วันแรก | สนามบินสุวรรณภูมิ - กรุงโดหา - อังคาร่า |
06.00 น. | พบกันที่ เคาน์เตอร์เช็คอิน P ประตู 6 สายการบิน Qatar Airways เจ้าหน้าที่บริษัทฯ คอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกทางด้านสัมภาระและเอกสารการเดินทางก่อนขึ้นเครื่อง |
08.35 น. | ออกเดินทางสู่ กรุงโดฮา โดยสายการบิน Qatar Airways เที่ยวบินที่ QR 831 |
12.10 น. | เดินทางถึง สนามบินกรุงโดฮา ประเทศการ์ต้า (แวะเพื่อเปลี่ยนเที่ยวบิน) |
15.05 น. | ออกเดินทางสู่ กรุงอังคาร่า โดยสายการบิน Qatar Airways เที่ยวบินที่ QR 257 |
19.20 น. | เดินทางถึง สนามบินกรุงอิสตันบูล หลังขากผ่านขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมืองแล้ว นำท่านสู่ที่พัก |
ที่พัก | Altinel Hotel ***** หรือเทียบเท่า มาตรฐานประเทศตุรกี |
วันที่สอง | อังคาร่า - ทะเลสาบเกลือ - คัปปาโดเกีย -พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง - เกอเรเม่ - บ้านพักมนุษย์ถ้ำพื้นเมือง - ชมเมืองคัปปาโดเกีย - ช้อปปิ้ง - โชว์ระบำหน้าท้อง |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองคัปปาโดเกีย Cappadocia ระหว่างทางแวะเที่ยวชมความสวยงามของ ทะเลสาบเกลือ Lake Tuz ให้ท่านได้ถ่ายภาพทะเลเกลือที่ใหญ่ที่สุดของประเทศตุรกี ซึ่งเป็นปรากฏการความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ ที่มีไม่กี่ประเทศในโลก |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง |
บ่าย | นำท่านชม พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเกอเรเม่ Goreme Open Air Museum ซึ่งเป็นศูนย์กลางของศาสนาคริสต์ในช่วง ค.ศ. 9 ซึ่งเป็นความคิดของชาวคริสต์ที่ต้องการเผยแพร่ศาสนาโดยการขุดถ้ำเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างโบสถ์ และยังเป็นการป้องกันการรุกรานของชนเผ่าลัทธิอื่นที่ไม่เห็นด้วยกับศาสนาคริสต์ ชม โบสถ์เซนต์บาร์บารา St. Barbar Church โบสถ์มังกร Snake Church และ โบสถ์แอปเปิ้ล Apple Church ให้ท่านได้ถ่ายรูปกับภูเขารูปทรงต่าง ๆ ได้ตามอัธยาศัย พิเศษ!! เข้าชมบ้านพักของ มนุษย์ถ้ำพื้นเมือง Local Cave House ของชาวพื้นเมือง Cappadocia พร้อมดื่มชา กาแฟ เนื่องจากธรรมเนียมของชาวเมืองตุรกี เมื่อมีผู้มาเยี่ยมเยียนก็จะมอบชา กาแฟ เป็น Welcome Drink เพื่อแสดงถึงน้ำใจและมิตรภาพระหว่างเพื่อนใหม่ จากนั้นอิสระให้ท่านได้ถ่ายภาพบ้านพื้นเมืองที่มีผู้คนอาศัยอยู่จริง นำท่านชม เมืองคัปปาโดเกีย Cappadocia ดินแดนที่มีภูมิประเทศอันน่าอัศจรรย์แปรสภาพเป็นหุบเขาร่องลึก เนินเขา กรวยหิน และเสารูปทรง ต่าง ๆ ที่งดงาม คัปปาโดเกีย Cappadocia เป็นชื่อเก่าแก่ภาษาฮิตไทต์ แปลว่า ดินแดนม้าพันธุ์ดี ตั้งอยู่ทางตอนกลางของตุรกี เป็นพื้นที่เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟเออซิเยส และ ภูเขาไฟฮาซาน เมื่อประมาณ 3 ล้านปีที่แล้ว เถ้าลาวาที่พ่นออกมาและเถ้าถ่านจำนวนมหาศาลกระจายทั่วบริเวณจนทับถมเป็นแผ่นดินชั้นใหม่ขึ้นมา จากนั้นกระแส น้ำ ลม ฝน แดด และหิมะ กัดเซาะกร่อนหิน แผ่นดินภูเขาไฟไปเรื่อย ๆ นับแสนนับล้านปี จนเกิดเป็นภูมิประเทศประหลาดแปลกตาน่าพิศวง ที่เต็มไปด้วยหินรูป แท่ง กรวย ปล่อง กระโจม โดม และอีกสารพัดรูปทรง ดูประหนึ่งดินแดนในเทพนิยายจนผู้คนในพื้นที่เรียกขานกันว่า ปล่องไฟนางฟ้า ในปี ค.ศ. 1985 ยูเนสโก้ได้ประกาศให้พื้นที่มหัศจรรย์แห่งนี้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมแห่งแรกของตุรกี จากนั้นให้ท่านได้แวะชม โรงงานทอพรม และ โรงงานเซรามิค อิสระเลือกซื้อสินค้าและของที่ระลึกได้ตามอัธยาศัย |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารในโรงแรมแบบบุฟเฟต์ จากนั้นนำท่านชม “ระบำหน้าท้อง” Belly Dance ประกอบดนตรีของสาวน้อยชาวตุรกี |
ที่พัก | Uchisar Kaya Cave Hotel **** โรงแรมถ้ำ |
วันที่สาม | คัปปาโดเกีย - เมืองใต้ดินไคมัคลึ - คอนย่า - พิพิธภัณฑ์เมฟลาน่า |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านชม นครใต้ดินไคมัคลี Underground City of Derinkuyu or Kaymakli เกิดจากการขุดเจาะพื้นดินลึกลงไป 10 กว่าชั้น เพื่อใช้เป็นที่หลบภัยจากข้าศึกศัตรูนครใต้ดินไคมัคลีมีชั้นล่างที่ลึกที่สุดลึกถึง 85 เมตร เมืองใต้ดินแห่งนี้มีครบเครื่องทุกอย่างทั้งห้องโถง ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องถนอมอาหาร ห้องครัว ห้องอาหาร โบสถ์ ทางหนีฉุกเฉิน ฯลฯ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ เมืองคอนย่า Konya เป็นเมืองที่ นิยมใช้เป็นจุดพักของการเดินทางในอดีตเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรเซลจุกเติร์ก ซึ่งเป็นอาณาจักรแห่งแรกของชาวเติร์กในตุรกี หรือที่ยุคนั้นเรียก อนาโตเลีย เป็นอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศ นำท่านเข้าชม พิพิธภัณฑ์เมฟลานา Mevlana Museum เดิมเป็นสถานที่นักบวชในศาสนาอิสลามใช้สำหรับทำสมาธิ Whirling Dervishes โดยการเดินหมุนเป็นวงกลมขณะฟังเสียงขลุ่ย ก่อนไปทำการหมุนต้องอดอาหาร มีการเข้าห้องฝึกทรมานร่างกายก่อนที่จะไปหมุนได้ ผู้ที่มีสมาธิมากตัวจะลอยขึ้นเมื่อหมุนไปช่วงเวลาหนึ่ง ก่อตั้ง โดยเมฟลาน่า เจลาเลดดิน รูมี่ ผู้วิเศษในศาสนาอิสลาม ส่วนหนึ่งของ พิพิธภัณฑ์เมฟลาเป็นสุสานของ เมฟลานา เจลาเลดดิน รูมี Mevlana Celaleddin Rumi ภายนอกเป็นหอทรงกระบอกปลายแหลมสีเขียวสดใน ภายในประดับประดาฝาผนังแบบมุสลิม โดยใช้สีมากมายตระการตา และยังเป็นสุสานสำหรับผู้ติดตาม สานุศิษย์ บิดา และบุตรของเมฟลาด้วย |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารในโรงแรมแบบบุฟเฟต์ |
ที่พัก | Bayir Diamond Hotel ***** หรือเทียบเท่า มาตรฐานประเทศตุรกี |
วันที่สี่ | คอนย่า - แอสเพนดอส - อันตาเลีย |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองอันตาเลีย Antalya เป็นเมืองท่องเที่ยวชายทะเลที่ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเล เมดิเตอร์เรเนียน Mediterranean Sea ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศตุรกี เป็นอีกหนึ่งเมืองประวัติศาสตร์ ซึ่งสามารถย้อนกลับไปประมาณ 150 ปีก่อนคริสตกาล สำหรับตัวเมืองนั้นตั้งอยู่บนที่ราบชายฝั่งแคบๆ ที่ล้อมรอบด้วยภูเขาและท้องทะเลอันงดงาม จนนักท่องเที่ยวที่เคยมาเยือนล้วนให้การยกย่องว่าเป็น “ริเวียร่าแห่งตุรกี” ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวภายในเมืองนั้นก็มีทั้งส่วนที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่ถือว่ามีความเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกระหว่างทาง นำท่านแวะชม เมืองแอสเพนโดส Aspendos ที่อยู่ห่างประมาณ 45 กิโลเมตร นำท่านชม โรงละครที่มีความยิ่งใหญ่ Roman Theater สัมผัสอย่างใกล้ชิด ซึ่งมีความสวยงามและสามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 20,000 คน มีเวทีแสดงด้านหลังที่ถูกสร้างขึ้นหลายชั้นเหมือนกับอพาร์ตเม้นท์ ที่มีห้องสำหรับนักแสดงเพื่อไว้เปลี่ยนเครื่องแต่งกาย นอกจากนั้นทางด้านซ้ายและด้านขวายังมีทางที่ยื่นออกไปเหมือนกับระเบียงที่ติดต่อกับที่นั่ง ผ่านชม โบราณสถาน ความสวยงามของโรงละครที่สามารถจุได้ประมาณ 15,000 คน ซึ่งมีเวทีที่สวยงาม ประดับตกแต่งด้วยหินอ่อนพร้อมด้วยภาพที่แกะสลักอย่างงดงาม ด้านนอกยังแบ่งออกเป็นสามส่วนที่ประดับด้วยน้ำพุ และยังมีซากโบราณอื่น ๆ เช่น เสาที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามที่อยู่บนทางเดิน สถานที่ทำการค้าขาย
|
เที่ยง | รับประทนอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร แบบบุฟเฟต์ |
บ่าย | นำท่านชมความสวยงามของ เมืองอันตาเลีย Antalya ชมความงดงามของอนุสาวรีย์โบราณ รวมถึงกำแพงเมือง ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “ฮิดิร์ลิค ทาวเวอร์” Hidirlik Tower อีกหนึ่งหอคอยที่มีความสำคัญ ซึ่งสร้างขึ้นจากหินสีน้ำตาลอ่อนเพื่อใช้เป็นป้อมปราการ หรือ ประภาคารในอดีต ฮิดิร์ลิค ทาวเวอร์ เป็นหอคอยทรงกลมที่ค่อนข้างมีความโดดเด่นและเป็นจุดหมายทางด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของเมือง ปัจจุบันหอคอยถูกล้อมรอบไปด้วยร้านกาแฟและร้านอาหารมากมาย จากนั้นนำท่านสู่ ประตูเฮเดรียน Hadrian’s Gate ประตูชัยซึ่งสร้างขึ้นตามชื่อของจักรพรรดิโรมันเฮเดรียน Roman Emperor Hadrian ในช่วงศตวรรษที่ 2 โดยประตูนั้นถูกสร้างขึ้นในรูปแบบทรงโค้ง จำนวน 3 ประตู ซึ่งถือว่าเป็นประตูที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศตุรกีอีกด้วย จากนั้นนำท่านชม ท่าเรือโบราณ Old Habour ซึ่งปัจจุบันท่าเรือแห่งนี้ได้ถูกปรับปรุงให้เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่สำคัญสำหรับนักท่องเที่ยวโดยยังคงเค้าโครงเดิมไว้ จากนั้นนำท่าน ล่องเรือชมความงาม ของอ่าวที่เป็นส่วนหนึ่งของทะเลเมดิเตอร์เนี่ยน Mediteranian Boat Trip เจ้าของสมญานาม “ริเวียร่าแห่งตุรกี” ให้ท่านได้สัมผัสอย่างใกล้ชิดโดยการล่องเรือที่ตกแต่งคล้ายกับเรือโจรสลัด เรือจะพาท่านลัดเลาะไปตามหน้าผาต่างๆ ที่มีโรงแรมระดับ 5 ดาว สร้างเรียงรายอยู่ตามหน้าผา และที่พลาดไม่ได้เรือจะพาท่านล่องไปชมน้ำตกที่ไหลจากหน้าผาไหลลงสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนี่ยน นับว่าเป็นความแปลกใหม่ ซึ่งแตกต่างจากน้ำตกทั่วๆไปในเมืองไทย ส่วนใหญ่จะไหลลงด้านล่างจะเป็นลำธารน้ำ นับว่าเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่นักท่องเที่ยวอย่างท่านไม่ควรพลาด |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารในโรงแรมแบบบุฟเฟต์ |
ที่พัก | Basaran Business Hotel ***** หรือเทียบเท่า มาตรฐานประเทศตุรกี |
วันที่ห้า | อันตาเลีย - ปามุคคาเล่ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองปามุคคาเล่ Pamukkale เป็นอีกหนึ่งเมืองที่มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก นำท่านชมความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ ณ เมืองปามุคคาเล่ Pamukkale คำว่า “ปามุคคาเล่” ในภาษาตุรกี หมายถึง “ปราสาทปุยฝ้าย” Pamuk หมายถึง ปุยฝ้าย และ Kale หมายถึง ปราสาท เป็นน้ำตกหินปูนสีขาวที่เกิดขึ้นจากธารน้ำใต้ดินที่มีอุณหภูมิประมาณ 35 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นที่มีแร่หินปูน (แคลเซี่ยมออกไซด์) ผสมอยู่ในปริมาณที่สูงมาก ไหลรินลงมาจากภูเขา “คาลดากึ” ที่ตั้งอยู่ห่างออกไปทางทิศเหนือ รินเอ่อล้นขึ้นมาเหนือผิวดิน และทำปฏิกิริยาจับตัวแข็งเกาะกันเป็นริ้ว เป็นแอ่ง เป็นชั้น ลดหลั่นกันไปตามภูมิประเทศเกิดเป็นประติมากรรมธรรมชาติ อันสวยงามแปลกตา และโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ยากจะหาที่ใดเหมือน จนทำให้ ปามุคคาเล่ ได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโก้ให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติและวัฒนธรรมในปี ค.ศ. 1988 นำท่านชม ปราสาทปุยฝ้าย (ปามุคคาล่) เมืองแห่งน้ำพุเกลือแร่ร้อน |
เที่ยง | รับประทนอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร แบบบุฟเฟต์ |
บ่าย | นำท่านชม ปราสาทปุยฝ้าย (ปามุคคาล่) เมืองแห่งน้ำพุเกลือแร่ร้อน นำท่านชมหน้าผาที่ขาวกว้างใหญ่ด้านข้างของอ่างน้ำ เป็นรูปร่างคล้ายหอยแครงและน้ำตกแช่แข็ง ถ้ามองดูจะดูเหมือนสร้างจากหิมะ เมฆหรือปุยฝ้าย น้ำแร่ที่ไหลลงมาแต่ละชั้นจะแข็งเป็นหินปูน ห้อยย้อยเป็นรูปร่างต่าง ๆ อย่างมหัศจรรย์ น้ำแร่นี้มีอุณหภูมิประมาณ 33-35 องศาเซลเซียส ประชาชนจึงนิยมไปอาบหรือนำมาดื่ม เพราะเชื่อว่ามีคุณสมบัติในการรักษาโรคหัวใจ โรคไขข้ออักเสบ ความดันโลหิตสูง โรคทางเดินปัสสาวะ และโรคไต ในอดีตกาลชาวโรมันเชื่อว่าน้ำพุร้อนสามารถรักษาโรคได้ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำแบบบุฟเฟต์ ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
ที่พัก | Richmond Thermal Hotel ***** มาตรฐานตุรกี หรือเทียบเท่า |
วันที่หก | ปามุคคาเล่ - คูซาดาซึ - บ้านพระแม่มารี - เมืองโบราณเอฟฟิซุส |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองคูซาดาซึ Kusadasi นำท่านสู่เยี่ยมชม บ้านพระแม่มารี House of Virgin Mary ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นที่สุดท้ายที่พระแม่มารีมาอาศัยอยู่และสิ้นพระชนม์ในบ้างหลังนี้ ถูกค้นพบอย่าปาฏิหาริย์ โดยแม่ชีตาบอดชาวเยอรมัน ชื่อ แอนนา แคเทอรีน เอมเมอริช Anna Catherine Emmerich เมื่อปี ค.ศ. 1774-1824 ได้เขียนบรรยายสถานที่ไว้ในหนังสืออย่างละเอียดราวกับเห็นด้วยตาตนเอง เมื่อเธอเสียชีวิตลง มีคนพยายามสืบเสาะค้นห้าบ้านหลังนี้ จนพบในปี ค.ศ. 1891 ปัจจุบันบ้านพระแม่มารีได้รับการบูรณะเป็นบ้านอิฐชั้นเดียว ภายในมีรูปปั้นของพระแม่มารี ซึ่งพระสันตปาปา โป๊ป เบเนดิกส์ที่ 6 ได้เคยเสด็จเยือนที่นี่ บริเวณด้านนอกของบ้าน มีก๊อกน้ำสามก๊อก ที่ มีความเชื่อว่าเป็นก๊อกน้ำที่มีความศักดิ์สิทธิ์ แทนความเชื่อในเรื่อง สุขภาพ ความร่ำรวย และความรัก ถัดจากก๊อกน้ำเป็น กำแพงอธิษฐาน ซึ่งมีความเชื่อว่าหากต้องการให้สิ่งที่ปรารถนาเป็นความจริงให้เขียนลงในผ้าฝ้ายแล้วนำไปผูกไว้แล้วอธิษฐานในสิ่งที่ตนเองต้องการให้เป็น |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง |
บ่าย | นำท่านชมความสวยงามของ เมืองโบราณเอฟฟิซุส City of Ephesus อดีต เป็นเมืองหลวงแห่งเอเชียของอาณาจักรโรมัน ชม อาคารที่เป็นสัญลักษณ์ของ นครเอฟฟิซุส คือ ห้องสมุดของเซลซุส Library of Celsus และอาคารสำคัญอีกแห่งคือ วิหารแห่งจักรพรรดิเฮเดรียน Temple of Hadrian สร้างขึ้นถวายแด่จักรพรรดิเฮเดรียน ความโดเด่นของวิหารแห่งนี้คืออยู่ในสภาพที่สมบูรณ์มาก จากนั้นปิดท้ายกันที่สิ่งก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในนครเอฟฟิซุส คือ โรงละคร Great Theatre ซึ่งสร้างโดยสกัดเข้าไปในไหล่เขาให้เป็นที่นั่ง สามารถจุคนได้ถึง 25,000 คน ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 10 ของประชากรในยุคนั้น สร้างสมัยกรีกโบราณ แต่พวกโรมันมาปรับปรุงให้ยิ่งใหญ่มากขึ้น นำท่านช้อปปิ้ง ณ ศูนย์ผลิตเสื้อหนังคุณภาพสูง ซึ่งตุรกีเป็นประเทศที่ผลิตหนังที่มีคุณภาพที่สุด อีกทั้งยังผลิตเสื้อหนังส่งให้กับแบรนด์ดังในอิตาลี เช่น Versace , Prada , Michael Kors อิสระให้ท่านเลือกซื้อสินค้าได้ตามอัธยาศัย |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำแบบบุฟเฟต์ ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
ที่พัก | Richmond Thermal Hotel ***** มาตรฐานตุรกี หรือเทียบเท่า |
วันที่เจ็ด | คูซาดาซึ - เปอร์กามัม - ชานัคคาเล่ - ชมม้าไม้เมืองทรอย |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านออกเดินทางสู่ เมืองเปอร์กามัม Pergamum เป็นสถานที่ตั้งของโบราณสถานที่สำคัญ ระหว่างทางท่านจะได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่สวยงามของขุนเขาสลับกับทุ่งปศุสัตว์ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง |
บ่าย | นำท่านชมความสวยงามของ วิหารอะโครโปลิส Acropolis ซึ่งถูกกล่าวขวัญถึงประหนึ่งดินแดนในเทพนิยายมี โรงละครที่ชันที่สุดในโลกซึ่งจุผู้ชมได้ถึง10,000 คน ให้ท่านได้ถ่ายภาพกับโบราณสถานที่มีความสวยงาม และรู้ถึงความเฉลียวฉลาดของชาวเติร์กในสมัยโบราณ ให้ท่านได้ถ่ายภาพเก็บไว้ในความทรงจำ นำท่านเดินทางสู่ เมืองชานัคคาเล่ Chanakkale ชม ม้าไม้แห่งกรุงทรอย Wooden Horse of Troy อันโด่งดัง เป็นหนึ่งในอาวุธยุทโธปกรณ์อันชาญฉลาดในสมัยนั้น สร้างขึ้น เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่หลงใหลในมหากาพย์อีเลียดได้เห็นด้วยตาของตนเองอีกด้วย |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำแบบบุฟเฟต์ ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
ที่พัก | Kolin Hotel ***** หรือเทียบเท่า มาตรฐานประเทศตุรกี |
วันที่แปด | ชานัคคาเล่ - อิสตันบูล - พระราชวังโดลมาบาเช่-ล่องเรือช่อ - แคบบอสฟอรัส - ช้อปปิ้ง สไปซ์ มาร์เก็ต |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ ท่าเรือเฟอร์รี่ ข้ามช่องแคบดาดาเนี่ยล (ใช้เวลานั่งเรือเฟอร์รี่ ประมาณ 45 นาที) จากนั้นนำท่านั่งรถโค้ชคันเดิมมุ่งหน้าสู่ กรุงอิสตันบูล Istanbul |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง |
บ่าย | นำท่านเข้าชม พระราชวังโดลมาบาเช่ Dolmabahce Palace เป็นพระราชวังที่สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญอย่างสูงสุดทั้งทางวัฒนธรรมและทางวัตถุของจักรวรรดิออตโตมัน ใช้เวลาก่อสร้างทั้งสิ้น 12 ปี เป็นศิลปะผสมผสานของยุโรปและตะวันออกที่ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม และไม่คำนึงถึงความสิ้นเปลืองใด ๆ ทั้งสิ้น ภายนอกประกอบด้วยสวนไม้ดอกรายล้อมพระราชวังซึ่งอยู่เหนืออ่าวเล็ก ๆ ที่ ช่องแคบบอสฟอรัส Bosphorus ภายในประกอบด้วยห้องหับต่าง ๆ และฮาเร็ม ตกแต่งด้วยโคมระย้า บันไดลูกกรงแก้วเจียระไน และโคมไฟมหึมาหนัก 4.5 ตัน จากนั้นนำท่าน ล่องเรือช่องแคบบอสฟอรัส Cruise Along the Bosphorus ซึ่งเป็นช่องแคบขนาดใหญ่และสองฝั่งมีความสวยงามมาก ช่องแคบนี้ทำหน้าที่เป็นเส้นแบ่งระหว่างยุโรป และเอเชีย เชื่อมระหว่าง ทะเลดำ The Black Sea เข้ากับ ทะเลมาร์มาร่า Sea of Marmara มีความยาว 32 กิโลเมตร ให้ท่านได้ชมทิวทัศน์ทั้งสองข้างที่สวยงามตระการตาของ ช่องแคบบอสฟอรัสที่เป็นจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญยิ่งในการป้องกันประเทศตุรกีอีกด้วย เพราะมีป้อมปืนตั้งเรียงรายอยู่ตามช่องแคบเหล่านี้ ส่งท้ายช่วงบ่ายด้วยการนำท่านสู่ ย่านช้อปปิ้ง ตลาดสไปซ์ มาร์เก็ต Spice Market หรือตลาดเครื่องเทศ ท่านสามารถเลือกซื้อของฝากได้ในราคาย่อมเยา ไม่ว่าจะเป็นเครื่องประดับ ชาหรือกาแฟ รวมถึงผลไม้อบแห้งอันเลื่องชื่อของตุรกี อย่าง แอปปลิคอท หรือจะเป็นถั่วพิทาชิโอ ฯลฯ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำแบบบุฟเฟต์ ณ ห้องอาหารของโรงแรม |
ที่พัก | Ramada Plaza Tekstilkent Hotel ***** หรือเทียบเท่า มาตรฐานตุรกี |
วันที่เก้า | อิสตันบูล - สวนดอกทิวลิป อีเมอร์กัน พาร์ค - พระราชวัง - ทอปกาปึ - ฮิปโปโดรม - สุเหร่าสีน้ำเงิน - สุเหร่าเซนต์โซเฟีย - อุโมงค์เก็บน้ำใต้ดิน เยเรบาตัน - กรุงโดฮา |
เช้า | รับประทานอาหารเช้า ณ ห้องอาหารของโรงแรม นำท่านเข้าชมภายใน อีเมอร์กัน พาร์ค Emirgan Park สวนสาธารณะที่สวยที่สุดและมีชื่อเสียงที่สุดของตุรกี โดยที่ตลอดเดือน เมษายน ของทุกปี สวนสาธารณะแห่งนี้จะใช้เป็น สถานที่จัดงาน เทศกาลดอกทิวลิป Tulip Festival 2018 โดยแท้จริงแล้ว ประเทศตุรกี เป็นต้นกำเนิดดอกทิวลิปของโลก คนส่วนใหญ่จะเข้าใจผิดว่าเป็นประเทศเนเธอร์แลนด์ ให้ท่านได้อิสระกับการถ่ายภาพดอกทิวลิปหลากสี หลายสายพันธุ์ นับเป็นล้าน ๆ ดอก ได้ตามอัธยาศัย จากนั้นนำท่านเดินทางกลับเข้าสู่ ตัวเมืองอิสตันบูล อีกครั้ง นำท่านชม พระราชวังทอปกาปึ Topkapi Palace สร้างขึ้นในสมัยสุลต่านเมห์เมตที่ 2 เปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี ค.ศ. 1924 พิพิธภัณฑ์พระราชวังทอปกาปึ ห้องที่โด่งดังและเป็นที่สนใจคือห้องท้องพระคลังอันเป็นที่เก็บสมบัติ และวัตถุล้ำค่ามากมาย โดยมีกริชแห่งทอปกาปึด้ามประดับด้วยมรกตใหญ่ 3 เม็ด กับเพชร 86 กะรัต เป็นไฮไลท์ที่สำคัญ |
เที่ยง | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารพื้นเมือง |
บ่าย | นำท่านชม ฮิปโปโดรม Hippodrome หรือ สนามแข่งม้าโบราณ มีเสาโอเบลิสค์ซึ่งเหลือแค่ส่วนปลายที่ยาว 20 เมตร แต่กระนั้นก็ยังสวยงามน่าดูมาก เพราะทั้งเสามีงานแกะสลักอันมีความหมายและมีค่ายิ่ง จากนั้นนำท่านชม สุเหร่าสีน้ำเงิน Blue Mosque ที่มาของชื่อสุเหร่าสีน้ำเงินเป็นเพราะเขาใช้กระเบื้องสีน้ำเงินในการตกแต่งภายใน ซึ่งทำเป็นลายดอกไม้ต่าง ๆ เช่น ดอกกุหลาบ คาร์เนชั่น ทิวลิป เอกลักษณ์เด่นอีกอย่างแต่อยู่ภายนอกคือ หอประกาศเชิญชวนเมื่อถึงเวลาที่จะต้องทำพิธีละหมาด Minaret 6 หอ เท่ากับสุเหร่าที่นครเมกกะ จากนั้นนำท่านเดินต่อไปชมสถานที่ซึ่งเป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลาง สุเหร่าเซนต์โซเฟีย Mosque of Hagia Sophia ปัจจุบันเป็นที่ประชุมสวดมนต์ของชาวมุสลิม ในอดีตโบสถ์แห่งนี้เป็นโบสถ์ทางศาสนาคริสต์ ภายในมีเสางามค้ำที่สลักอย่างวิจิตร และประดับไว้งดงาม 108 ต้น ส่งท่านสู่ อุโมงค์เก็บน้ำเยเรบาตัน Yerebatan Sarnici สร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิจัสตินเนียน ในปี ค.ศ. 532 เพื่อเป็นที่เก็บน้ำสำหรับใช้ในพระราชวัง สำรองไว้ใช้ยามที่ กรุงอิสตันบูล ถูกข้าศึกปิดล้อมเมือง |
16:00 น. | นำท่านเดินทางสู่ สนามบิน เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับ กรุงเทพมหานคร |
19:45 น. | ออกเดินทางสู่ กรุงเทพมหานคร โดยสายการบิน Qatar Airways เที่ยวบินที่ QR 246 |
23:50 น. | เดินทางถึง สนามบินกรุงโดฮา (แวะเพื่อเปลี่ยนเที่ยวบิน) |
วันที่สิบ | กรุงเทพมหานคร |
02.05 น. | ออกเดินทางสู่ กรุงเทพมหานคร โดยสายการบิน Qatar Airways เที่ยวบินที่ QR 980 |
12.55 น. | เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ โดยสวัสดิภาพ พร้อมความประทับใจ |