแบบสมัยในยุคกลางกว่า 70 หลัง พื้นที่กว่า 600 ไร่ ให้ท่านเดินชื่นชมบรรยากาศ บ้านเรือนตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองกอลมาร์ (COLMAR) (ระยะทาง 8 กิโลเมตร ใช้เวลา 10 นาที ) เมืองในแคว้นอาลซัส ประเทศฝรั่งเศส และเป็นหนึ่งใน (เมืองที่ถูกจัดอันดับ 1ใน 10 เมืองโรแมนติคที่สุดในโลก) ได้รับการขนานนามว่าเวนิสน้อย (LA PETITE VENISE) ตั้งอยู่บนเส้นทางไวน์ของอาลซัส และยังเป็นบ้านเกิดของศิลปิน เฟรดเดริก โอกุสต์ บาร์ตอลดี ผู้ออกแบบเทพีเสรีภาพ เมืองกอลมาร์มีชื่อเสียงในการอนุรักษ์เมืองให้คงเป็นเมืองที่มีลักษณะสถาปัตยากรรมและบรรยกาศของเมืองโบราณ ในตัวเมืองมีพิพิธภัณฑ์ ร้านค้า ที่อยู่อาศัยเหมือนในยุคกลาง ด้วยบบรรยกาศที่สวยงามตัดกับบ้านเรือนสีสันสดใสจึงเป็นเมืองที่คู่รักจากทั่วโลกเดินทางมาฮันนีมูนที่นี้ จากนั้นอิสระให้ทุกท่านเดินตามอัธยาศัย |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง |
บ่าย | จากนั้นได้เวลานำท่านสู่ เมืองริคเวีย (Riquewihr) (เราเป็นบริษัททัวร์แรกๆ ที่จัดเข้าไปเที่ยว) (ระยะทาง 15 กิโลเมตร / ใช้เวลาประมาณ 20นาที ) เมืองที่ติดกับเมืองกอลมาร์ เป็นแหล่งปลูกไวน์ชั้นเลิศของแคว้นอาลซาส และเป็นหนึ่งใน Les Plus Beaux Villange de France หรือหมู่บ้านที่สวยที่สุดในฝรั่งเศส และยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก (Unesco) นำท่านเดินชม บ้านเรือนที่อยู่ในหุบเขา ล้อมรอบไปด้วยไร่องุ่นที่ไว้สำหรับทำไวน์ โดยเฉพาะช่วงเดือน เม.ย – พ.ย. จะเห็นต้นองุ่นที่ถูกปลูกสวยงามยิ่งนัก นำท่านเดินเล่นชมเมือง ริคเวีย ท่านจะได้พบกับร้านเรือนที่มีสีสันสวยงามล้อมรอบไปด้วยไร่องุ่น มีตรอกซอกซอยร้านค้า ร้านไวน์ ร้านกาแฟ ให้ท่านเลือกนั่งจิ๊บไวน์หรือกาแฟ หรือเลือกซื้อไวน์ที่มีชื่อเสียง อิสระให้ท่านเดินถ่ายรูปจนเป็นที่พอใจ จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองสตราสบูร์ก (Strasbourg) (ระยะทาง 70 กิโลเมตร / ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ) เป็นเมืองแห่งความโรแมนติค และเมืองหลวงของแคว้นอัลซาส (Alsace)ประเทศฝรั่งเศส เมืองที่มีความสวยงามเมืองหนึ่งของยุโรป ซึ่งเมื่อท่านเดินทางมาแถบลุ่มแม่น้ำไรน์ไม่ควรพลาดเด็ดขนาด เมืองขนาดกลางแห่งนี้มีย่านเมืองเก่าทางประวัติศาสตร์ที่รู้จักกันในนาม la Petite France (ปารีสน้อย) นำท่านถ่ายรูปกับ มหาวิหารนอร์ทเทอดาม ได้รับการยกย่องให้เป็นมหาวิหารที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปและมียอดโดมสูงที่สุดในยุโรปตะวันตก อีกด้วยออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิค สร้างด้วยหินทรายสีชมพูทั้งหลังโดยสร้างขึ้นในช่วงกลางถึงปลายศตวรรษที่ 12 ใช้เวลาในการก่อสร้างนานกว่า 260 ปี ตัววิหารมีการรวบรวมรูปแบบการก่อสร้างที่งดงามหลายส่วนรวมถึงรูปแกะสลักต่างๆ ช่วงยุคกลาง จากนั้นอิสระถ่ายรูปหรือเลือกซื้อสินค้าพื้นตามอัธยาศัย
|
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง เมนู หอยเอสคาโก้ |
ที่พัก | HILTON STRASBOURG HOTEL หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว |
วันที่เจ็ด | สตราสบูร์ก - ปราสาทโฮเฮนโซลเลิร์น (Unseen) - ไฮเดิลเบิร์ก |
เช้า | รับประทานแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก อาหารเช้า นำท่านชม เขต la Petite France ของเมืองสตราสบูร์ก ซึ่งมีภูมิทัศน์สวยงามด้วยบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ริมฝั่งสองแม่น้ำ ซึ่งเป็นศูนย์กลางเมือง มีลักษณะเป็นพื้นที่ล้อมรอบด้วยแม่น้ำอิลล์ทั้งสี่ด้านและมีเส้นทางคูคลองเชื่อมต่อกันไปมากมาย บริเวณใกล้เคียงเป็นเกาะที่มีสะพานหลายแห่งเป็นตัวเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ส่วนอื่นๆของเมือง ภายในย่านนี้มีลักษณะเป็นตรอกซอกซอย พื้นถนนปูลาดด้วยหินกรวด เรียงรายด้วยบ้านไม้โบราณสไตล์อัลซาสที่สวยงามซึ่งทอดตัวเป็นภาพเงาสะท้อนในคลองตลอดถนน Rue des Moulins จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ที่ตั้งของ ปราสาทโฮเฮนโซลเลิร์น ( Hohenzollen Castle) (ระยะทาง 125 กิโลเมตร / ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. )รัฐ บาเดิน-เวิอร์ทเทมแบร์ก (Baden – Wurttemberg) |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง |
บ่าย | จากนั้นนำท่านเข้าชมด้านในของ ปราสาทโฮเฮนโซลเลิร์น ปราสาทแห่งนี้เป็น 1 ใน 8 ปราสาทเทพนิยายของประเทศเยอรมัน ปราสาทโฮเฮนโซลเลิร์น ตั้งตระหง่านอยู่เหนือชนบทของ Zollemalb ที่ความสูง 855 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล ปราสาทแห่งนี้เป็นบ้านของราชวงศ์โฮเฮนโซลเลิร์นมาตั้งแต่เริ่มก่อสร้างในศตวรรษที่ 11 ต่อมาได้ถูกทำลายลงในปี คศ.1423 และสร้างขึ้นใหม่ถึงสองครั้ง โดยรูปแบบปัจจุบันเป็นผลงานจากสมัยศตวรรษที่ 19 ตอนปลาย ปราสาทแห่งนี้เคยเป็นที่พำนักประจำของราชวงศ์ปรัสเซีย และเป็นอนุสรณ์สถานสำหรับราชวงศ์โฮเฮนโซลเลิร์น ในปัจจุบันมีการปรับใช้ปราสาทให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้น โดยเป็นทั้งโรงละครแบบเปิด สถานที่จัดคอนเสิร์ต ปัจจุบัน แต่ละปีมีมีผู้คนมาเยี่ยมชมปราสาทแห่งนี้ไม่ต่ำกว่าปีละ 300,000 คน จึงเป็นหนึงในปราสาทที่มีคนมาเยี่ยมชมอันดับต้นๆ ของประเทศเยอรมัน จากนั้นนำท่านออกเดินทางสู่เมือง ไฮเดลเบิร์ก(Heidelberg) (ระยะทาง 180 กิโลเมตร / ใช้เวลา 2.30 ชม. ) ตั้งอยู่ในรัฐ baden-Wurttemburg ทางใต้ของแฟรงค์เฟิร์ตเป็นเมืองที่มีบรรยากาศสวยงามริมฝั่งแม่น้ำเน็คคาร์ (Neckar) โดยมีปราสาทไฮเดลเบิร์กตั้งอยู่บนเชิงเขา |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารไทย |
ที่พัก | CROWNE PLAZA HOTEL HEIDELBERG หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว |
วันที่แปด | ปราสาทไฮเดิลเบิร์ก - โรเธนเบิร์ก |
เช้า | รับประทานแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก อาหารเช้า จากนั้นเข้าชม ปราสาทไฮเดลเบิร์ก ซึ่งตั้งอยู่บนเขาแบร์กบาห์น ปราสาทแห่งนี้ใช้เวลาสร้างนานถึง 400 ปีจึงเสร็จสมบูรณ์ สถาปัตยกรรมที่เห็นจึงมีหลากหลายตามยุค โดยเริ่มก่อสร้างจากยุคโกธิค ในศตวรรษที่ 12 โดยพระเจ้ารูเพรชท์ที่ 3 ปราสาทได้รับความาเสียหายในปี 1622 ซึ่งอยู่ในช่วงสงคราม30ปีและมาถูกเผาทำลายถึง 2ครึ่งในปี 1689และ 1693 ในสงครามกับฝรั่งเศส จึงเหลือตาซากปรักหักพัง และได้การยอมรับว่านี้คือซากปรักหักพังของปราสามที่สวยงามที่สุดในโลก นำท่านชมวิวจาก จุดชมวิวบนตัวปราสาท ท่านจะมองเห็นเมืองไฮเดลเบิร์กได้อย่างสวยงาม นำท่านชมเก็บถังไวน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ด้วยขนาดความจุราว 222,000ลิตร จากนั้นนำท่านลงสู่ ตัวเมืองเก่าของไฮเดลเบิร์ก นำท่านชม สะพานเก่าอัลเทอบรุค เป็นสะพานข้ามแม่น้ำเน็คคาร์ ที่ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 18 เมื่อเดินข้ามสะพานไปแล้วมองหันกลับมาท่านจะเห็ปราสาทไฮเดลเบิร์กสีชมพูอมแดงตั้งโดดเด่นเหนือตัวเมืองไฮเดลเบิร์ก นำท่านชมรูปปั้นลิง บนตัวสะพานที่มีความเชื่อว่าหากได้มาสัมผัสรูปปั้นลิงนี้จะได้กลับมาเยือนอีกครั้งหนึ่ง จากนั้นนำท่านเดินเข้าสู่ จตุรัสมาร์คพลัทซ์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของโบสถไฮลิก ไกสท์เคียร์เค่อ โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 เป็นศิลปแบบโกธิค จากนั้นอิสระให้ทุกท่านเดินชมเมืองหรือเลือกซื้อสินค้าที่ระลึกของฝากมากมายตามอัธยาศัย
|
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน |
บ่าย | จากนั้นนำท่านเดินสู่ เมืองโรเธนเบิร์ก ออบ เดียร์ เทาเบอร์ (Rothenburgob der Tauber) หรือเรียกๆว่า เมืองโรเธนเบิร์ก ( ระยะทาง 160 กิโลเมตร / ใช้เวลาประมาณ2 ชม. ) เมืองเก่าแก่ของจักรวรรดิฟรังค์ ในเขตบาวาเรีย (Bavaria) ซึ่งปัจจุบันกลายมาเป็นจุดหมายปลายทางที่ สำคัญของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เพราะได้รับการยอมรับว่าเป็นเมืองในยุคกลางที่สวยที่สุดในเยอรมัน จากนั้นนำท่านเดินชม เมืองโรเธนเบิร์ก เป็นเมืองโบราณ ที่ตั้งอยู่ภายในวงล้อมของกำแพงเมืองถือว่าเป็นเมืองที่ค่อนข้างมีประวัติศาสตร์อันแสนโรแมนติกของเยอรมนีเช่นกันอีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์และแนวกำแพงป้องกันเมืองดั้งเดิมบ่งบอกถึงความรุ่งเรืองของเมืองที่ทำการค้า ไวน์ โค กระบือ และขนสัตว์ที่มีมาตั้งแต่ ค.ศ. 1274 นำท่านชม ศาลาว่าการเมือง (Town Hall) ที่ตั้งตระหง่านเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมือง โดยตัวอาคารนั้นถูกสร้างขึ้นในช่วงปี ค.ศ.1250 ในแบบอาคารโกธิค นำท่านขึ้นไปชมทัศนียภาพอันงดงามของอาคารบ้านเรือนหลากสีสันที่ จัตุรัส Plönlein จัตุรัสเล็ก ๆ แต่มีชื่อเสียงในไปทั่วโลก บริเวณรอบ ๆประกอบไปด้วยลานน้ำพุและตลาดเก่า อิสระท่านเดินเล่นชมเมือง ซื้อของฝาก และถ่ายรูปเป็นที่ระลึก |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารพื้นเมือง |
ที่พัก | GOLDENER HIRSCH HOTEL ROTHENBURG หรือระดับเทียบเท่า 4 ดาว หมายเหตุ : เมืองโรเธนเบิร์ก โรงแรมมีจำนวนจำกัด หากโรงแรมเต็มทางบริษัทขอย้ายไปนอนเมืองใกล้เคียง |
วันที่เก้า | วูร์ซเบิร์ก - แฟรงค์เฟิร์ต - จตุรัสโรเมอร์ - ช้อปปิ้ง - สนามบิน |
เช้า | รับประทานแบบอเมริกัน ณ โรงแรมที่พัก อาหารเช้า นำท่านเดินทางสู่ เมืองวูร์ซเบิร์ก (Wuerzburg) (ระยะทาง 60 กิโลเมตร / ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. )เมืองบนเนินเขาทางตอนเหนือของแคว้นบาวาเรีย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเมนซึ่งเป็นอีกแหล่งเพาะปลูกองุ่นเพื่อผลิตไวน์ของเยอรมัน และเป็นเมืองที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก นำท่านชม ความงดงามของเมือง วูร์ซเบิร์ก โดยเริ่มจาก ศาลาว่าการเมือง (City Hall) แวะถ่ายรูปกับมหาวิหารแห่งเมืองวูร์ซเบริ์ก (Wurzburg Cathedral) สร้างขึ้นเมื่อ คศ. 788 และในการก่อสร้างระหว่างปี 1040 - 1225 ได้รับอิทธิพลจากศิลปะแบบโรมาเนสก์ จึงทำให้ภายนอกมหาวิหารสร้างแบบโรมาเนสก์ จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับ Wurzburg Residence สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 10 ซึ่งอดีตคือพระราชวังเก่า สร้างแบบสถาปัตยกรรมบาโรก และได้มีการบูรณะหลายครั้งเนื่องจากถูกทำลายจากสงครามโลกครั้งที่ 2 จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมืองแฟรงค์เฟิร์ต เมืองธุรกิจการค้าที่สำคัญของเยอรมัน ( ระยะทาง 125 กิโลเมตร / ใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม. )
|
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารไทย |
บ่าย | นำชมย่าน โรเมอร์ จตุรัสเมืองที่เก่าแก่ของแฟรงค์เฟิร์ต ที่ยังคงอนุรักษ์บ้านเรือนและศิลปกรรมไว้อย่างดีให้ท่านเดินเล่นเลือกซื้อสินค้าที่ระลึกหรือสินค้าแบรนด์เนม เช่น นาฬิกา กระเป๋าเดินทาง Rimowa หรือสินค้าอื่นๆ ตามอัธยาศัย จากนั้นได้เวลานำท่านเดินทางสู่ สนามบิน ให้ท่านได้มีเวลาทำ TAX REFUND |
20.40 น. | ออกเดินทางกลับสู่ กรุงเทพ โดย สายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG 923 |
วันที่สิบ | กรุงเทพ - สุวรรณภูมิ |
12.30 น. | เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพมหานคร โดยสวัสดิภาพ *** ขอบพระคุณที่ใช้บริการของเรา และหวังว่าจะมีโอกาสรับใช้ท่านในครั้งต่อๆไป *** |