วันที่ 1 | กรุงเทพมหานคร – สตอกโฮล์ม |
22.00 น. | คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่ เคาน์เตอร์เชคอิน D (แถว D) ประตูทางเข้าที่ 1- 4 อาคารผู้โดยสาร สายการบินไทย ณ สนามบินสุวรรณภูมิ (แนะนำให้ท่านจัดกระเป๋าใบเล็ก สำหรับพักค้างบนเรือ Sijaline 1 คืน กระเป๋าใบใหญ่เก็บไว้ในตู้เรือ) |
วันที่ 2 | สตอกโฮล์ม – พิพิธภัณฑ์เรือรบโบราณวาซาร์ – ซิตี้ฮอลล์ – ล่องเรือซิลจาไลน์ |
01.10 น. | ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิสู่สนามบินอาลันดา (ARN)โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ TG960 สายการบิน บริการอาหารค่ำและอาหารเช้า บนเครื่องบิน (ใช้เวลาบินประมาณ 10.50 ช.ม.) |
07.00 น. | เดินทางถึงสนามบินอาลันดา ประเทศสวีเดน นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร นำท่านชมกรุงสตอกโฮล์มซึ่งตั้งอยู่บนหมู่เกาะใหญ่น้อยโอบล้อมด้วยทะเลสาบมาลาร์ ก่อกำเนิดนครอันงามสง่าริมคลองมากมาย ผ่านชมโรงละคร ทำเนียบรัฐบาล นำท่านเข้าชมศาลากลางจังหวัด (City hall) อันมีชื่อเสียงไปทั่วโลกในการจัดงานเลี้ยงเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลท่านจะได้ ชม ห้องจัดเลี้ยง (Blue Hall) รวมทั้งห้องโถงที่ใช้ในการเต้นรำซึ่งประดับประดาไปด้วยโมเสคทองคำกว่า 18 ล้านชิ้น ศาลาว่าการแห่งนี้ใช้เวลาก่อสร้างนานกว่า 12 ปี ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อดังชาวสวีเดน Ragnar Ostberg สร้างด้วยอิฐแดงกว่า 8 ล้านก้อนและมุงหลังคาด้วยหินโมเสค สร้างแล้วเสร็จสมบูรณ์ในปี 1911 นำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์เรือรบโบราณวาซาร์ ซึ่งได้รับการกู้ขึ้นมาหลังจากจมอยู่ในน้ำเป็นเวลา 333 ปี ท่านจะได้ชมสิ่งของเครื่องใช้ภายในเรือ ตลอดจนเรือวาซาร์ที่แท้จริงเกือบสมบูรณ์แบบเหมือนเมื่อสมัย ค.ศ.1625 ที่พระเจ้ากุสตาฟอดอลฟุสที่ 2 ดำริให้สร้างเรือรบนี้ขึ้นมาเพื่อขยายอำนาจทางการทหารทั่วยุโรป |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน |
บ่าย | นำท่านขึ้นจุดชมวิวบนเนินเขา Fjallgatan เพื่อบันทึกภาพของกรุงสตอกโฮล์มจากมุมที่สวยที่สุด เมืองที่ได้รับสมญานามว่า “เวนิสแห่งยุโรปเหนือ” และยังได้รับการคัดเลือกให้เป็น “นครหลวงแห่งวัฒนธรรมของยุโรป” อิสระให้ท่านได้ชมวิวสวยของตัวเมืองที่ตั้งและโอบล้อมไปด้วยเกาะใหญ่ 14 เกาะ แล้วย้อนอดีตโดยชมย่านเมืองเก่าที่มีอายุมากกว่า 700 ปี “กามลา สตาน” (Gamla Stan) ที่มีการตั้งบ้านเรือนบนเกาะนี้ตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 13 และมีการรักษาสภาพไว้ได้อย่างดีเยี่ยม นำท่านเที่ยวชมภายใน เมืองเก่าโอลด์ซิตี้ ท่านจะได้สัมผัสกับหมู่อาคารหลากสีมากมายที่เรียงรายรอนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกมาเก็บภาพความน่าประทับใจ จากนั้นนำท่าน ผ่านชมพระบรมมหาราชวังบนเกาะสตาเดน ชมวังหลวงอันโอ่โถงงาม สง่าด้วยสถาปัตยกรรมสมัยเรเนซองส์ ปัจจุบันเป็นที่เลี้ยงรับรองผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบล |
15.00 น. | นำท่านเดินทางสู่ท่าเทียบเรือสตอกโฮล์ม เพื่อเชคอินลง เรือสำราญ Silja Line |
16.45 น. | เรือสำราญออกจากท่าเทียบเรือสตอกโฮล์ม (ประเทศสวีเดน) มุ่งสู่ท่าเทียบเรือ เฮลซิงกิ (ประเทศฟินแลนด์) |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ภายในเรือสำราญ |
ที่พัก | เรือสำราญ Silja Line (ห้องพักแบบ OUTSIDE CABIN- SEA VIEW) |
วันที่ 3 | เฮลซิงกิ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารภายในเรือสำราญ |
09.55 น. | เรือสำราญจอดเทียบท่า ณ ท่าเรือเฮลซิงกิ นำท่านเชคเอาท์จากเรือสำราญ นำท่านเที่ยวชม เซเนท สแควร์ (Senate Square) เป็นจตุรัสกลางเมืองที่ใช้จัดกิจกรรมใหญ่ๆ และเป็นศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์ของเฮลซิงกิ โดยใจกลางจตุรัสมี อนุสาวรีย์พระเจ้าอเล็กซานเดอร์ ที่ 2 ประดิษฐานอยู่อย่างโดดเด่นเป็นสง่า จากนั้นนำท่านชม อนุสาวรีย์ซิเบลิอุส (Sibelius Monument) อนุสาวรีย์แห่งนี้ตั้งอยู่ใน Sibelius Park ถูกสร้างขึ้นเพื่อสดุดีให้แก่นักประพันธ์เพลงคลาสสิกชื่อดังของโลกชาวฟินแลนด์นามว่า Jean Sibelius (1865-1957) ผู้แต่งเพลงฟินแลนเดีย เพลงปลุกใจชาวฟินน์ให้ลุกขึ้นมาเรียกร้องเอกราชจากรัสเซีย ลักษณะเป็นอนุสาวรีย์ที่แปลกตามากๆออกแบบโดย Eila Hiltunen เป็นการสร้างโดยนำเอาแท่งเหล็กจำนวน 600 แท่ง มาเชื่อมเข้าด้วยกันจนออกมาเป็นรูปร่างของออร์แกนลม ที่มีความสูง 85 ม. กว้าง 10.5 ม. ลึก 6.5 ม. และหนัก 24 ตันตั้งอยู่กลางแจ้งอย่างโดดเด่น จากนั้นนำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเซอูราซาอารี (Seurasaari Open Air Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่จัดแสดงบ้านเรือนในแต่ละภูมิภาคของประเทศฟินแลนด์ ตลอดจนจำลองสถานที่สำคัญๆทางประวัติศาสตร์และวิถีชีวิตของชาวฟินแลนด์ ให้ท่านได้เก็บภาพความสวยงามและบ้านเรือนอันแปลกตาของชาวแลปแลนด์ที่สามารถชมได้จากสถานที่แห่งนี้ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านถ่ายรูปมหาวิหารเฮลซิงกิ (Helsinki Cathedral) ซึ่งในอดีตเรียกว่าโบสถ์นิโคลัส เป็นมหาวิหารสีขาวบริสุทธิ์สวยงาม ตั้งเด่นตระหง่านอยู่จนเรียกว่าเป็นจุดแลนด์มาร์กของเฮลซิงกิก็ว่าได้ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปกันอย่างเป็นจำนวนมาก จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับมหาวิหารอุสเปนสกี้ (Uspenski Church) เป็นมหาวิหารของศาสนาคริสต์นิกายออร์ธอดอกซ์ สร้างขึ้นระหว่างปี ค.ศ. 1862 – ค.ศ. 1868 ออกแบบก่อสร้างโดย Aleksei Gornostajev สำหรับมหาวิหารแห่งนี้ถือว่าเป็นเครื่องแสดงถึงความสัมพันธ์ของฟินแลนด์กับรัสเซีย ที่เคยปกครองฟินแลนด์อยู่ถึง 108 ปี จากนั้นนำท่านชม โบสถ์เทมเปลิโอคิโอ" (Temppeliaukio Church) หรือที่รู้จักกันในนาม "โบสถ์หิน" (Rock Church) หรืออีกชื่อหนึ่งคือ "โบสถ์แห่งความรัก" ถูกสร้างขึ้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2511 แล้วเสร็จวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของปีถัดไป และมีความเชื่อว่าหากใครก็ตามมาจุดเทียนอธิษฐานเรื่องเกี่ยวกับความรักในโบสถ์นี้ก็จะสมหวังในสิ่งที่อธิษฐานทุกประการ จึงทำให้มีผู้คนจำนวนมากเดินทางมาจัดพิธีแต่งงานที่นี่ เพราะว่ากันว่าคู่รักที่มาจัดพิธีแต่งงานที่โบสถ์แห่งนี้จะครองรักกันยืนยาว นำท่านสู่ ห้างสรรพสินค้าฟอรั่ม (Forum Shopping Center) ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่และเก่าแก่ที่สุดของเมืองเฮลซิงกิ ซึ่งมีร้านค้ากว่า 120 ร้าน ให้ท่านได้เลือกซื้อของฝาก |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารไทย |
19.00 น. | นำท่านเดินทางสู่สนามบินเฮลซิงกิ |
21.35 น. | ออกเดินทางจากสนามบินเฮลซิงกิ สู่ สนามบินโรวาเนียมิ โดยเที่ยวบิน AY537 (ใช้เวลาบินประมาณ 1.15 ชั่วโมง) |
22.50 น. | เดินทางถึงสนามบินโรวาเนียมิ |
ที่พัก | Scandic Pohjanhovi Hotel **** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 4 | หมู่บ้านซานตาคลอส – ฟาร์มกวางเรนเดียร์ – อิวาโล |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านซานตาคลอส (Santa Claus Village) ดินแดนในฝันของนักท่องเที่ยวทั่วโลก นำท่านถ่ายรูปกับ เส้นอาร์คติกเซอร์เคิล (Arctic Circle) เส้นแบ่งเขตแดนตามเส้นรุ้งและเส้นแวงเพื่อกำหนดขอบเขตของบริเวณซีกโลกเหนือ โดยเส้นอาร์คติกเซอร์เคิลจะอยู่ที่ 66 องศา 33 ลิปดา 44 ฟิลิปดาเหนือ เป็นตัวบ่งบอกจุดเหนือสุดที่ในเวลา 1 ปี คนที่อยู่แถบนี้ มีโอกาสไม่พบกับพระอาทิตย์ขึ้นเลยอย่างน้อย 24 ชั่วโมง หรือพระอาทิตย์ไม่ตกเลยเป็นเวลาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง นำท่านแวะชม ซานตาคลอสออฟฟิศ (Santa Claus Office) หรือที่ทำการของซานตาคลอส ภายในตกแต่งด้วยสีสันสดใสมากมาย พร้อมทั้งให้ท่านได้พบกับลุงซานต้าคลอสตัวโตในชุดคริสต์มาสสีแดงที่คอยต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกท่านด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม นำท่านแวะชม ที่ทำการไปรษณีย์ซานตาคลอส (Santa Claus Main post office) ท่านสามารถเลือกซื้อไปรษณียบัตรหลากหลายสีสันเพื่อเขียนอวยพรครอบครัวและมิตรสหาย พร้อมทั้งฝากซานต้าคลอสส่งกลับมายังประเทศไทยได้ ณ ที่ทำการไปรษณีย์นี้ อิสระให้ท่านเดินเล่นถ่ายรูปในบริเวณหมู่บ้านซานตาคลอสที่ประดับประดาด้วยธีมคริสต์มาสอันสวยงามตามอัธยาศัย หรือจะเลือกซื้อของฝาก ของที่ระลึก ภายในหมู่บ้านซานตาครอสแห่งนี้ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ ฟาร์มกวางเรนเดียร์ (Reindeer Farm) หรือฟาร์มกวางคารีบู ให้ท่านได้สัมผัสกับความน่ารักของกวางเรนเดียร์ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีขนาดใหญ่ โดยตัวผู้มีขนาดใหญ่ ขนาดโตเต็มที่มีน้ำหนักกว่า 300 กิโลกรัม และสูงประมาณ 214 เซนติเมตร ขนตามลำตัวยามปกติจะมีสีน้ำตาล แต่เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ขนจะเปลี่ยนไปเป็นสีอ่อนขึ้น หรือสีขาว ชาวแลปแลนด์นิยมเลี้ยงไว้เพื่อใช้งานสำหรับรถลากเลื่อน อิสระให้ท่านได้ถ่ายรูปกับกวางเรนเดียร์แห่งแลปแลนด์อย่างใกล้ชิด ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ เมืองซาลิเซก้า (Saariselka) เมืองท่องเที่ยวตั้งอยู่ทางตอนเหนือของฟินแลนด์มีชื่อเสียงอย่างมาก ทางด้านที่พักและรีสอร์ท (ระยะทาง 260 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.30 ชั่วโมง) เมืองที่ตั้งในเขตการปกครองอินารี (Inari) ในเขตแลปแลนด์ ของประเทศฟินแลนด์ เป็นเมืองสกีรีสอร์ท และ ยังเป็นเมืองหน้าด่านประตูที่มุ่งสู่นอร์ธเคป หากเดินทางมาจากฝั่งฟินแลนด์ ในอดีตเมืองนี้ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสงครามแลปแลนด์ (Lapland war) ในช่วงระหว่างปี 1944-1945 ซึ่งถูกรุกรานโดยกองทัพเยอรมัน อย่างไรก็ตามหลังสงครามเมืองอิวาโล ได้ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่กลายเป็นเมืองที่มีความสวยงามเหมือนในปัจจุบัน |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม |
ที่พัก | Ivalo Hotel ****หรือเทียบเท่า |
วันที่ 5 | อิวาโล (ฟินแลนด์) – ลักเซล – ออนนิงสแวก – นอร์ธเคป (ชมพระอาทิตย์เที่ยงคืน) |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองลักเซล (Lakselv) ระยะทาง 229 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4.45 ชม. เมืองทางตอนเหนือของประเทศนอร์เวย์ เรียกได้ว่าใกล้เขตกรีนแลนด์มาก เป็นเมืองเล็กๆ น่ารัก ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ส่วนหนึ่งของเขตแลปแลนด์ เรียกได้ว่าเป็นผืนแผ่นดินของนอร์เวย์ที่อยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือมากอีกแห่งหนึ่ง ท่านจะได้สัมผัสกับทัศนียภาพของเมืองที่อยู่ทางตอนเหนือของอาณาเขตแลปแลนด์ นำท่านเที่ยวชมเมืองลักเซล เมืองเล็กๆที่เป็นจุดผ่านขึ้นสู่นอร์ธเคป |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่เมืองฮอนนิงสแวก (Honningsvag) ระยะทาง 163 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3 ชม. ดินแดนที่อยู่ทางเหนือสุดของโลก โดยอยู่ทางภาคเหนือของประเทศนอร์เวย์ เป็นแคว้นกว้างใหญ่ซึ่งเป็นบริเวณแห่งทะเลน้ำแข็ง (Arctic Circle) และเป็นดินแดนแห่งพระอาทิตย์เที่ยงคืน (Midnight Sun) ระหว่างทางท่านจะได้ชื่นชมกับธรรมชาติสองข้างทาง ป่าไม้อันงดงามตามแบบฉบับขั้วโลกเหนือ นำท่านเดินทางผ่านอุโมงค์ที่สร้างด้วยเทคโนโลยีที่ชาวนอร์เวย์ภูมิใจเมื่อปี คศ. 1999 ที่ผ่านมา ซึ่งมีความยาวประมาณ 10 กิโลเมตร ลึกลงจากพื้นทะเลกว่า 50 เมตร เมืองฮอนนิงสแวกนี้ในอดีตเป็นเมืองท่าศูนย์กลางการล่าปลาวาฬที่มีชื่อเสียงและเป็นท่าเรือในการขนถ่ายปลาทะเลที่สำคัญของนอร์เวย์ รวมทั้งยังเป็นเมืองที่มีช่วงเวลาของฤดูหนาวยาวนานที่สุด นำท่าน สัมผัสประสบการณ์จับปูยักษ์ (King Crab Safari) โดยนั่งเรือ ตื่นตาตื่นใจกับการจับปูยักษ์ตัวเป็นๆให้ท่านได้ลองจับและถ่ายภาพเป็นที่ระลึก กับกิจกรรมจับปูยักษ์ นับเป็นอีกกิจกรรมที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร พร้อมเมนู ปูยักษ์ นำท่านเดินทางสู่ที่ตั้งของ “ศูนย์นิทรรศการนอร์ธเคป” ซึ่งตั้งอยู่บนปลายแหลมนอร์ธเคป อิสระให้ท่านชมภาพถ่ายเกี่ยวกับการประพาสของรัชกาลที่ 5 เมื่อปี พ.ศ. 2450 ซึ่งพระองค์ได้จารึกพระปรมาภิไธยบนก้อนหินขนาดใหญ่ ที่ปัจจุบันได้จัดแสดงไว้ให้ชาวไทยได้มีความภาคภูมิใจในพระปรีชาสามารถภายในพิพิธภัณฑ์สยาม ที่จัดสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ประเทศไทย รับฟังและชมเรื่องราวของปรากฏการณ์พระอาทิตย์เที่ยงคืนในห้อง Auditorium ก่อนที่จะไปชมปรากฏการณ์จริงด้านนอก |
00.00 น. | หากสภาพอากาศเอื้ออำนวย ท่านจะได้ชมความงามของ “พระอาทิตย์ที่ส่องแสงสีทองงามจับตาใน ยามเที่ยงคืน หรือที่รู้จักในนาม “Midnight Sun” ภาพดวงอาทิตย์สะท้อนผืนน้ำในมหาสมุทรอาร์กติก ในดินแดนสุดขอบโลก พร้อมรับ“ประกาศนียบัตร” และดื่มแชมเปญฉลอง ณ จุดเหนือสุดของแผ่นดินนอร์เวย์ เป็นที่ระลึกในการที่ท่านได้เดินทางมาเยือนดินแดนอันเป็น “ที่สุด” แห่งนี้ |
ที่พัก | Scandic Nordkapp Hotel *** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 6 | ออนนิงสแวก – อัลตา – ทรุมเซอ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม อิสระให้ท่านได้พักผ่อนและเดินเล่นรอบโรงแรมได้ตามอัธยาศัย เพื่อให้ท่านได้มีเวลาพักผ่อนอย่างเต็มที่ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านออกเดินทางสู่เมืองอัลตา (Alta) ระยะทาง 207 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 3.15 ชั่วโมง เพื่อขึ้นเครื่องบินสู่เมืองทรุมเซอ (Tromso) เมืองอัลตา (Alta) ทางเหนือของนอร์เวย์ ห่างจาก Artic Circle ราว 375 กิโลเมตร เมืองใหญ่ที่สุดในฟินน์มาร์ก เป็นที่รู้จักกันในหมู่ชาวประมงว่ามีแหล่งน้ำที่มีปลาแซลมอนที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลก เมืองที่มีงานเทศกาล Finnmarksløpet ซึ่งเป็นการแข่งขันรถลากเลื่อนสุนัขชื่อดังของยุโรปที่จะจัดขึ้นในทุกๆ ปี อีกทั้งยังขึ้นชื่อเรื่องการแกะสลักหิน ความงดงามทางธรรมชาติและวัฒนธรรมทำให้เมืองอัลตาได้รับการขึ้นทะเบียนจาก UNESCO ให้เป็นมรดกโลก นำท่านผ่านชมโบสถ์แห่งแสงเหนือ (Northern Lights Cathedral) โบสถ์สไตล์โมเดิร์นที่มีแสงเหนือเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ |
เย็น | รับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
19.00 น. | นำท่านเดินทางสู่สนามบินอัลตา |
21.45 น. | ออกเดินทางจากสนามบินอัลตา สู่ สนามบินทรุมเซอ โดยเที่ยวบิน WF 929 ใช้เวลาบินประมาณ 40 นาที |
22.25 น. | เดินทางถึงสนามบินทรุมเซอ |
ที่พัก | Scandic Ishavshotel **** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 7 | ทรุมเซอ – โลโฟเตน |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเที่ยวชมเมืองทรุมเซอ (Tromso) เมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงซึ่งตั้งอยู่ในเขตมณฑลทรอม (Troms) อีกหนึ่งมณฑลทางตอนเหนือของนอร์เวย์ และทางตอนเหนือของคาบสมุทรสแกนดิเนเวียน อีกทั้งยังเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเขตอาร์คติกเซอร์เคิลอีกด้วย นำท่านชมบริเวณย่านใจกลางเมือง ท่านสามารถชมความงดงามของเหล่าสถาปัตยกรรมที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม โดยเฉพาะเหล่าอาคารบ้านไม้เก่าแก่ที่ถูกแต่งแต้มด้วยสีสันฉูดฉาด จากนั้น นำท่านเข้าชมมหาวิหารทรุมเซอ (Tromso Cathedral) มหาวิหารไม้ที่ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมือง ที่ได้รับการยอมรับว่ามีความเก่าแก่ที่สุด และยังเป็นหนึ่งในโบสถ์ไม้ที่ใหญ่ที่สุดของนอร์เวย์ โดยมหาวิหารสร้างขึ้นในช่วงปี 1861 ในแบบสไตล์โกธิคที่มีความงดงามมากแห่งหนึ่ง นำท่านเข้าชมมหาวิหารอาร์คติก (Arctic Cathedral) มหาวิหารที่สร้างขึ้นในรูปแบบสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ อีกทั้งยังมีโครงสร้างที่โดดเด่น ซึ่งได้แรงบันดาลใจในการสร้างมาจากสภาพภูมิทัศน์ในแบบภาคเหนือของนอร์เวย์ มหาวิหารอาร์คติก ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดในทรุมเซอ โดยมหาวิหารนี้สร้างขึ้นในปี 1965 เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวจะสามารถชมความงดงามของพระอาทิตย์เที่ยงคืนได้อย่างชัดเจน นำท่านสัมผัสกับประสบการณ์การนั่งเคเบิ้ลคาร์สู่ยอดเขาสโตรสไตเนิน (Storsteinen Mountain) ยอดเขาที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองทรุมเซอได้อย่างชัดเจน อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความงามเมืองทรุมเซอจากมุมสูง หากมีเวลาให้ท่านได้เดินเล่นและเลือกซื้อของฝากตามอัธยาศัย |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน |
บ่าย | นำท่านนั่งเรือเฟอร์รี่ ผ่านฟยอร์ดต่างๆมากมาย ให้ท่านสัมผัสกับธรรมชาติอันแสนพิสุทธิ์ของประเทศนอร์เวย์ อิสระให้ท่านได้เก็บภาพระหว่างการนั่งเรือเฟอร์รี่ สู่หมู่เกาะโลโฟเตน นำท่านเดินทางสู่เมืองสโลเวอร์ (Svolvaer) (ระยะทาง 160 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2.15 ชั่วโมง) เมืองในเขตนอร์ดแลนด์ (Nordland) ของประเทศนอร์เวย์และเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในเกาะโลโฟเตน เกาะที่มีชื่อเสียงเรื่องทัศนียภาพที่สวยงามยิ่งของประเทศนอร์เวย์ ระหว่างการเดินทางสู่เมืองสโลเวอร์ท่านจะได้ชมและสัมผัสกับธรรมชาติสองข้างทางที่สวยงามและแปลกตายิ่งแห่งเกาะโลโฟเตน อีกทั้งโลโฟเตนยังได้ชื่อว่าเป็นเกาะที่สามารถชมแสงเหนือและถ่ายภาพได้สวยงามอีกแห่ง อันเป็นผลจากการที่มีเทือกเขาล้อมรอบและมีหมู่บ้านชาวประมง ริมหาดเป็นช่วงๆ ช่วงฤดูร้อนบนเกาะโลโฟเตนได้ชื่อว่า “สวรรค์บนดิน” ของนักท่องเที่ยว และในช่วงหน้าหนาว |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม |
ที่พัก | Scandic Svolvaer Hotel / Thon Hotel Lofoten **** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 8 | เกาะโลโฟเตน – เลคเนส – พิพิธภัณฑ์ไวกิ้ง – รีนน์ – นัสฟยอร์ด – แฮมนอยด์ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่เมืองเลคเนส (Leknes) เมืองเล็กๆน่ารักอีกเมืองบนเกาะโลโฟเตน นำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์ไวกิ้ง (Viking Museum) ซึ่งจัดแสดงศิลปวัฒนธรรมและความเป็นอยู่ของชาวไวกิ้งในอดีตที่ย้ายถิ่นฐานมาปักหลัง ณ ผืนแผ่นดินนอร์เวย์ในปัจจุบัน ท่านจะได้ชมข้าวของเครื่องใช้ ตลอดจนการแต่งกายของชาวไวกิ้งในอดีต นำท่านเดินทางสู่เมืองนัสฟยอร์ด (Nusfjord) อีกหนึ่งเมืองเล็กๆน่ารักๆแห่งเกาะโลโฟเตน ท่านจะได้สัมผัสกับทัศนียภาพอันแปลกตา ภูเขาสลับแม่น้ำ และทะเลสาบที่สะท้อนภาพเทือกเขาบนผืนน้ำ ระหว่างการเดินทางสู่เมืองนัสฟยอร์ด นำท่านเที่ยวชมหมู่บ้านชาวประมง (Fisherman Village) ที่ได้ชื่อว่าเป็นหมู่บ้านชาวประมงที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดียิ่งอีกแห่งของนอร์เวย์ หมู่บ้านแห่งนี้มีการรังสรรค์หมู่บ้านหลากสีสัน ทั้งแดง เหลือง เขียว และยังคงอนุรักษ์บ้านเมืองเก่าไว้อย่างดียิ่ง อิสระให้ท่านได้เก็บภาพตามอัธยาศัย หรือจะนั่งเล่นชิลล์ๆ จิบกาแฟ ชื่นชมกับธรรมชาติของเมืองนี้ นอกจากนี้เมืองนัสฟยอร์ดยังได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก ให้เป็นเมืองมรดกโลกอีกด้วย |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารไทย |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่เมืองรีนน์ (Reine) (ระยะทาง 41 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 35 นาที) นำท่านเที่ยวชมหมู่บ้านแฮมนอยด์ (Hamnoy) หมู่บ้านชาวประมงที่ปรากฏอยู่ในโปสการ์ดโลโฟเตน ที่นักท่องเที่ยวสามารถพบเห็นได้บ่อยตามร้านขายของที่ระลึกต่างๆ ภาพหมู่บ้านชาวประมงหลากสี พร้อมวิวของเทือกเขาสูงเป็นฉากหลังนับเป็นอีกหนึ่งทัศนียภาพที่สวยงามยิ่ง อิสระให้ท่านได้เก็บภาพความสวยงามของหมู่บ้านแฮมนอยด์ตามอัธยาศัย ได้เวลานำท่านสู่เมืองรีนน์ นำท่านเที่ยวชมความน่ารักของเมืองเล็กๆอีกแห่งที่มีมนต์เสน่ห์ทางธรรมชาติ อันสวยงามแห่งเกาะโลโฟเตน จากนั้นนำท่านเดินทางสู่จุดปลายสุดของเกาะโลโฟเตน กับการแวะถ่ายรูปหมู่บ้าน A ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่ปลายเกาะโลโฟเตน |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
ที่พัก | Eliassen Rorbuer Hotel/ Reine Rorbuer Hotel หรือเทียบเท่า หมายเหตุ : โรงแรมที่พักในเมืองรีนน์ หลายแห่งเป็นโรงแรมในลักษณะบ้านพักตากอากาศ แบบหมู่บ้านชาวประมง ดังนั้นในบ้าน 1 หลังจะมี 2 ห้องนอนและใช้ห้องน้ำเดียวกันที่พัก |
วันที่ 9 | รีนน์ – โบโด |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าแบบ Breakfast Box |
06.00 น. | นำท่านเดินทางสู่ ท่าเรือมอสคิเนส (Moskenes) เพื่อนั่งเรือเฟอร์รี่สู่เมืองโบโด |
07.00 น. | เรือเฟอร์รี่ออกเดินทางจากท่าเรือเมืองมอสคิเนส มุ่งหน้าสู่เมืองโบโด ให้ท่านได้อิสระเต็มที่กับการเก็บภาพบรรยากาศของธรรมชาติฟยอร์ดแห่งนอร์เวย์ในระหว่างการล่องเรือสู่ เมืองโบโด ฟยอร์ดแห่งเกาะโลโฟเตน เรียกได้ว่าเป็นเมืองฟยอร์ดที่สวยงามไม่แพ้ ฟยอร์ดแห่งแผ่นดินใหญ่ของนอร์เวย์ หากโชคดีท่านอาจได้เห็นปลาโลมาว่ายน้ำเล่นตามเรือเฟอร์รี่ก็เป็นได้ |
10.15 น. | เรือเฟอร์รี่จอดเทียบท่า ณ เมืองโบโด |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารจีน |
บ่าย | นำท่านเที่ยวชมเมืองโบโด (Bodo) เป็นเมืองที่มีความสำคัญทางด้านการท่องเที่ยว อีกทั้งยังเป็นเมืองอยู่ทางตอนเหนือของอาร์กติกเซอร์เคิล มีขนาดใหญ่ที่สุดในเขตนอร์ดแลนด์ (Nordland) และเป็นเมืองใหญ่เป็นอันดับ 2 ในภาคเหนือของประเทศนอร์เวย์ นำท่านเข้าชมมหาวิหารประจำเมืองโบโด (Bodo Cathedral หรือ Bodo Domkirke) สร้างขึ้นในช่วง ปี 1956 เป็นมหาวิหารที่ค่อนข้างมีความทันสมัย และมีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองโบโด โดยสิ่งที่โดดเด่นมากที่สุดก็คงจะเป็นหอระฆังที่มีความสูงถึง 36 เมตร และการประดับประดาหน้าต่างที่สวยงาม อิสระให้ท่านได้เก็บภาพและเดินเที่ยวภายในเมืองโบโด |
14.00 น. | นำท่านเดินทางสู่สนามบินเพื่อเชคอิน |
16.55 น. | ออกเดินทางจากสนามบินโบโด สู่สนามบินทรอนด์เฮม โดยเที่ยวบิน ….. |
18.00 น. | เดินทางถึงสนามบินทรอนด์เฮม นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
ที่พัก | Quality Hotel Augustin Trondheim **** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 10 | ทรอนด์เฮม – แอตแลนติกโอเชียนโร้ด |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเที่ยวชมเมืองทรอนด์เฮม (Trondheim) เมืองสวยอีกแห่งของประเทศนอร์เวย์ เป็นเมืองที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ยุคไวกิ้ง ตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศนอร์เวย์ บ้านเรือนสองฝั่งสร้างขึ้นในแบบนอร์วีเจียนที่เน้นสีสันโดดเด่นสวยงาม สร้างขึ้นเรียงรายสองฝั่งริมแม่น้ำไนเดลวา (Nidelva) นับเป็นอีกทัศนียภาพที่สวยงามไม่แพ้เมืองเบอร์เก้น นำท่านเที่ยวชมความน่ารักและความสวยงามของเมืองนี้ นำท่านแวะถ่ายรูปกับโบสถ์นิดาโรส (Nidaros Cathedral) ซึ่งเป็นโบสถ์เก่าแก่และใหญ่ที่สุดแห่งเมืองนี้ อิสระให้ท่านได้เดินเล่นเก็บภาพความสวยงามของเมืองนี้ตามอัธยาศัย สมควรแก่เวลานำท่านขึ้นเรือเฟอร์รี่ เพื่อเดินทางสู่เมืองคาร์เนสทรัม (Kanestraum) เพื่อชมทัศนียภาพของเส้นทาง แอตแลนติกโอเชียนโร้ด |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่เมืองคริสเตียนซุนด์ (Kristiansund) ระหว่างทางท่านจะได้ชมความสวยงามของถนนเรียบทะเลหรือที่รู้จักในนามแอตแลนติกโร้ด (Atlantic Ocean Road) มีความยาวทั้งสิ้น 8.3 กิโลเมตรสร้างทอดยาวไปตามเกาะแก่งต่างๆ ของนอร์เวย์ บนเส้นทางที่สูงชันสลับคดเคี้ยว และมีจุด Storseisundet คือจุดที่สูงและสวยที่สุด เป็นสะพานที่มีเส้นโค้งอย่างน่าทึ่งและสวยงาม ซึ่งใช้เทคนิคในการออกแบบและการก่อสร้างสะพานที่น่าประทับใจมาก ให้ท่านได้ชื่นชมความสวยงามของเส้นทางแอตแลนติกโอเชียนโร้ด ที่ได้ชื่อเป็นเส้นทางที่สวยที่สุด |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม |
ที่พัก | Thon Hotel Kristiansund **** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 11 | ออสโล |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่สนามบินคริสเตียนซุนด์ |
08.40 น. | ออกเดินทางจากสนามบินคริสเตียนซุนด์ สู่ สนามบินออสโล |
09.30 น. | เดินทางถึงสนามบินออสโล นำท่านเดินทางชมเมืองออสโล (Oslo) หรือกรุงคริสเตียนเนียในอดีต นครหลวงที่ถูกสถาปนาขึ้นเมื่อประมาณ 60 ปี แต่เบื้องหลังแห่งความศิวิลัยนี้เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ย้อนหลังกว่า 900 ปี ในอดีตออสโลจัดเป็นเมืองอาณานิคมใหญ่ของจักรพรรดิไวกิ้งโบราณซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของพระจ้าฮาโรว์แฟร์แอร์โดยใช้ระบบการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ นำท่านผ่านชมและแวะถ่ายรูปกับอาคารสถาปัตยกรรมเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี ที่เรียงรายอยู่รอบเมืองออสโล อาทิ ปราสาท Akurshus งานสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ในยุคเรอเนสซองส์ สร้างในปี ค.ศ. 1648, ทำเนียบรัฐบาล, เนชั่นแนลเธียเตอร์, อาคารรัฐสภา และศาลาเทศบาลเมืองเก่าซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเมืองออสโล นำท่านแวะถ่ายรูปที่ออสโลโอเปร่าเฮาส์ (Oslo Opera House) ที่มีหน้าตาภายนอกคล้ายกับภูเขาน้ำแข็ง หลังคาทำเป็นทางลาด มีลักษณะเหมือนแผ่นน้ำแข็ง ใช้วัสดุหินแกรนิตสีขาว ที่จะกลมกลืนกับสภาพแวดล้อมในช่วงหน้าหนาว ของออสโลฟยอร์ดตอนใน อันเป็นที่ตั้งของโอเปร่าเฮาส์ ที่มีหิมะและแผ่นน้ำแข็งปกคลุม ที่สำคัญคือ หลังคาที่เป็นทางลาดและทางเชื่อมลาดต่อลงไปยังทะเลในอ่าวนั้น สามารถใช้เป็นพื้นที่สาธารณะให้กับชาวเมืองและนักท่องเที่ยว ได้เดินปีนขึ้นไปชมวิวมุมสูงของออสโล มองเห็นวิวฟยอร์ดโล่งๆ หรือจะไปพักผ่อนหย่อนใจ นั่งปิกนิก รับแดดรับลม ออกกำลังกาย นัดเจอเพื่อน นัดเจอแฟน ใช้เป็นลานโล่ง ฯลฯ เรียกได้ว่าสถาปัตยกรรมภายนอกนั้น ถูกออกแบบมาเพื่อให้เป็นพื้นที่ของทุกคน ชื่นชมกับทัศนียภาพอันงดงาม นำท่านถ่ายรูปพระราชวังหลวงแห่งออสโล (Royal Palace) พระราชวังแบบนีโอคลาสสิก สร้างขึ้นในปี 1848 และเปิดให้บริการนำเที่ยวชมพระราชวังแก่สาธารณชนในช่วงฤดูร้อน บริเวณจัตุรัสด้านหน้าของพระราชวังมีอนุสาวรีย์ของกษัตริย์คาร์ล โจฮาน ซึ่งเป็นกษัตริย์ของสวีเดนและนอร์เวย์ในปี 1818 ถึง 1844 ยืนเด่นเป็นสัญลักษณ์ นำท่านเข้าชมความงามของห้องต่างๆภายในพระราชวังแห่งนี้
|
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารไทย |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ถนนคาร์ส โจฮัน (Karl Johans) ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งของเมืองออสโล มีร้านค้าต่างๆ ที่สร้างมาไม่ต่ำกว่า 100 ปี บนถนนเส้นนี้ยังเป็นที่ตั้งของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ PALEET SHOPPING CENTER อิสระให้ท่านได้เพลิดเพลินกับการซื้อของฝากตามอัธยาศัย หรือจะเดินเล่นภายในเมือง พร้อมเก็บภาพตึกเก่า และ สวนสาธารณะที่มีการจัดวางผังเมืองได้อย่างน่าสนใจ |
15.00 น. | นำท่านเดินทางสู่ท่าเทียบเรือออสโล เพื่อเชคอินลงเรือสำราญ DFDS |
17.00 น. | เรือสำราญออกจากท่าเทียบเรือออสโล (ประเทศนอร์เวย์) มุ่งสู่ท่าเทียบเรือ โคเปนเฮเกน (ประเทศเดนมาร์ก) |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ภายในเรือสำราญ |
ที่พัก | เรือสำราญ DFDS (ห้องพักแบบ OUTSIDE CABIN- SEA VIEW) |
วันที่ 12 | โคเปนเฮเก้น |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์ ภายในเรือ |
09.55 น. | เรือเทียบท่า ณท่าเทียบเรือ โคเปนเฮเกน (ประเทศเดนมาร์ก) นำท่านเดินทางสู่ เมืองเฮลซิงกอร์ (Helsingor) (ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชม.) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ริมทะเลระหว่างช่องแคบของเดนมาร์ก-สวีเดน นำท่านเข้าชมปราสาทเฟรเดอริคส์บอร์ก (Frederiksborg Castle) ปราสาทที่งดงามในรูปแบบของสถาปัตยกรรมแบบเรอเนซองส์ สร้างขึ้นโดย พระเจ้าเฟรดเดอริกที่ 2 นอกจากนี้ยังเป็นที่ประทับของกษัตริย์คริสเตียน ในราวศตวรรษที่ 17 ในอดีตพระราชวังแห่งนี้ใช้เป็นที่ประกอบพิธีสำคัญทางศาสนาและพิธีสำคัญอื่นๆ ของพระมหากษัตริย์อย่างเช่น พิธีปราบดาภิเษก และยังเป็นสถานที่เก็บของสะสม ตลอดจนผลงานศิลปะของเชื้อพระวงศ์ ภายในตกแต่งด้วยความวิจิตรอ่อนช้อยอร่ามตาด้วยสีทองตามแบบฉบับเรอเนซองส์ และมีห้องจัดแสดงกว่า 70 ห้องที่เปิดให้เข้าชม บนเพดานเกือบทั้งพระราชวังเป็นงานจิตรกรรมของจิตรกรที่มีชื่อเสียง อันแสดงถึงเรื่องราวของพระเยซูคริสต์ บริเวณโดยรอบพระราชวังมีการตกแต่งสวนอันเขียวชอุ่มในแบบบาโรก |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเข้าชมปราสาทโครนบอร์ก (Kornborg Castle) ปราสาทแห่งนี้สร้างมาเกือบ 500 ปี เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่ชาวยุโรปจากบทละครแฮมเล็ต วรรณกรรมชิ้นเอกของวิลเลียม เชคสเปียร์ ปราสาทโครนบอร์กเป็นผลงานชิ้นสำคัญของปราสาทในสถาปัตยกรรมเรอเนซองส์ ทางตอนเหนือของยุโรป ซึ่งทำให้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 2000 ได้เวลานำท่านสู่ถนนสตรอยเกต (Strøget) แหล่งช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดของโคเปนเฮเกนและอยู่ใจกลางเมือง เป็นถนนคนเดินยาวที่สุดในโลกที่มีความคับคั่งของร้านค้า ตั้งแต่สินค้าราคาถูกและสินค้าแบรนด์เนมที่มีราคาแพงที่สุดในโลก ถนนคนเดินนี้มีความยาวถึง 1.1 กิโลเมตรที่ยื่นจากศาลาว่าการเมืองไปยังถนน Kongens Nytorv Strøget จึงถูกตั้งเป็นชื่อเล่นของถนนคนเดินดังกล่าวตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 18 เป็นต้นมาและครอบคลุม ถนน 4 สายด้วยกันคือ Frederiksberggade, Nygade, Vimmelskaftet และ Østergade อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งสินค้าตามอัธยาศัย |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารไทย |
ที่พัก | Scandic CPH Strandpark Hotel**** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 13 | โคเปนเฮเก้น |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านชมกรุงโคเปนเฮเก้น เมืองหลวงของเดนมาร์ก อีกเมืองสวยแห่งประเทศในกลุ่มนอร์ดิก โคเปนเฮเกนเป็นทั้งเมืองหลวงและเมืองชายฝั่งทะเลที่ตั้งอยู่ชายฝั่งตะวันออกของเกาะซีแลนด์ เรียกได้ว่าเป็นอีกเมืองที่มีความโรแมนติกและมีกลิ่นอายของเทพนิยายรักและนิทานปรัมปรามากมาย นำท่านชม เงือกน้อย หรือ ลิตเติ้ลเมอร์เมด (Little mermaid) รูปปั้นทองแดงของเจ้าหญิงเงือกน้อยบนโขดหิน ตัวละครที่มาจากนิทานอันโด่งดังของนักประพันธ์ชาวเดนิช ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์สัน รูปปั้นเงือกน้อยนี้เปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของกรุงโคเปนเฮเกน ซึ่งเป็นผลงานของ Edv. Eiriksen สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานถึงจินตนาการของแอนเดอร์สัน และเป็นนิทานอีกเรื่องที่หลายๆท่านคงเคยได้ฟัง แม้กระทั่งดิสนีย์ยังเคยนำเรื่องนี้มาทำเป็นภาพยนตร์การ์ตูน จากนั้นนำท่านชม น้ำพุแห่งราชินีเกฟิออน (The Gefion Fountain) ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1908 ชื่อ Gefion นี้คือชื่อของเทพเจ้าในตำนานของชาวสแกนดิเนเวียน ได้เวลานำท่านแวะชมภายนอกพระราชวังอมาเรียนบอร์ก (Amalienborg) เป็นพระราชวังที่พระราชินีมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งราชวงศ์เดนมาร์กประทับอยู่ และเป็นที่ประทับของราชวงศ์เดนมาร์กมาตั้งแต่ค.ศ. 1794 เป็นสถาปัตยกรรมแบบร็อคโคโค บริเวณกลางลานมีพระรูปทรงม้าของพระเจ้าเฟรดเดอริกที่ 4 นอกจากนี้เริ่มตั้งแต่เวลา 11.30 น. ทหารหลวงจะเดินสวนสนามจากพระราชวังโรเซ่นบอร์ก (Rosenborg) และเคลื่อนขบวนมาเปลี่ยนเวรเฝ้ายามที่หน้าพระราชวังอมาเรียนบอร์กในทุกวัน |
11.00 น. | นำท่านเดินทางสู่สนามบินโคเปนเฮเก้น เพื่อเชคอินและทำ Tax Refund |
14.25 น. | ออกเดินทางสู่กรุงเทพมหานคร โดยเที่ยวบิน TG951 (บินตรง) ใช้เวลาบินประมาณ 10.35 ชั่วโมง สายการบินบริการ อาหารค่ำ และ อาหารเช้าระหว่างเที่ยวบิน |
วันที่ 14 | กรุงเทพมหานคร |
06.00 น. | เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ (BON VOYAGE) |