วันแรก | กรุงเทพฯ |
21.30 น. | พร้อมกันที่ สนามบินสุวรรณภูมิ ชั้น 4 เคาน์เตอร์ G สายการบินออสเตรียน แอร์ไลน์ เจ้าหน้าที่ คอยให้การต้อนรับพร้อมอำนวยความสะดวก และเอกสารแก่ท่าน |
23.45 น. | ออกเดินทางสู่ เวียนนา ประเทศออสเตรีย โดยเที่ยวบินที่ OS 026 (ใช้เวลาบิน ประมาณ 10.50 ช.ม.)
|
วันที่สอง | ซาเกรบ - ชมเมืองเก่าซาเกรบ - โอพาเทีย (เมืองรีสอร์ทริมทะเล อาเดรียติก) |
05.35 น. | เดินทางถึง กรุงเวียนนา เมืองหลวงของประเทศออสเตรีย (แวะเปลี่ยนเครื่อง) |
07.00 น. | ออกเดินทางสู่ กรุงซาเกรบ ประเทศโครเอเชีย เที่ยวบินที่ OS 681 (ใช้เวลาบิน ประมาณ 50 นาที) |
07.50 น. | เดินทางถึง สนามบิน Pleso International Airport หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมือง พร้อมรับสัมภาระเรียบร้อย นำท่านเดินทางโดยรถโค้ชปรับอากาศสู่ กรุงซาเกรบ (Zagreb) ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าพันปี ผ่านจัตุรัสที่มีรูปปั้นของนายพล “บาน โจซิฟ เจลาซิค” ที่เป็นวีระบุรุษของประเทศ นำทหารชาวโครแอตต่อต้านฮังการีในสมัยต้นศตวรรษที่ 19 ต่อด้วยเดินชมเขตเมืองเก่าตอนบนและตอนล่าง ที่เชื่อมกันด้วย รถราง Funicular ที่มีความยาวสั้นที่สุดในยุโรป นำท่าน นั่งรถรางสู่ เมืองตอนบน ของกรุงซาเกรบ ผ่านชมประตูเมืองเก่าป้อมปราการโบราณและโบสถ์เซนต์มาร์ก ที่ตั้งอยู่ในเขตที่ทำการรัฐบาล โดยโบสถ์แห่งนี้มีหลังคาที่โดดเด่น ไม่ซ้ำใคร นำท่านเดินชมเมืองตอนบนผ่าน ประตูหิน (Stone Gate) ที่เคยเหตุการณ์ไฟไหม้ในอดีต แต่มีรูปของพระแม่มารียังคงเหลืออยู่เพียงสิ่งเดียว เป็นความมหัศจรรย์ที่รูปของพระแม่มารีไม่โดนไฟไหม้ ทำให้ปัจจุบันชาวพื้นเมืองนิยมมาไหว้บูชาหรือขอบคุณกับสิ่งปาฏิหาริย์ ที่เคยขอแล้วได้ดั่งที่ต้องการ สังเกตจากแผ่นหินที่ติดโดยรอบ จะสลักคำว่า “HVALA” ที่แปลว่า ขอบคุณ ในภาษาท้องถิ่น จากนั้นนำท่านชม ตลาดกลางเมือง (Dolac Market) ตลาดกลางแจ้งที่เก่าแก่ที่มีสีสันสดใส ขายไม้ดอก ไม้ประดับ, ผลไม้ราคาถูกและผ้าลูกไม้สวยแบบต่างๆ ได้เวลาอันสมควร นำท่านเข้าชมภายใน มหาวิหาร เซนต์ สตีเฟ่น โบสถ์คาทอลิกประจำเมืองซาเกรบ พร้อมรับฟังเรื่องเล่าทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของโบสถ์ เชิญท่านอิสระตามอัธยาศัยกับการเลือกซื้อสินค้าและของที่ระลึกในย่านการค้า |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารจีน |
บ่าย | นำท่านออกเดินทางโดยรถโค้ชปรับอากาศสู่ภาคตะวันตกของ ประเทศโครเอเชีย ซึ่งมีชื่อเรียกภูมิภาคนี้ว่า แคว้น “อิสเตรีย” (Istria) เมืองแรกที่ นำท่านเยี่ยมชมคือ เมือง โอพาเทีย (Opatija) เมืองที่มีสมญานามว่า “ไข่มุกแห่งทะเลอาเดรียติก” ชื่อเดิมของเมืองนี้ ในภาษาอิตาลี คือ “Abbazia” ด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์ประกอบกับอยู่ริมทะเลอาเดรียติก ที่มีวิลล่าหรูหราสไตล์ออสเตรีย จึงทำให้โอพาเทีย เป็นเมืองท่องเที่ยวและพักผ่อนที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโครเอเชีย นำท่านชมตัวเมือง แวะถ่ายรูปกับรูปปั้น นางแห่งนกนางนวล (Maiden with the Seagull) ซึ่งเป็นรูปปั้นที่แกะโดย ZVONKO CAR เป็นรูปสตรีงดงามที่มีนกนางนวลเกาะอยู่ที่มือ ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์แห่งเมือง มีเวลาอิสระตามอัธยาศัยให้ท่านได้เดินชมเมืองโอพาเทีย |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง |
ที่พัก | Hotel Grand Palace หรือเทียบเท่า |
วันที่สาม | โอพาเทีย – พูล่า – แอมฟิเธียเตอร์ – โรวินจน์ – โบสถ์อุฟเฟเมีย – โอพาเทีย |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก นำท่านเดินทางสู่เมือง “พูล่า” (Pula) ระหว่างทางผ่านชมท้องทะเลสีครามสวยงามที่สุด โดยตรงข้ามจะมีเกาะใหญ่ 2 เกาะคือ เกาะ KRK ซึ่งเป็นเกาะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศโครเอเชีย และ เกาะ CRES โดยเมือง พูล่า หรือ โพล่า ในภาษาอิตาเลี่ยน เป็นเมืองเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งที่มีความโดดเด่นในฐานะศูนย์กลางของคาบสมุทรอิตาเลียน เมืองพูล่าเคยเป็นเมืองเป็นศูนย์กลางของแหลมอิสเตรีย และเคยเป็นดินแดนของประเทศอิตาลีมาก่อน ทำให้มีผู้คนใช้ภาษาอิตาเลี่ยน กันอย่างแพร่หลายแม้กระทั่งตามป้ายจราจรยังคงมีภาษาอิตาเลี่ยนเขียนกำกับไว้ / เข้าชมสิ่งก่อสร้างในสมัยโรมันที่ยิ่งใหญ่ ที่ยังคงเหลือเป็นอนุสรณ์และสำคัญที่สุดคือ สนาม พูล่า อารีน่า (PULA Arena) หรือ AMPHITHEATER สนามกีฬากลางแจ้ง ที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับโคลอสเซียม ที่กรุงโรม นับเป็นอารีน่าที่ใหญ่เป็นอันดับหกที่สร้างขึ้นในยุคโรมันเรืองอำนาจ จึงถูกสร้างขึ้นตามแบบฉบับสถาปัตยกรรมโรมันอย่างเดียวกับโคลอสเซียมของกรุงโรม สามารถจุผู้คนได้ถึง 22,000 คน โดยผ่านทางเข้าออก 20 ช่องทาง อารีน่าที่เห็นในปัจจุบันได้รับการอนุรักษ์ให้คงสภาพดั้งเดิม ในช่วง ค.ศ.15 มีเรื่องน่าประหลาดใน โดยชาวเวเนเชี่ยนพยายามจะมาขนย้ายหินของอารีน่าแห่งนี้ไปสร้างไว้ที่เมืองเวนิสแทน แต่โชคดีที่ทำไม่สำเร็จและได้รับการต่อต้านจากชาวเมืองท้องถิ่น อารีน่าแห่งนี้จึงรักษาสภาพสมบูรณ์เอาไว้ได้จนมาถึงทุกวันนี้ ในปัจจุบันมักใช้เป็นสถานที่จัดงานกิจกรรมกลางแจ้ง เทศกาลดนตรีต่างๆ รวมทั้งเป็นสถานที่จัดงานภาพยนตร์ประจำปี (International Film Festival) อีกด้วย จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ โรวินจ์ (Rovinj) ระยะทาง 40 กิโลเมตร เมืองสวยชายทะเลที่ตั้งอยู่บนแหลมอีสเตรีย ด้วยความที่ดินแดนแห่งนี้ถูกปกครองโดยเวเนเชี่ยน และอยู่ภายใต้การปกครองของอิตาลีมาก่อน ทำให้สถาปัตยกรรมและวัฒนธรรมของเมืองนี้มีความคล้ายคลึงกับอิตาลีเป็นอย่างมาก |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง |
บ่าย | นำท่านเดินชม เมืองโรวินจ์ ที่สวยงาม ชมอาคาร บ้านเรือนและตรอกซอกซอยขนาดเล็ก ที่พื้นปูด้วยหินก้อนเล็กก้อนน้อย โรวินจน์เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยร้านจำหน่ายของที่ระลึก , ร้านกาแฟ และร้านอาหารต่าง ๆ มากมาย เดินชม โบสถ์ St. Euphemia ที่ตั้งอยู่บนเนินเขา โบสถ์สไตล์บาร็อคที่มียอดโบสถ์สูงถึง 61 เมตร และถือได้ว่าเป็นยอดโบสถ์ ทีสูงที่สุดของแคว้น นำท่านชมเขตเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยความงดงามของตึกรามบ้านช่องที่เรียงเป็นแนวยาวในตรอกเล็กๆ ริมชายฝั่งทะเลอาเดรียติก ซึ่งบริเวณเมืองเก่าแห่งนี้มีลักษณะเป็นเกาะแยกตัวออกมาจากแผ่นดินใหญ่ แต่ได้มีการถมทะเลเชื่อมต่อกับแผ่นดินใหญ่เพื่อความสะดวกในการเดินทาง จากนั้นมีเวลาให้อิสระเลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองตามอัธยาศัย จนได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางกลับสู่ เมืองโอพาเทีย |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง |
ที่พัก | Hotel Grand Palace หรือเทียบเท่า |
วันที่สี่ | โอพาเทีย – อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ (Unesco) – ซาดาร์ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก นำท่านออกเดินทางโดยรถโค้ชปรับอากาศสู่ อุทยานแห่งชาติ พลิตวิเซ่ (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง) โดยระหว่างทาง ท่านจะได้เดินทางบนเส้นทางเลียบชายฝั่งริมทะเลอาเดรียติกที่สวยงาม เส้นทาง Unseen ที่มีวิวทิวทัศน์ของเกาะแก่งน้อยใหญ่ คล้ายเป็นก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่กลางทะเล เนื่องจากความแรงของลมบริเวณนี้ทำให้ไม่มีต้นไม้ต่าง ๆ บนเกาะแก่งเหล่านี้ ไล่ตั้งแต่ช่วงบริเวณเมือง “โนวี่ วิโนโดลสกี้” ต่อเนื่องจนถึงเมือง “เซนจ์” ชมวิวเพลิดเพลินจนเดินทางข้ามเขตผ่านป่าเขาและทุ่งหญ้าผ่านเมืองออกโตกักและเข้าสู่เขตอุทยานแห่งชาติพลิทวิเซ่ ซึ่งเป็นอุทยานแห่งสวรรค์ที่มีชื่อเสียงของประเทศโครเอเชีย อุทยานแห่งชาติพลิตวิเซ่ เป็นอุทยานแห่งชาติ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO เมื่อปี 1979 อุทยานแห่งนี้มีเนื้อที่กว่า 29,482 เฮคเตอร์ พื้นที่ส่วนใหญ่ปกคลุมด้วยน้ำมีทะเลสาบสีเขียวมรกตและสีฟ้า รวมกันถึง 16 ทะเลสาบ เชื่อมต่อกันด้วยทางเดินสะพานไม้ลัดเลาะระหว่างทะเลสาบและเนินเขา |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเพลิดเพลินเดินชมความงามของ ทะเลสาบและน้ำตก ที่ไหลรวยรินลงสู่ทะเลสาบทั่วทุกหนทุกแห่ง ชมฝูงปลาแหวกว่ายในสระน้ำใสราวกระจกสะท้อนสีครามของท้องฟ้าแวดล้อมด้วยหุบเขา ต้นไม้ใหญ่ที่ร่มรื่น (การเดินเที่ยวใน อุทยานขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในวันนั้นๆ)… นำท่าน ล่องเรือข้ามทะเลสาบ KOZJAK ซึ่งเป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในอุทยานและเป็นทะเลสาบที่เชื่อมระหว่างอุทยานตอนบนและอุทยานตอนล่าง เพลิดเพลินกับธรรมชาติที่สวยงามของอุทยานแห่งชาติพลิทวิเซ่จะเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาล โดยแต่ละฤดูกาลจะมีความสวยงามของธรรมชาติโดดเด่นแตกต่างกันโดยยากที่จะตัดสินได้ว่าฤดูกาลใดสวยงามที่สุด ได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ เมืองซาดาร์ (Zadar) |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ |
ที่พัก | Hotel Borik, หรือเทียบเท่า |
วันที่ห้า | ซาดาร์ – ชีบีนิค (Unesco) – โทรเกียร์ (Unesco) - สปลิท (Unesco) |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก นำท่านเดินทางสู่ เมือง ซีบีนิค (Sibenik) เมืองริมฝั่งทะเลอาเดรียติค ที่มีหลังคาอาคารบ้านเรือนทำด้วยกระเบื้องสีแสด สไตล์เรอเนสซองส์ ที่ได้รับอิทธิพลจากทางอิตาลี ชมสภาว่าการเมืองเก่า THE OLD LOGGIA ที่สร้างขึ้นราว ค.ศ. 15 นำท่านชม มหาวิหารเซนต์เจมส์ หรือ เซนต์จาคอบ ที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมอิตาเลี่ยน – ดัลเมเชี่ยนได้อย่างลงตัว งดงามด้วยยอดโดมและหลังคา ที่ประดับด้วยแผ่นหิน จนได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกจากยูเนสโก้ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ เมือง โทรเกียร์ (Trogir) เมืองสวยที่เป็นมรดกโลก ระหว่างทางผ่านชมเมืองที่มีสภาพเป็นเกาะอยู่โดดเดี่ยวสวยงามมีชื่อเสียงของโครเอเชีย คือ เมืองพรีโมสเตน นำท่านชม เขตเมืองเก่าโทรเกียร์ ที่มีสถาปัตยกรรมในสไตล์ กรีก – โรมันโบราณ อาทิเช่น ประตูเมืองเก่าที่ได้มีการบูรณะขึ้นใหม่เมื่อศตวรรษที่ 16 , หอนาฬิกาที่สร้างขึ้นในสมัยที่ 14 ผ่านชมมหาวิหารเซ็นต์ลอร์เลนซ์ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 12 ใช้เวลาก่อสร้างนับสิบปี ที่มีความงดงามด้วยกรอบและบานประตูหินแกะสลัก มีรูปปั้นสิงโต อดัม & อีฟและรูปสลักนักบุญเซนต์ลอร์เลนต์องค์สำคัญ ที่ผู้สร้างมหาวิหารแห่งนี้อุทิศให้ มีเวลาให้ท่านเดินเล่นในเมืองเก่า เลือกซื้อสินค้าท้องถิ่นที่ระลึกมากมายในเขตเมืองเก่าโทรเกียร์แห่งนี้... เมื่อได้เวลาอันสมควร นำท่านเดินทางสู่ เมือง “สปลิท” (SPLIT) (ระยะทาง 28.4 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที) เมืองสำคัญใหญ่อันดับ 2 ของประเทศโครเอเชีย และเป็นเมืองเมืองท่าที่มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวของโครเอเชีย สามารถนั่งเรือข้ามฟากระหว่างประเทศไปที่ประเทศอิตาลีได้ ณ เมืองแห่งนี้ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารจีน
|
ที่พัก | Hotel Atium, or similar class หรือเทียบเท่า |
วันที่หก | สปลิท – นีอุม (บอสเนีย) – มาลี สตอน ล่องเรือชมฟาร์มหอยนางรม – ดูบรอฟนิค |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก นำท่านชม พระราชวังดิโอคลีเชี่ยน ที่สร้างขึ้นจากพระประสงค์ของจักรพรรดิ์ดิโอคลีเชี่ยน ที่ต้องการสร้างพระราชวังสำหรับบั้นปลายชีวิตของพระองค์ ซึ่งใช้เวลาในการก่อสร้างถึง 10 ปี UNESCO ในยุคสมัยของจักรพรรดิ์ดิโอเคลีเชี่ยน เป็นช่วงยุคสมัยเริ่มต้นของจักรวรรดิโรมันตะวันออก หรือ จักรวรรดิไบเซนไทน์นั่นเอง พระราชวังดิโอเคลเชี่ยนได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1979 ชมห้องโถงกลางซึ่งมีทางเดินที่เชื่อมต่อสู่ห้องอื่นๆ ชมลานกว้างซึ่งล้อมไว้ด้วยเสาหินแกรนิต 3 ด้าน และเชื่อมต่อด้วยโค้งเสาที่ตกแต่งด้วยช่อดอกไม้สลักอย่างวิจิตรสวยงาม อิสระให้ท่านเดินช้อปปิ้งตามอัธยาศัย |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน แบบพื้นเมือง |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ อ่าวมาลี สตอน (MALI STON) ก่อนเดินทางถึงเมืองมาลี สตอน ท่านจะได้ข้ามพรมแดน เข้าสู่ ประเทศบอสเนีย (แวะถ่ายรูป) บริเวณเมืองที่มีชื่อว่า เมืองนีอุม เป็นประเทศเพื่อนบ้านของโครเอเชียโดยประชากรส่วนใหญ่ก็เป็นชาวโครเอเชีย ต่อด้วยนำท่านเดินทางข้ามพรมแดนอีกครั้งหนึ่งเพื่อกลับเข้าสู่ประเทศโครเอเชีย เมื่อถึงเมืองมาลี สตอน นำท่านล่องเรือเยี่ยมชมฟาร์มเลี้ยงหอย ชมขั้นตอนต่างๆ ของการเลี้ยงหอยแล้วให้ท่านได้ชิมหอยนางรมสดๆจากทะเลอาเดรียติก พร้อมด้วยเครื่องเคียง จิบไวน์สดเติมเต็มรสชาติ ท่ามกลางบรรยากาศที่สวยงามของอ่าวมาลี สตอน ***(ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ ณ วันที่เดินทาง)*** นำท่านล่องเรือเยี่ยมชม ฟาร์มเลี้ยงหอย ชมขั้นตอนต่างๆ ของการเลี้ยงหอยแล้วให้ท่านได้ชิมหอยนางรมสดๆจากทะเลอาเดรียติก พร้อมด้วยเครื่องเคียง จิบไวน์สดเติมเต็มรสชาติ ท่ามกลางบรรยากาศที่สวยงามของอ่าวมาลี สตอน จากนั้นนำท่านเดินทางสู่ “ดูบรอฟนิค” (Dubrovnik) เมืองทางตอนใต้ของสาธารณรัฐโครเอเชีย ซึ่งเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในแคว้นดัลเมเทีย (Dalmatia) ซึ่งมีพรมแดนติดกับประเทศบอสเนีย เฮอร์เซโกวีน่า และประเทศมอนเตเนโกร… อีกทั้งเป็นเมืองที่เรือสำราญขนาดใหญ่นิยมมาจอดอีกด้วย |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ โรงแรมที่พัก |
ที่พัก | Hotel Lero, or similar class หรือเทียบเท่า |
วันที่เจ็ด | ดูบรอฟนิค – กระเช้าไฟฟ้า – ล่องเรือทะเลอาเดรียติค – กำแพงโบราณ – ชมเมืองเก่า |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก ช่วงเช้ามีเวลาช่วงสั้น ๆ ให้ท่านได้อิสระพักผ่อนที่โรงแรมตามอัธยาศัย หลังจากนั้นนำท่านเดินทางสู่ สถานีเคเบิลคาร์เพื่อขึ้น กระเช้าไฟฟ้า สู่ ยอดเขา SRD ที่มีความสูง 400 เมตร เพื่อชมวิวทิวทัศน์ที่คงความเป็นเอกลักษณ์ของบ้านเมืองหลังคาสีและความงดงามทะเลอาเดรียติก ยามสีน้ำเงินของทะเลอาเดรียติกตัดกับสีส้มแสดของกระเบื้องหลังคาเมืองเก่า สวยงามเกินจินตนาการมากว่าคำบรรยายใด ๆ นำท่าน ล่องเรือพาโนราม่า ชมความสวยงามของเมืองเก่าดูบรอฟนิคให้ครบทุกมุมมอง โดยเรือพาโนราม่าจะล่องเลียบกำแพงเมืองเก่ามุ่งหน้าสู่ “เกาะล็อกครุม” (Lokrum) แล้วแล่นชมเกาะก่อนจะกลับเข้าสู่ท่าเรือดูบรอฟนิคแห่งเดิม โดยในอดีตสมัยสงครามครูเสด กษัตริยริชาร์ดใจสิงห์แห่งเกาะอังกฤษเคยมาแวะพัก ณ เกาะล็อกครุมแห่งนี้ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง |
บ่าย | นำท่านเที่ยวชม เมืองดูบรอฟนิค ซึ่งถือว่าเป็นเมืองที่สวยงามติดอันดับต้นๆของโลก ซึ่งในอดีตเมื่อปี 1991 เมืองดูบรอฟนิค ได้เป็นเป้าหมายถูกโจมตีจากกองทหารยูโกสลาฟ บ้านเรือนกว่าครึ่ง อนุสาวรีย์ต่างๆ เสียหาย และทรุดโทรม โดยมีการบูรณะเมืองส่วนที่เสียหายขึ้นใหม่ในระยะเวลาอันสั้น ปัจจุบันเมืองดูบรอฟนิค ก็กลับมาสวยงามอีกครั้ง ชมทัศนียภาพของ เมืองซึ่งดูบรอฟนิค มีที่ตั้งอยู่ตามแนวชายฝั่งทะเลอาเดรียติค ตัวเมืองจะเป็นป้อมปราการโบราณที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองชมแนวกำแพงป้อมปราการที่มีขนาดกว้างขวางใหญ่โต ที่ท่านสามารถขึ้นไปชมความงดงามของตัวเมืองได้อย่างดี จากนั้นให้ท่านได้ ถ่ายรูปที่ระลึกบริเวณจัตุรัสกลางเมือง ซึ่งเป็นสถานที่นัดพบและประกอบกิจกรรมของชาวเมืองในอดีต รวมถึงสถานที่ลงโทษผู้กระทำผิดด้วย อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปที่ระลึกกับ เสาหินอัศวิน, หอนาฬิกา ที่ตั้งอยู่ปลายสุดของถนนสายหลัก สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1444 หน้าปัดทำด้วยเหล็ก มีความพิเศษตรงลูกกลมๆ ใต้หน้าปัดซึ่งแทนพระจันทร์บอกข้างขึ้นข้างแรมในสมัยก่อน และรูปปั้นของ นักบุญ St.Blaise ซึ่งมีโบสถ์ประจำเมืองสไตล์โรมาเนสก์แห่งแรกของเมืองเป็นฉากหลัง จากนั้นนำท่านเดินขึ้น “ชมกำแพงเมืองโบราณ” ชมความสวยงามของแนวหลังคาสีส้มตระหง่านไปทั้งเมืองเก่า กำแพงแห่งนี้มีความยาวรวมกันประมาณ 2 กิโลเมตร ท่านจะได้เพลิดเพลินชมความสวยงาม โดยว่ากันว่า ใครมาเมืองดูบรอฟนิคแล้วไม่ได้ขึ้นมาชมกำแพงเมืองโบราณแห่งนี้ถือว่ามาไม่ถึงดูบรอฟนิค |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง เมนูพิเศษ กุ้ง LOBSTER ย่าง เสิร์ฟพร้อมสปาเก็ตตี้ พร้อมชมการแสดงระบำลาโด้ ศิลปะการแสดงท้องถิ่นที่พิเศษจัดให้ชมเฉพาะท่านเท่านั้น!!! |
ที่พัก | Hotel Lero, or similar class หรือเทียบเท่า |
วันที่แปด | ดูบรอฟนิค – ชาฟตัท – เวียนนา (เปลี่ยนเครื่อง) |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรมที่พัก นำท่านช้อปปิ้งละลายเงินคูน่าก่อนเดินทางออกจากประเทศโครเอเชีย ซื้อของฝากจาก “Konzum” ซุปเปอร์มาร์เก็ตท้องถิ่นที่มีสินค้าหลากหลายมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “KRAS”ช้อคโกแลตท้องถิ่น ยี่ห้อที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรปตะวันออก , ไวน์โลกเก่าท้องถิ่น “Dingac” , “Postup” จากองุ่นพันธุ์ท้องถิ่น “Plavac Mali” คุณภาพระดับเดียวกับไวน์ฝรั่งเศสหรืออิตาเลี่ยน และสินค้าอื่น ๆ อีกมากมาย อิสระให้ท่านได้เลือกช้อปปิ้งตามอัธยาศัย |
11.30 น. | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารอาหารพื้นเมือง |
13.00 น. | นำท่านออกเดินทางสู่ สนามบินดูบรอฟนิค (หากมีการทำการคืนภาษีกรุณาแจ้งหัวหน้าทัวร์ให้ทราบด้วย) |
14.55 น. | ออกเดินทางกลับสู่ เวียนนา ประเทศออสเตรีย โดยเที่ยวบินที่ OS 732 (ใช้เวลาบินประมาณ 1.15 นาที) |
16.25 น. | เดินทางถึง เวียนนา แวะพักเปลี่ยนเครื่อง ระหว่างรอเครื่องในสนามบินเวียนนา ท่านสามารถซื้อสินค้าในสนามบิน หากราคาสินค้าใน บิลเดียวกันเกิน 75 ยูโร สามารถทำภาษีคืนได้ (TAX REFUND) กรุณาสอบถามที่เจ้าหน้าที่ INFORMATION สนามบินเวียนนา |
23.20 น. | ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดยเที่ยวบินที่ OS 025 (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10 ชั่วโมง) |
วันที่เก้า | กรุงเทพฯ สนามบินสุวรรณภูมิ |
14.20 น. | เดินทางถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจมิรู้ลืม... |