รายละเอียดทัวร์

www.TripleEnjoy.com
by Double Enjoy Travel Co., Ltd.

300/50 Nawamin Road, Nawamin, Buengkum, BKK 10240
Tel: 02-379-2955  Hotline: 099-130-6886  Fax: 02-379-1163 (Auto)

 Website: www.tripleenjoy.com   E-mail: [email protected]


 

Juristic Identification No. 0125554005216                                                               TAT License No. 11/05307


ทัวร์ตะวันออกกลาง

TE369 : โปรแกรมทัวร์ตะวันออกกลาง คูเวต กาตาร์ บาห์เรน โอมาน ไข่มุกแห่งตะวันออกกลาง 10 วัน 8 คืน (WY)


คัดลอก URL คัดลอก URL
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
Al Falaj Hotel Muscat
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
Al Hamra Hotel
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
Al Salam Camp Desert
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
Holiday Villa Hotel
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
Park Regis Lotus Hotel Manama

โปรแกรมทัวร์ตะวันออกกลาง คูเวต  กาตาร์ บาห์เรน โอมาน ไข่มุกแห่งตะวันออกกลาง

 คูเวตซิตี้ | โดฮา | มานามา | มัสกัต | ซูร์ | หลุมน้ำบิมมาห์ | ทะเลทรายวาฮิบา


กำหนดการเดินทาง

รหัสทัวร์วันที่เดินทางเดินทางโดยราคาเริ่มต้นสถานะ
TE369-00317-26 ม.ค. 68OMAN AIR (WY)155,000จองด่วน
TE369-00414-23 ก.พ. 68OMAN AIR (WY)155,000จองด่วน
TE369-00507-16 มี.ค. 68OMAN AIR (WY)155,000จองด่วน
 
รายละเอียดการเดินทาง

วันที่ 1กรุงเทพมหานคร – โอมาน – คูเวตซิตี้ (พักค้าง 2 คืน)
06.00 น.คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่เคาน์เตอร์เช็คอิน สายการบินโอมานแอร์ ณ สนามบินสุวรรณภูมิ
09.10 น.ออกเดินทางสู่กรุงมัสกัต ประเทศโอมาน โดยเที่ยวบิน WY818 (ใช้เวลาบินประมาณ 6 ชั่วโมง) เพลิดเพลินกับภาพยนตร์หลากหลายกับ จอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง และสายการบินฯ มีบริการ อาหารเช้า ระหว่างเที่ยวบิน
12.00 น.เดินทางถึงมัสกัต ประเทศโอมาน แวะเปลี่ยนเที่ยวบินเพื่อเดินทางต่อสู่ นครคูเวต ซิตี้ ประเทศคูเวต
14.10 น.ออกเดินทาง สู่ คูเวตซิตี้ โดยเที่ยวบิน WY645 (ใช้เวลาบินประมาณ 2 ชั่วโมง)
15.20 น.เดินทางถึงสนามบินคูเวตซิตี้ ประเทศคูเวต

นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร และนำท่านสู่โรงแรมที่พัก
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พัก Al Hamra Hotel / Best Western Plus Hotel Kuwait**** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1)
วันที่ 2คูเวตซิตี้
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเที่ยวชมนครคูเวตซิตี้ เมืองหลวงของประเทศคูเวต หรือชื่อทางการคือ รัฐคูเวต เป็นรัฐเจ้าผู้ครองนคร ที่มีขนาดเล็กและอุดมไปด้วยทรัพยากรน้ำมัน ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ริมชายฝั่งอ่าวเปอร์เซีย มีพรมแดนทางใต้ติดกับประเทศซาอุดีอาระเบีย และพรมแดนทางเหนือติดกับประเทศอิรัก

นำท่านเข้าชมความงดงามของแกรนด์มอสค์ (Grand Mosque) เป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดของประเทศคูเวต มีพื้นที่กว่า 45,000 ตารางเมตร ห้องสวดหลักกว้าง 72 เมตร ทุกด้านมีประตูไม้สักและมีหน้าต่างกว่า 144 บาน (ขอสงวนสิทธิ์ในการเข้าชมหากมีการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา)

ได้เวลานำท่านขึ้นชมหอคอยคูเวตทาวเวอร์ (Kuwait Tower) หอคอยสูง รูปทรงแปลกตาที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศคูเวต ตั้งอยู่ติดกับอ่าวอาระเบียน (Arabian gulf) เป็นกลุ่มของหอคอยที่ ประกอบด้วยอาคารทรงสูงจำนวน 3 อาคาร โดยมีอาคารหลังแรกสูงที่สุด ลักษณะเป็นแท่งสูง มีทรงกลมขนาดใหญ่อยู่ตรงปลายด้านบน ภายในเป็นอุปกรณ์ควบคุมระบบไฟฟ้าและน้ำประปา คูเวตทาวเวอร์แห่งนี้เคยถูกทำลายเสียหาย เมื่อครั้งที่โดนอิรักบุก แต่หลังจากเสร็จสิ้นสงครามก็ได้รับการบูรณะซ่อมแซมให้กลับมามีสภาพดังเดิม ด้านบนของโถงทรงกลมที่เป็นจุดชมวิว จึงมีนิทรรศการภาพถ่ายที่เป็นความเสียหายของอาคารเมื่อครั้งสงครามกับอิรัก สำหรับนักท่องเที่ยวนั้นสามารถขึ้นไปชม ทิวทัศน์ของเมืองได้บนหอคอยหลังที่สูงสุดเท่านั้น

ได้เวลานำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งชาติคูเวต (Kuwait National Museum) ซึ่งเป็นแหล่งจัดแสดงโบราณวัตถุ และนิทรรศการทางประวัติศาสตร์ของประเทศคูเวต
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารบนหอคอย Kuwait Tower
บ่ายนำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์ ทาเร็ค ราจ๊าป (Tareq Rajab Museum) ก่อตั้งขึ้นโดยคหบดีชาวคูเวต ผู้มีใจรักในงานประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรม จึงได้เริ่มสะสมและเสาะหาข้าวของจากหลายๆประเทศมารวบรวม และนำมาจัดแสดงไว้ที่นี่ แม้ว่าครั้งหนึ่งจะได้รับความเสียหายอย่างมากจากการบุกโจมตีของอิรัก แต่ก็ปรับปรุงซ่อมแซมจนคืนสภาพได้ดังเดิม ด้านในอาคารมีการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ จากเกือบทุกมุมโลก ซึ่งล้วนแต่เป็นของหายากที่มีคุณค่าทั้งสิ้น 

จากนั้นนำท่านเข้าชมศูนย์กลางการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์แห่งคูเวต (Kuwait Scientific center) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ ซึ่งจัดได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอย่างแท้จริง เพราะที่นี่ถูกแบบมาให้เป็นแหล่งความรู้และบันเทิงอย่างครบวงจร ซึ่งมีทั้งส่วนที่เป็นพิพิธภัณฑ์ ตู้ปลาขนาดใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง และมีพื้นที่แสดงสัตว์กว่า 100 ชนิด พร้อมด้วยโรงภาพยนตร์ 3 มิติ โดยทั้งหมดอยู่ในพื้นที่อาคารขนาดใหญ่กว่า 18,000 ตารางเมตร และยังมีร้านค้า ร้านอาหารอีกด้วย

ได้เวลานำท่านชมพระอาทิตย์ตกบนหอคอย ลิเบอเรชั่น ทาวเวอร์ (Liberation Tower) หรือ หอคอยแห่งเสรีภาพ นับว่าเป็นหอคอยที่สูงที่สุดในตะวันออกกลาง และติดอันดับ 5 ของ หอคอยที่สูงติดอันดับโลก โดยมีความสูงจากฐานถึงยอด 372 เมตร ชาวคูเวตเขาถือว่าหอคอยนี้เป็นงานศิลปะแห่งโลกโทรคมนาคม เพราะหอคอยแห่งนี้เป็นศูนย์กลางระบบโทรคมนาคมของประเทศ  และจุดชมวิวบนหอคอยนี้ น่าจะเห็นทิวทัศน์ของเมืองได้รอบทิศทางกว่าเพระตั้งอยู่ ใจกลางเมืองหลวง 
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
ที่พักAl Hamra Hotel / Best Western Plus Hotel Kuwait **** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2)
วันที่ 3คูเวตซิตี้ – โดฮา (ประเทศกาตาร์) พักค้าง 2 คืน
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่สนามบินคูเวต เพื่อเช็คอิน
11.20 น.ออกเดินทางสู่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ โดยเที่ยวบิน ....... (ใช้เวลาบินประมาณ 1.35 ชั่วโมง)
12.50 น.เดินทางถึงสนามบินโดฮา ประเทศกาตาร์ นำท่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่ายนำท่านเข้าชมหมู่บ้านวัฒนธรรม Katara  คำว่า Katara เป็นภาษาอาหรับ แปลว่า กาตาร์ หมู่บ้านแห่งนี้เป็นสถานที่รวบรวมการดำเนินงานด้านวัฒนธรรมที่สำคัญของกาตาร์และโลกอาหรับ ภายในหมู่บ้านประกอบด้วย โรงละครกลางแจ้งขนาดใหญ่ โรงดนตรีออร์เคสตรา สมาคมและชมรมศิลปะต่าง ๆ ร้านอาหารนานาชาติ ตลาดท้องถิ่นจำลอง และชายหาดสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ หมู่บ้านแห่งนี้ยังใช้เป็นสถานที่จัดงานและนิทรรศการทางศิลปะและวัฒนธรรมตลอดทั้งปี อิสระให้ท่านได้ชมความสวยงามและประวัติศาสตร์ความเป็นมาของกาตาร์

ได้เวลานำท่านถ่ายรูปมัสยิด Imam Muhammad ibn Abd Al Wahhab เป็นมัสยิดประจำชาติกาตาร์ และเป็นมัสยิดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกาตาร์ ตั้งขึ้นเมื่อปี 2554 อยู่บนพื้นที่ 175,164 ตารางเมตร โดยภายในมัสยิดฯ สามารถจุคนได้จำนวน 12,200 คน และ 30,000 คนหากรวมพื้นที่โดยรอบมัสยิดฯ รูปแบบของมัสยิด Imam Muhammad ibn Abd Al Wahhab เป็นการผสมผสานของวัฒนธรรมอาหรับร่วมสมัยซึ่งเป็น Landmark สำคัญของกาตาร์ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโดฮาในปัจจุบัน

นำท่านเข้าชมความยิ่งใหญ่และความสวยงามของมัสยิดประจำกรุงกาตาร์ (ขอสงวนสิทธิ์ในการเข้าชมหากมีการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ซึ่งนักท่องเที่ยวต้องเคารพกฎเกณฑ์ในการเข้าชม)
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารไทย
ที่พักHoliday Villa Hotel **** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1)
วันที่ 4กาตาร์ – ป้อมมรดกโลก อัลซูบารา – The Museum of Isalamic Art – แอสปาย โซน
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม 

นำท่านเดินทางสู่ ป้อมอัล ซูบารา (Al Zubara Fort) เดิมเคยเป็นท่าเรือที่มีความเจริญรุ่งเรืองและเต็มไปด้วยชาวประมง พ่อค้า และชุมชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จำนวนมาก แต่ต่อมาได้ล่มสลายลงกลายเป็นเมืองใต้ทะเลทราย กระทั่งเมื่อปี 2009 ป้อมแห่งนี้ได้ถูกสำรวจโดยทีมนักโบราณคดีและนักวิทยาศาสตร์ นำโดยสำนักงานพิพิธภัณฑ์ของกาตาร์โดยการสำรวจทางโบราณคดี การวิจัย และการทำงานร่วมกับชุมชนในพื้นที่นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อจารึกและทำความเข้าใจถึงยุครุ่งเรืองและยุคตกต่ำของป้อมแห่งนี้ ตลอดจนบทบาทสำคัญของ Al Zubarah Fort ในการพัฒนาสู่ความเป็นอ่าวอาหรับที่มีความทันสมัยในอดีต ซึ่งต่อมาในปี 2013 ทางองค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนป้อมอัล ซูบารา ให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกอีกด้วย

ได้เวลานำท่านสู่ พิพิธภัณฑ์ Sheikh Faisal Bin Qassim Al Thani ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2541 เป็นเมืองป้อมปราการของชาวกาตาร์ในทุ่งนา Al Samriya ซึ่งรูปลักษณ์ภายนอกมีความโดดเด่นสวยงามโดยเฉพาะตัวป้อมปราการสร้างจากหินที่มีอยู่ในท้องถิ่นในรูปแบบดั้งเดิม แต่ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถสะท้อนความทันสมัยของกรุงโดฮาในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถูกออกแบบและสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่การดำรงรักษาและส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรมศาสนาอิสลามของ Sheikh Faisal Bin Qassim Al Thani โดยใช้เป็นสถานที่เก็บรักษาและจัดแสดงสิ่งประดิษฐ์พิเศษที่เก็บรวมรวมโดย Sheikh Faisal Bin Qassim Al Thani เป็นการเฉพาะเพื่อให้ชาวกาตาร์และชาวต่างชาติได้มีโอกาสชื่นชม นำท่านเข้าชมความยิ่งใหญ่และความสวยงามภายในพิพิธภัณฑ์ป้อมปราการแห่งนี้
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร
บ่ายนำท่านเข้าชม The Museum of Islamic Art จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2008 ภายใต้การดูแลของ Qatar Museum Authority เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมผลงานศิลปะของวัฒนธรรมอิสลาม อาทิ เอกสารทางประวัติศาสตร์ อัญมณี วัสดุเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่ทำจากเหล็ก แก้ว ไม้ งาช้าง หิน สิ่งทอ เป็นต้น โดยรวบรวมจากประเทศต่าง ๆ ที่นับถือศาสนาอิสลาม โดยเฉพาะจากอียิปต์ อิหร่าน อิรัก ตุรกี อินเดีย และประเทศในภูมิภาคเอเชียกลาง (ยกเว้นของกาตาร์ที่จะนำไปจัดแสดงที่ Qatar National Museum แทน) บริเวณรอบนอกพิพิธภัณฑ์ยังเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นใจกลางเมืองของกรุงโดฮาซึ่งเป็นที่ตั้งของหน่วยงานราชการและอาคารสำนักงานต่างๆ ได้ทั้งหมด อิสระให้ท่านได้ชมความสวยงามของงานศิลปะต่างๆก่อนนำท่านสู่สนามบิน เพื่อเดินทางไปยังกรุงมัสกัต ประเทศโอมาน
 
ได้เวลานำท่านเข้าชม Aspire Zone หรือ Doha Sports City ตั้งอยู่บนพื้นที่ 2.5 ตารางกิโลเมตร จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2546 ซึ่งเป็นปีที่กาตาร์เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ โดยวัตถุประสงค์สูงสุดของการจัดตั้งเพื่อใช้เป็นสถานที่จัดการแข่งขันกีฬาระดับชาติและนานาชาติ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจุดมุ่งหมายของกาตาร์ที่ต้องการผลักดันให้กาตาร์มีความเป็นเลิศด้านกีฬาอย่างครบวงจร ภายใน Aspire Zone ประกอบด้วยพื้นที่ 3 ส่วน ได้แก่ (1) Khalifa International Stadium ซึ่งเป็นสนามฟุตบอลที่จะสร้างขึ้นเพื่อเป็นหนึ่งในสนามที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2565 ที่กาตาร์เป็นเจ้าภาพ (2) Hamad Aquatic Center เป็นอาคารสระว่ายน้ำขนาดเดียวกับที่ใช้ในการแข่งขันโอลิมปิก และ (3) Aspire Dome ซึ่งเป็นศูนย์กีฬาในร่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ค่ำรับประทานอาหารค่ำบนเรือพร้อมล่องเรือชมวิว และ พระอาทิตย์ตกดิน 
ที่พักHoliday Villa Hotel **** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2)
วันที่ 5กาตาร์ – บาห์เรน 
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่สนามบินเพื่อเช็คอิน
11.20 น.ออกเดินทางจากสนามบินกาตาร์ สู่สนามบินมานามา ประเทศบาห์เรน
12.50 น.เดินทางถึงสนามบินมานามา นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารไทย 
บ่ายนำท่านชม เมืองมานามา (Manama) ชื่อเมืองมาจากภาษาอารบิกว่า “ มานาม ” มีความหมายว่า “ ที่นอน ” ในสมัยเมื่อต้นศตวรรษที่ผ่านมา เมืองมานามา เป็นเมืองท่าที่ใกล้ที่สุดสำหรับชาวประมงที่มีอาชีพดำน้ำหาไข่มุก และจุดที่พักระหว่างทางของเหล่าลูกเรือบรรทุกสินค้าที่ขนสินค้าจากประเทศอินเดียไปยังทวีปแอฟริกา ต่อมาเมื่อต้นปี 1932 มีการขุดพบบ่อน้ำมันในเมืองมานามา ส่งผลให้เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรือง จนเป็นที่สนใจของนักลงทุนและนักธุรกิจอย่างมากมาย เมืองมานามาได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในประเทศที่เป็นมิตรมากที่สุด และได้รับการยกย่องว่าบาห์เรนเป็นประเทศที่ยังรักษาวัฒนธรรมและมรดกด้านอื่นๆของชาวอาหรับเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ บาห์เรน ปกครองโดยมีกษัตริย์แห่งราชวงศ์อัลคาลิฟา เป็นประมุขสูงสุด เศรษฐกิจของประเทศพึ่งพาการส่งออกน้ำมันและไข่มุก บาห์เรนมีลักษณะแตกต่างจากประเทศอื่นในอ่าวเปอร์เซีย เนื่องจากเป็นเกาะอยู่ในอ่าวเปอร์เซียจำนวน 33 เกาะ เกาะใหญ่คือ Bahrain Island เกาะต่างๆของบาห์เรนจะอยู่ทางตอนเหนือของกาตาร์ และมีซาอุดิอาระเบียอยู่ด้านตะวันตก

นำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งชาติบาห์เรน (Bahrian National Museum) พิพิธภัณฑ์ที่ประกอบไปด้วยห้องนิทรรศการต่างๆ ที่ครอบคลุมประวัติศาสตร์ของบาห์เรนจากยุคหินที่ผ่านอารยธรรมโบราณจนถึงยุครุ่งเรืองด้านน้ำมัน ได้เวลานำท่านชมสิ่งก่อสร้างเก่าแก่คือ ป้อมปราการอารัด (Arad Fort) สร้างสมัยศตวรรษที่ 15 ตั้งอยู่ใกล้กับสนามบินนานาชาติแห่งบาห์เรน ป้อมแห่งนี้เชื่อกันว่าสร้างเพื่อป้องกันนักเดินเรือต่างชาติเข้ามารุกรานบาห์เรนในสมัยโบราณ

จากนั้นนำท่านชม King Fahd Causeway  ทางด่วนที่เชื่อมประเทศซาอุดิอาราเบีย กับบาห์เรน  เริ่มทำการสำรวจเพื่อสร้างเส้นทางในปี 1968 แต่เริ่มสร้างในปี 1981-1986 และได้ทำพิธีเปิดใช้สะพานเป็นทางการ ในวันที่ 26 พฤศจิกายน 1986  สะพานนี้สร้างโดยเงินสนับสนุนของ Khli Fah Ibn Sulman ความยาวของสะพาน 26 กิโลเมตร ความกว้างของถนน 25 เมตร 
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร
ที่พักPark Regis Lotus Hotel Manama**** หรือเทียบเท่า
วันที่ื 6บาห์เรน – มัสกัต (โอมาน)
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านชม มัสยิด เอล เฟท (Al Fateh) เป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุด สามารถจุคนที่จะมาแสวงบุญได้ถึง 7,000 คนต่อวัน นำท่านผ่อนคลายบรรยากาศริมทะเลย่าน Corniche Al Fateh ท่านจะได้ชมวิวทะเล และตึกทันสมัยของเมืองมานามา นำท่านเที่ยวชมความยิ่งใหญ่ของเมืองมานามา ราชอาณาจักรบาห์เรน ซึ่งมีสิ่งก่อสร้างที่น่าสนใจหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นบาห์เรน เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ หรือบาห์เรน ไฟแนนเชียล ฮาร์เบอร์ก และอาคารที่มีรูปทรงแปลกตา แต่ที่น่าสนใจคืออาคาร Murjan Tower คาดว่าเป็นอาคารที่สูงที่สุดในโลกคือ 3,281 ฟุต

ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ ตลาดเก่า (Manama Souq) ตั้งอยู่ใกล้กับ Bab Al Bahrain  ซึ่งสองข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านขายสินค้าพื้นเมือง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเทศ พรม ผ้า ถั่วประเภทต่างๆ ในราคาที่นักท่องเที่ยวสามารถต่อรองได้ แต่ต้องใช้เงินสกุลของบาห์เรนคือ ดินาร์ สินค้าที่นักท่องเที่ยวนิยมคือไข่มุก ซึ่งเป็นมุกแท้ และมีชื่อเสียงในกลุ่มประเทศอาหรับ
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่ายนำท่านชม ต้นไม้แห่งชีวิต (Tree of life) เป็นต้นไม้ต้นเดียวในเขตทะเลทราย

จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับสัญลักษณ์ของมานามา คือ บัป อัล บาห์เรน (Bab Al Bahrain) ประตูเมืองเก่าแก่ ที่สร้างสมัยอังกฤษปกครองบาห์เรน  ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อ เซอร์ ซาล์ล เบลเกฟ ในปี 1945 บัป อัล บาห์เรน เดิมเป็นย่านทำเนียบรัฐบาล สร้างเห็นวิวทะเล ศิลปะของตัวอาคารศิลปอิสลามดั้งเดิมของเมืองมานามา 
15.00 น.นำท่านเดินทางสู่สนามบินมานามา
17.00 น.ออกเดินทางสู่สนามบินมัสกัต โดยเที่ยวบิน WY656 (ใช้เวลาบินประมาณ 1.40 ช.ม.)
19.40 น.เดินทางถึงสนามบินมัสกัต ประเทศโอมาน
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน
ที่พักAl Falaj Hotel Muscat **** หรือเทียบเท่า
วันที่ 7มัสกัต – หลุมน้ำบิมมาห์ – ซูร์ – โอเอซิสวาดิ – ทะเลทรายวาฮิบา  (พักกระโจมทะเลทราย)
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางสู่หลุมน้ำบิมมาห์ซิงก์โฮล (Bimmah Sinkhole) หรือ ดิบับซิงห์โฮล์ (Dibab Sinkhole) (ระยะทาง 127 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ช.ม.) ตั้งอยู่ในสวนฮาวิยัด นาจิม พาร์ค (Hawiyat Najm Park ) ซึ่งอยู่ติดกับถนนที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองบิมมาห์ และเมืองดิบาบ หลุมน้ำแห่งนี้เคยถูกเชื่อว่าเป็นหลุมที่ถูกอุกกาบาตตกลงมาทำให้เป็นหลุมกว้าง แต่นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่าเกิดจากการที่แผ่นดินทรุดจนทำให้เกิดหลุม และพื้นที่นี้ใกล้กับทะเล จึงทำให้น้ำทะเลซึมเข้ามา แถมน้ำในหลุมนี้ยังมีสีเขียวใสสวยงาม มองลงมาจากปากหลุมดูอลังการมาก ท่านสามารถเตรียมชุดว่ายน้ำเพื่อลองว่ายน้ำในหลุมน้ำแห่งนี้ได้ อิสระให้ท่านได้เล่นน้ำตามอัธยาศัย

นำท่านเดินทางสู่โอเอซิส วาดิ (Wadi Shab) คือแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติซึ่งหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วในทวีปเอเชีย เพราะเหมือนหลุดเข้ามาในโลกยุคดึกดำบรรพ์ มีตั้งแต่ หาดทราย โขดหิน หน้าผา เดินอยู่ท่ามกลางเทือกเขาสูงตระหง่าน แถมยังมีบ่อน้ำสีฟ้าเทอร์คอยซ์สวยๆ ให้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกอีกด้วย 
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น 
บ่ายได้เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองซูร์ (Sur) เมืองแห่งมนต์เสน่ห์ชายทะเลที่มีชื่อเสียงในเรื่องอู่ต่อเรือ (Dhow) แบบดั้งเดิม อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีประวัติการเดินเรือและการค้ามาอย่างยาวนาน สถานที่แห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของประเทศโอมานนำท่านเดินชมความสวยงามของเมืองซูร์ พร้อมถ่ายรูปกับวิวสวยๆของเมืองนี้ เมืองนี้ยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองโอมานที่พากันมาปิกนิก เพลิดเพลินกับชายหาด ชมนกนางนวล เรียกได้ว่ามาที่นี่จะได้เพลิดเพลินกับธรรมชาติที่รังสรรค์ให้เมืองซูร์ เป็นอีกหนึ่งเมืองสวยของประเทศโอมาน

ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ทะเลทรายวาฮิบา (Wahiba Desert) ที่ตั้งอยู่ใจกลางประเทศเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสโอมานแบบโบราณอย่างแท้จริง โดยผู้มาเยือนสามารถสัมผัสวิถีชีวิตเร่ร่อนในอดีตได้โดยร่วมคณะทัวร์ที่มักเริ่มต้นการเดินทางจากเมืองอิบรา (Ibra) และพาคณะเดินทางนั่งรถ 4 WD ขับผ่าน Sand Dune และตั้งแคมป์พักค้างแรมกลางทะเลทรายภายใต้แสงจันทร์
ค่ำรับประทานอาหารค่ำแบบท้องถิ่น (กลางทะเลทราย)
ที่พักแบบกระโจมทะเลทราย Al Salam Camp Desert
วันที่ 8นิซวา – ป้อมปราการบาห์ลา (UNESCO) – มัสกัต
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม  

นำท่านเดินทางสู่เมืองนิซวา (Nizwa) เคยเป็นเมืองหลวงของโอมานในศตวรรษที่ 6-7 ปัจจุบัน เมืองนิซวามีชื่อเสียงจากป้อมปราการที่ถูกสร้างขึ้นจากพระบัญชาของสุลตาน บิน เซฟ (Sultan Bin Saif Al Ya’ribi) ในศตวรรษที่ 17 จุดเด่นที่สำคัญของป้อมปราการนี้อยู่ที่หอคอยทรงกระบอกขนาดมหึมา และกลไกการป้องกันข้าศึกที่น่าสนใจ อาทิ กับดักน้ำผึ้ง (Honey trap) ที่ใช้สาวสวยล่อล่วงทหาร และหน้าต่างรูปทรงแปลกๆ เพื่อให้คนในป้อมสามารถยิงข้าศึกได้ เป็นต้น

นำท่านเข้าชมป้อมโบราณนิซวา (Nizwa Fort) ป้อมปราการขนาดใหญ่ อนุสรณ์สถานแห่งชาติของโอมาน หอคอยขนาดใหญ่ ที่มี ห้องมากมายสลับซับซ้อนเหมือนกับเขาวงกต
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่ายนําท่านเข้าชมปราสาทจาบริน (Jabrin Castle) ปราสาทสามชั้นที่สร้างขึ้นในช่วงกลางคริสต์ศวรรษที่ 16 เป็นศูนย์กลางของการศึกษาโหราศาสตร์(Astrology) ยา (Medicine) กฎหมายอิสลาม (Islamic Law) เป็นปราสาทที่สร้างในรูปแบบศิลปะอิสลาม ที่ภายในโดดเด่นด้วยงาน แกะสลักไม้ และภาพเขียนดาวเพดานที่สวยงาม

ได้เวลานำท่านเข้าชมป้อมบาห์ลา (Bahla Fort) เป็นหนึ่งในป้อมปราการที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดของโอมาน ถูกสร้างเมื่อ 500 ปีก่อนคริสตกาล และเป็นป้อมหนึ่งเดียวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี 1987  กำแพงป้อมแห่งนี้มีความยาวถึง 12 กิโลเมตร ลักษณะภายนอกเป็นศิลปะแบบตะวันออกกลาง ก่อสร้างด้วยปูนและดินสีน้ำตาลอ่อน เข้ากับลักษณะภูมิประเทศแบบทะเลทราย ถูกบูรณะมาหลายครั้ง สมัยก่อนใช้เป็นปราการป้องกันศัตรูที่มารุกราน มีโซนสำหรับป้อมปืนใหญ่คอยระวังภัย ห้องเก็บเสบียง ห้องละหมาด ห้องประชุม และห้องสำหรับทำกิจกรรมต่างๆมากมาย แต่ที่เด่นที่สุดก็เห็นเป็นหอคอยลักษณะทรงกลมที่สูงเด่น อิสระให้ท่านได้ชมความสวยงามของป้อมมรดกโลกหนึ่งเดียวในโอมาน

ได้เวลานำท่านเดินทางกลับสู่กรุงมัสกัต เมืองหลวงของประเทศโอมาน 
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารไทย
ที่พัก Al Falaj Hotel Muscat**** หรือเทียบเท่า
วันที่ 9มัสกัต
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม 

นำท่านเที่ยวชมกรุงมัสกัต (Muscat) อันเป็นที่ตั้งของป้อมปราการ พระราชวัง พิพิธภัณฑ์ และตลาดจำนวนมาก 


นำท่านเข้าชมมัสยิดสุลต่านกาบูส (Sultan Qaboos Grand Mosque) ได้รับการการันตีว่าเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในคาบสมุทรอาหรับ ภายนอกก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบอิสลาม มีลักษณะเป็นโดมตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมที่มั่นคง ยิ่งใหญ่ โอ่งโถง และสวยงาม โดยรอบปลูกต้นไม้ และดอกไม้ประดับอย่างร่มรื่น ภายในโถงกลางมีพรมทอมือไร้รอยต่อ ลวดลายวิจิตรงดงามที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สองของโลก โดยใช้เวลาทอนานกว่า 4 ปี และยังมีแชนเดอเลียความสูง 14 เมตร ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ประดับอยู่กลางโถงละหมาด เป็นมัสยิดที่มีความยิ่งใหญ่อลังการและความสวยงามมาก การเข้าชมมัสยิดสุลต่านกาบูสเปิดให้ชมในช่วงเช้าเท่านั้น หลังจากนั้นจะปิดเพื่อทำพิธีละหมาด การแต่งตัวผู้หญิงจะต้องแต่งตัวมิดชิด ใส่กระโปรงยาวคลุมเท้า เสื้อแขนยาว คลุมผ้าโพกหัวให้เรียบร้อย หากไม่ได้เตรียมไปใส่ ที่มัสยิดมีบริการให้เช่าชุดอาบายะห์ (ชุดยาวสีดำล้วนของอิสลามของผู้หญิง) และชุดโต๊บ (ชุดยาวสีขาวแขนยาวของผู้ชาย) ในราคาชุดละ 5 เรียล หรือประมาณ 500 บาทไทย


ได้เวลานำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์ เบทอัลซูแบร์ (Bait Al Zubair Museum)  เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่บนถนน Al Saidiya, แห่งเมืองเก่ามัสกัต ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้และอาวุธโบราณ ได้แก่ khanjar อุปกรณ์ใช้ในครัวเรือนและเครื่องแต่งกาย นอกพิพิธภัณฑ์เป็นหมู่บ้านชาวโอมานและตลาดพื้นเมืองให้ได้ชม

นำท่านแวะถ่ายรูปกับโรงโอเปร่า (Royal Opera House) ซึ่งเป็นโรงโอเปร่าที่เรียกได้ว่าดีที่สุดอีกแห่งของโลก
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่ายนำท่านถ่ายรูปกับป้อมอัลจาลาลี (Al Jalali) และป้อมอัลมิรานิ (Al Mirani) ซึ่งตั้งอยู่โดยรอบพระราชวัง เป็นป้อมปราการสร้างในสมัยศตวรรษที่ 16 ตั้งตระหง่านเหนืออ่าว ป้อมทั้งสองถูกสร้างโดยชาวโปรตุเกสเพื่อปกป้องท่าเรือ Al Jalali ตั้งอยู่บนโขดหินโผล่ออกมาทางด้านตะวันออกของท่าเรือ ขณะที่ Al Mirani อยู่บนโขดหินโผล่ออกมาทางฝั่งตะวันตก การดำรงอยู่ของป้อมสองรอบและภูเขาล้อมรอบ ทำให้มัสกัตเสริมการโจมตีจากทะเล นอกจากจะใช้เป็นป้อมปราการป้องกันการรุกรานเมืองจากข้าศึก ยังเคยใช้เป็นที่คุมขังนักโทษในช่วงศตวรรษที่ 20 อีกด้วย ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงมรดกทางวัฒนธรรมของโอมาน นำท่านเที่ยวชมความสวยงามและประวัติมรดกโลกทางวัฒนธรรมของโอมาน

นำท่านแวะถ่ายรูปกับพระราชวังหลวงอัลอาลัม (Qasr Al Alam Royal Palace) ที่นักท่องเที่ยวสามารถชมความตระการตาของพระราชวังจากท่าเรือได้ถึงแม้จะไม่สามารถเข้าไปชมด้านในได้ก็ตาม พระราชวังที่ประทับแห่งนี้เดิมเป็นที่ประทับของสุลต่าน Qaboos (คาบูส) ซึ่งอยู่ย่านเมืองเก่าของโอมาน แม้จะไม่ให้เข้าไปถ่ายรูปด้านในแต่แค่ความงามด้านนอกนั้นก็สะกดสายตาเหล่านักท่องเที่ยวได้ทีเดียว
18.00 น.นำท่านเดินทางสู่สนามบินมัสกัต เพื่อทำการเช็คอินและเตรียมตัวเดินทางกลับ
21.10 น.ออกเดินทางจากสนามบินนานาชาติมัสกัต สู่กรุงเทพมหานคร โดยเที่ยวบินที่ WY817 (ใช้เวลาบิน 6.10 ชม.) บริการอาหาร เครื่องดื่ม และพักผ่อน บนเครื่องบิน
วันที่ 10กรุงเทพมหานคร
06.20 น.เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ (BON VOYAGE)
หมายเหตุ นักท่องเที่ยวผู้หญิง ขอให้เตรียมชุดกระโปรงยาว และผ้าคลุมผมไปด้วย การแต่งกายต้องมิดชิดและเคารพระเบียบข้อบังคับในการแต่งกาย ดังนั้นขอให้ท่านเตรียมชุดกระโปรงยาว เสื้อแขนยาว ไม่อนุญาตให้ใส่กางเกงขาสั้น เสื้อแขนสั้น หรือ แขนกุดทุกชนิด


อัตราค่าบริการราคา
ราคาต่อท่านสำหรับรอบการเดินทางที่ : 17 - 26 มกราคม 2568 155,000 บาท
 TE369-003: โปรแกรมทัวร์ตะวันออกกลาง คูเวต กาตาร์ บาห์เรน โอมาน ไข่มุกแห่งตะวันออกกลาง 10 วัน 8 คืน (WY)แสดง รายละเอียด
ราคาต่อท่านสำหรับรอบการเดินทางที่ : 14 - 23 กุมภาพันธ์ 2568 155,000 บาท
 TE369-004: โปรแกรมทัวร์ตะวันออกกลาง คูเวต กาตาร์ บาห์เรน โอมาน ไข่มุกแห่งตะวันออกกลาง 10 วัน 8 คืน (WY)แสดง รายละเอียด
ราคาต่อท่านสำหรับรอบการเดินทางที่ : 07 - 16 มีนาคม 2568 155,000 บาท
 TE369-005: โปรแกรมทัวร์ตะวันออกกลาง คูเวต กาตาร์ บาห์เรน โอมาน ไข่มุกแห่งตะวันออกกลาง 10 วัน 8 คืน (WY)แสดง รายละเอียด

เงื่อนไขในการจอง

ข้อแนะนำและแจ้งเพื่อทราบ
  • สำหรับห้องพักแบบ 3 เตียง มีบริการเฉพาะบางโรงแรมเท่านั้น กรณีเดินทางเป็นผู้ใหญ่ 3 ท่าน แนะนำให้ท่าน เปิดห้องพัก เป็น 2 ห้องจะสะดวกกับท่านมากกว่า 
  • กรณีเดินทางเป็นตั๋วกรุ๊ป หากออกตั๋วแล้ว ไม่สามารถขอคืนเงินได้ และไม่สามารถเปลี่ยนวันเดินทางได้
  • กระเป๋าเดินทางเพื่อโหลด ท่านละ 1 ใบ น้ำหนักไม่เกิน 20 ก.ก. กระเป๋าถือขึ้นเครื่อง (Hand carry) น้ำหนักไม่เกิน 7 ก.ก. 
โปรแกรมท่องเที่ยว (ตามที่ระบุไว้ในรายการ) อัตรานี้รวมถึง
  • ตั๋วเครื่องบินไป-กลับชั้นนักท่องเที่ยวโดยสายการบิน GF / QR / WY (กระเป๋าเดินทาง น.น. ไม่เกิน 20 กก.)
  • ค่าภาษีสนามบิน, ภาษีน้ำมัน, ประกันภัยทางอากาศ
  • ค่าประกันภัยการเดินทางอุบัติเหตุวงเงิน 1,500,000 บาท และ ค่ารักษาพยาบาลในต่างประเทศวงเงิน 2,000,000 บาทค่ารักาพยาบาลหลังกลับจากต่างประเทศภายใน 21 วัน วงเงิน 40,000 บาท   (ประกันภัยไม่ครอบคลุมผู้ที่อายุเกิน 85 ปี)
  • ค่าภาษีในแต่ละประเทศ
  • ค่าที่พักตลอดการเดินทาง (พักห้องคู่)
  • ค่าอาหารทุกมื้อตามระบุ, ค่าพาหนะ หรือรถรับ-ส่ง ระหว่างนำเที่ยว, ค่าเข้าชมสถานที่, ค่าวีซ่าคูเวต  
  • เจ้าหน้าที่ (ไกด์ไทย) ผู้ชำนาญเส้นทาง คอยอำนวยความสะดวกตลอดการเดินทางและทิปต่างๆ
อัตรานี้ไม่รวมถึง
  • ค่าพนักงานยกกระเป๋า ซึ่งท่านต้องดูแลกระเป๋าด้วยตัวท่านเอง หรือไปจ่ายที่โรงแรมได้หากต้องการ Porter Service
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัวอาทิ ค่าซักรีด, โทรศัพท์-แฟกซ์, เครื่องดื่มมินิบาร์ และค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ไม่ได้ระบุในรายการ
  • ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%
การชำระเงิน
  • งวดที่ 1 : สำรองที่นั่งจ่าย 50,000 บาท/ท่าน ภายใน 3 วันหลังมีการยืนยันกรุ๊ปออกเดินทางแน่นอน
  • งวดที่ 2 : ชำระส่วนที่เหลือ 30 วัน ล่วงหน้าก่อนออกเดินทาง 
กรณีกรณียกเลิก
  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง 45 วัน ไม่เก็บค่าใช้จ่าย (หากไม่ได้มีการยื่นวีซ่าล่วงหน้า) (เมษายน-ธันวาคม ปีใหม่ 60 วัน)
  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง 30-44 วัน หักค่ามัดจำ 35,000 บาท + ค่าวีซ่า (ถ้ามี) (เมษายน-ธันวาคม ปีใหม่ 44-59 วัน)
  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง 10-29 วัน หักค่ามัดจำ 35,000 บาท + ค่าใช้จ่ายอื่น (ถ้ามี) (เมษายน-ธันวาคม ปีใหม่ 20-43 วัน)
  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง 1-9 วัน หักค่าใช้จ่าย 100% ของค่าทัวร์ (เมษายน-ธันวาคม ปีใหม่ 4-19วัน)
    ผู้เดินทางที่ไม่สามารถเข้า-ออกเมืองได้ เนื่องจากการยื่นเอกสารปลอม หักค่าใช้จ่าย 100% 
    ***หากมีการยกเลิกการจองทัวร์ หลังได้ทำการยื่นวีซ่าเรียบร้อยแล้ว บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการนำเล่มพาสปอร์ตไปยกเลิกวีซ่าในทุกกรณี ไม่ว่าค่าใช้จ่ายในการยื่นวีซ่าจะรวมหรือแยกจากรายการทัวร์ก็ตาม***
หมายเหตุ :
  • บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกการเดินทางในกรณีที่มีผู้เดินทาง ต่ำกว่า 10 ท่าน โดยจะแจ้งให้ผู้เดินทางทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วันก่อนการเดินทาง 
  • บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงการพาเข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวใดๆที่ปิดทำการ โดยจะจัดหาสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆเพื่อทดแทนเป็นลำดับแรก หรือคืนค่าเข้าชมแก่คณะผู้เดินทางแทน
  • บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงรายการท่องเที่ยว กรณีที่เกิดเหตุจำเป็นสุดวิสัย อาทิ การล่าช้าของสายการบิน  การนัดหยุดงาน  การประท้วง  ภัยธรรมชาติ  การก่อจลาจล  อุบัติเหตุ  ปัญหาการจราจร ปัญหาการเสริฟ์ช้าของร้านอาหาร หรือ เหตุใดๆที่อยู่เหนือการควบคุมของบริษัท ฯลฯ   ทั้งนี้จะคำนึงและรักษาผลประโยชน์ของผู้เดินทางไว้ให้ได้มากที่สุด และหากหัวหน้าทัวร์ไม่ได้ดำเนินการทำทัวร์ตามโปรแกรม ท่านต้องแย้งและเรียกร้องสิทธิ์ในรายการนั้น หากท่านไม่มีการแย้งใดๆ ถือว่าท่านยอมรับการทำทัวร์ดังกล่าว
  • เนื่องจากการท่องเที่ยวนี้เป็นการชำระแบบเหมาจ่ายกับบริษัทตัวแทนในต่างประเทศ  ท่านไม่สามารถที่จะเรียกร้องเงินคืน ในกรณีที่ท่านปฏิเสธหรือสละสิทธิ์ ในการใช้บริการที่ทางทัวร์จัดให้ ยกเว้นท่านได้ทำการตกลง หรือ แจ้งให้ทราบ ก่อนเดินทาง
  • บริษัทฯ จะไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น หากท่านถูกปฏิเสธการตรวจคนเข้าเมือง และจะไม่คืนเงินค่าทัวร์ที่ท่านชำระมาแล้ว  หากท่านถูกปฎิเสธการเข้าเมือง เนื่องจากการกระทำที่ส่อไปในทางผิดกฎหมาย หรือการหลบหนีเข้าเมือง 
  • ในกรณีที่ท่านจะใช้หนังสือเดินทางราชการ (เล่มสีน้ำเงิน) เดินทางกับคณะ  บริษัทฯ สงวนสิทธิ์ที่จะไม่รับผิดชอบ หากท่านถูกปฎิเสธการเข้าหรือออกนอกประเทศใดประเทศหนึ่ง เพราะโดยปกตินักท่องเที่ยวใช้หนังสือเดินทางบุคคลธรรมดา เล่มสีเลือดหมู
  • เมื่อท่านจองทัวร์และชำระมัดจำแล้ว หมายถึงท่านยอมรับในข้อความและเงื่อนไขที่บริษัทฯแจ้งแล้วข้างต้น
เงื่อนไขอื่น

ตั๋วเครื่องบิน

  • การจัดที่นั่งบนเครื่องบินของสายบการบิน ขณะนี้สายการบินมีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการจัดที่นั่ง (Assign seat) ทุกที่นั่ง สนนราคา 2,000 – 4,000 บาทต่อเที่ยวบิน หากท่านไม่ต้องการเสียค่าใช้จ่ายตรงนี้ ต้องทำการขอที่นั่ง ณ เคาน์เตอร์เชคอินที่สนามบินเท่านั้น แต่หากท่านต้องการจัดที่นั่งและชำระค่าใช้จ่ายตรงนี้ สามารถแจ้งกับทางบริษัทฯ หลังทำการออกตั๋วเครื่องบินแบบหมู่คณะไปแล้วเท่านั้น
  • ในการเดินทางเป็นหมู่คณะผู้โดยสารจะต้องเดินทางไป-กลับ หากท่านต้องการเลื่อนวันเดินทางกลับ ท่านจะต้องชำระ ค่าใช้จ่ายส่วนต่างที่สายการบินเรียกเก็บโดยสายการบิน เป็นผู้กำหนด ซึ่งทางบริษัทฯ ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ และในกรณีที่ยกเลิกการเดินทาง ถ้าทางบริษัทได้ออกตั๋วเครื่องบินไปแล้ว ผู้เดินทางต้องรอ Refund ตามระบบของสายการบินเท่านั้น (ในกรณีที่ตั๋วเครื่องบินสามารถทำการ Refund ได้เท่านั้น)
  • ท่านที่จะออกตั๋วเครื่องบินภายในประเทศ เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต หาดใหญ่ ฯลฯ โปรดแจ้งฝ่ายขายก่อนเพื่อขอคำยืนยันว่าทัวร์นั้นๆ ยืนยันการเดินทาง แน่นอน หากท่านออกตั๋วภายในประเทศโดยไม่ได้รับการยืนยันจากพนักงาน แล้วทัวร์นั้นยกเลิก บริษัทฯไม่สามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายใดๆที่เกี่ยวข้องกับตั๋วเครื่องบินภายในประเทศได้
  • เมื่อท่านจองทัวร์และชำระมัดจำแล้ว หมายถึงท่านยอมรับในข้อความและเงื่อนไขที่บริษัทฯแจ้งแล้วข้างต้น

โรงแรมและห้อง

  • ห้องพักในโรงแรมเป็นแบบห้องพักคู่ ( TWN/DBL ) ในกรณีที่ท่านมีความประสงค์จะพักแบบ 3 ท่าน / 3 เตียง(TRIPLE ROOM ) ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของห้องพักและรูปแบบของห้องพักของแต่ละโรงแรม ซึ่งมักมีความแตกต่างกัน ซึ่งอาจจะทำให้ท่านไม่ได้ห้องพักติดกันตามที่ต้องการ หรือ อาจไม่สามารถจัดห้องที่พักแบบ 3 เตียงได้
  • โรงแรมหลายแห่งในยุโรป จะไม่มีเครื่องปรับอากาศเนื่องจากอยู่ในแถบที่มีอุณหภูมิต่ำ เครื่องปรับอากาศที่มีจะให้บริการในช่วงฤดูร้อนเท่านั้น
  • ในกรณีที่มีการจัดประชุมนานาชาติ ( TRADE FAIR ) เป็นผลให้ค่าโรงแรมสูงขึ้น 3-4 เท่าตัว บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการปรับเปลี่ยนหรือย้ายเมืองเพื่อให้เกิดความเหมาะสม

กระเป๋าเล็กถือติดตัวขึ้นเครื่องบิน

  • กรุณางดนำของมีคม ทุกชนิด ใส่ในกระเป๋าใบเล็กที่จะถือขึ้นเครื่องบิน เช่น มีดพับ กรรไกรตัดเล็บทุกขนาด ตะไบเล็บ เป็นต้น กรุณาใส่ในกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ห้ามนำติดตัวขึ้นบนเครื่องบินโดยเด็ดขาด
  • วัตถุที่เป็นลักษณะของเหลว อาทิ ครีม โลชั่น น้ำหอม ยาสีฟัน เจล สเปรย์ และเหล้า เป็นต้น จะถูกทำการตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยจะอนุญาตให้ถือขึ้นเครื่องได้ไม่เกิน 10 ชิ้น ในบรรจุภัณฑ์ละไม่เกิน 100 ml. แล้วใส่รวมเป็นที่เดียวกันในถุงใสพร้อมที่จะสำแดงต่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตามมาตรการองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ( ICAO )
  • หากท่านซื้อสินค้าปลอดภาษีจากสนามบิน จะต้องปิดผนึกถุงโดยระบุ วันเดินทาง เที่ยวบิน จึงสามารถนำขึ้นเครื่องได้ และห้ามมีร่องรอยการเปิดปากถุงโดยเด็ดขาด

สัมภาระและค่าพนักงานยกสัมภาระ

  • สำหรับน้ำหนักของสัมภาระที่ทางสายการบินอนุญาตให้โหลดใต้ท้องเครื่องบิน คือ 20-30 กิโลกรัม (สำหรับผู้โดยสารชั้นประหยัด/ Economy Class Passenger ซึ่งขึ้นกับแต่ละสายการบิน) การเรียกเก็บค่าระวางน้ำหนักเพิ่มเป็นสิทธิ์ของสายการบินที่ท่านไม่อาจปฏิเสธได้ หาก น้ำหนักกระเป๋าเดินทางเกินกว่าที่สายการบินกำหนด
  • สำหรับกระเป๋าสัมภาระที่ทางสายการบินอนุญาตให้นำขึ้นเครื่องได้ ต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 7 กิโลกรัมและมีสัดส่วนไม่เกิน 7.5 x 13.5 x 21.5 สำหรับหน่วยวัด “นิ้ว” (Inch) หรือ 19 x 35 x 55 สำหรับหน่วยวัด “เซนติเมตร” (Centimeter)
  • ในบางรายการทัวร์ ที่ต้องบินด้วยสายการบินภายในประเทศ น้ำหนักของกระเป๋าอาจจะถูกกำหนดให้ต่ำกว่ามาตรฐานได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแต่ละสายการบิน บริษัทขอสงวนสิทธิ์ไม่รับภาระ ความรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในน้ำหนักส่วนที่เกิน
  • กระเป๋าและสัมภาระที่มีล้อเลื่อนและมีขนาดใหญ่เกินไป ไม่เหมาะกับการเป็นกระเป๋าถือขึ้นเครื่องบิน (Hand carry)

การชดเชยค่ากระเป๋าในกรณีเกิดการสูญหาย

  • ของมีค่าทุกชนิด ขอแนะนำไม่ควรใส่เข้าไปในกระเป๋าใบใหญ่ที่เช็คไปกับเครื่อง เพราะหากเกิดการสูญหาย สายการบินจะรับผิดชอบชดใช้ตามกฎไออาต้าเท่านั้น ซึ่งจะชดใช้ให้ประมาณ กิโลกรัมละ 20 USD คูณด้วยน้ำหนักกระเป๋าจริง ทั้งนี้จะชดเชยไม่เกิน USD 400 กรณีเดินทางชั้นธรรมดา (Economy) หรือ USD 600 กรณีเดินทางชั้นธุรกิจ (Business) ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้โหลดของมีค่าทุกประเภทลงกระเป๋าใบใหญ่
  • กรณีกระเป๋าใบใหญ่เกิดการสูญหายระหว่างการท่องเที่ยว (ระหว่างทัวร์ ไม่ใช่ระหว่างบิน) โดยปกติประกันภัยการเดินทางที่บริษัททัวร์ได้จัดทำให้ลูกค้าจะไม่ครอบคลุมค่าชดเชยในกรณีกระเป๋าใบใหญ่สูญหาย 
  • กรณีกระเป๋าใบเล็ก (Hand Carry) เกิดการสูญหาย บริษัทฯ ไม่สามารถรับผิดชอบชดเชยค่าเสียหายให้ท่านได้ ดังนั้นท่านต้องระวังทรัพย์สินส่วนตัวของท่าน
เอกสารประกอบการขอวีซ่าออนไลน์ คูเวต
สถานฑูตไม่อนุญาตให้ดึงเล่มพาสปอร์ต หากได้ยื่นเข้าไปแล้ว ดังนั้นถ้าท่านรู้ว่าต้องใช้เล่มกรุณาแจ้งบริษัททัวร์ฯ 
เพื่อขอยื่นวีซ่าล่วงหน้าก่อนกรุ๊ป และให้แนบตั๋วเครื่องบินในช่วงที่ท่านจะเดินทางมาด้วย
(การเตรียมเอกสาร กรุณาอ่านให้เข้าใจ และเตรียมให้ครบ)

1. หนังสือเดินทาง อายุใช้งานได้ เกิน 6 เดือนขึ้นไป และ มีหน้าว่างอย่างน้อย 2 แผ่น
2. รูปถ่ายสีหน้าตรง ขนาด 3.5 x 4.5 มม. 2 รูป พื้นฉากหลังรูปต้องเป็นพื้นสีขาว (อย่าถ่ายเอง เพราะพื้นเป็นสีเทา ใช้ไม่ได้) ห้ามสวมแว่นสายตา (รูปถ่ายต้องถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน) 
***ความสูงหน้าผากจนถึงคาง ต้องมีขนาดระหว่าง 32-36 มม.เท่านั้น***
3. สำเนาบัตรประชาชน 
4. สำเนาทะเบียนบ้าน (กรุณาถ่ายหน้าแรกที่มีรายละเอียดบ้านเลขที่มาด้วย)
5. สำเนาทะเบียนสมรส (กรณีผู้หญิง.....หากมีการเปลี่ยนคำนำหน้าเป็น ...นาง... ต้องแนบมา)
6. สำเนาทะเบียนหย่า (กรณีผู้หญิง.....ถ้าหย่าและหากมีการใช้คำนำหน้าเป็น ....นาง...ต้องแนบมา)
7. สูติบัตร (กรณีเด็กต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ต้องแนบสูติบัตรมา) 
8. กรณีเด็กอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์: (หากเด็กไม่ได้เดินทางพร้อม พ่อและแม่) ต้องยื่นเอกสารเพิ่มเติมดังนี้ 
- เด็ก เดินทางกับบุคคลอื่น บิดาและมารดาต้องทำหนังสือแสดงความยินยอม ซึ่งออกให้โดยที่ว่าการเขตหรืออำเภอเท่านั้น และให้ระบุว่า ยินยอมให้เด็กเดินทางกับใคร (ระบุชื่อ) มีความสัมพันธ์อย่างไรกับครอบครัว
- เด็ก เดินทางกับบิดา มารดาต้องทำหนังสือแสดงความยินยอมซึ่งออกให้โดยที่ว่าการเขตหรืออำเภอเท่านั้นและให้ระบุว่า มารดายินยอมให้เด็กเดินทางกับบิดา (ระบุชื่อบิดา) 
- เด็ก เดินทางกับมารดา บิดาต้องทำหนังสือแสดงความยินยอมซึ่งออกให้โดยที่ว่าการเขตหรืออำเภอเท่านั้นและให้ระบุว่า บิดายินยอมให้เด็กเดินทางกับมารดา (ระบุชื่อมารดา)  
9. หลักฐานการทำงาน (จดหมายรับรองการทำงาน) ทำเป็นภาษาอังกฤษ
จดหมายรับรองการทำงานให้ระบุ  TO WHOM IT MAY CONCERN (ไม่ต้องระบุสถานฑูตและประเทศ)
- กรณีผู้เดินทางเป็นเจ้าของกิจการ : ใช้หนังสือจดทะเบียนบริษัทฯ ที่มีรายชื่อผู้ประกอบกิจการ (อายุไม่เกิน 3 เดือน)
- กรณีผู้เดินทางเป็นเจ้าของร้านค้า : ใช้ทะเบียนพาณิชย์ที่มีชื่อผู้เป็นเจ้าของร้านค้า
- กรณีพนักงานบริษัท : ใช้จดหมายรับรองการทำงานจากนายจ้าง ระบุตำแหน่ง ระยะเวลาการว่าจ้าง เงินเดือน 
- กรณีที่เป็นข้าราชการ : ใช้หนังสือรับรองจากหน่วยงาน 
- กรณีเกษียณอายุราชการ: ถ่ายสำเนาบัตรข้าราชการบำนาญ
- กรณีเป็นนักเรียนนักศึกษา ต้องมีหนังสือรับรองจากสถาบันศึกษา นั้นว่ากำลังศึกษาอยู่ ระบุชั้นปีที่ศึกษา 

10. หลักฐานการเงิน :  (กรุณาเตรียมให้ถูกต้อง ใช้ทั้ง Bank guarantee และ สำเนาบัญชี เล่มเดียวกัน)
- หนังสือรับรองสถานะทางการเงิน (Bank guarantee) ของบัญชีออมทรัพย์ (Saving account) ออกโดยธนาคาร ระบุชื่อเจ้าของบัญชีให้ครบถ้วน มีอายุไม่เกิน 15 วันนับจากวันที่จะยื่นวีซ่า
- สำเนาสมุดบัญชีย้อนหลัง 6 เดือน นับขึ้นไปจากเดือนที่จะยื่นวีซ่า มียอดเงินไม่ต่ำกว่า 100,000 บาทต่อการรับรอง 1 ท่าน และยอดแสดงในบัญชีต้องไม่ก้าวข้ามเดือน (ปรับสมุดและสำเนา 15 วันก่อนยื่นวีซ่า)

************* ข้อ 1 และ ข้อ 2 ต้องเป็นสมุดบัญชีออมทรัพย์เล่มเดียวกันเท่านั้น **************

หมายเหตุ : หากสมุดบัญชีแสดงยอดรวมที่มีการกระโดดข้ามเดือน (ยอดไม่ต่อเนื่อง) เช่นจากเดือน 1 ข้ามไปเป็นยอดของ เดือน 3 (เดือน 2 ไม่มี) ท่านต้องไปขอ Bank statement จากทางธนาคารแทนการถ่ายสำเนาสมุดบัญชี

- บัญชีฝากประจำ (Fixed) สามารถแนบประกอบได้ แต่ท่านต้องแนบบัญชีออมทรัพย์ (Saving) มาด้วย
หากต้องการใช้บัญชีฝากประจำ ต้องเตรียมดังนี้
- หนังสือรับรองสถานะทางการเงิน (Bank guarantee) ของบัญชีฝากประจำ (Fixed account) ออกโดยธนาคาร ระบุชื่อเจ้าของบัญชีให้ครบถ้วน มีอายุไม่เกิน 20 วันนับจากวันที่จะยื่นวีซ่า
- สำเนาสมุดบัญชีฝากประจำ มียอดเงินไม่ต่ำกว่า 100,000 บาทต่อการรับรอง 1 ท่าน 

หมายเหตุ หากต้องการรับรองการเงินให้คนภายในครอบครัว ต้องเตรียมเอกสารดังนี้
- หนังสือรับรองทางการเงิน (Bank Guarantee) ต้องระบุชื่อเจ้าของบัญชี รับรองค่าใช้จ่ายให้ใคร (ต้องระบุชื่อผู้ถูกรับรองในจดหมายด้วย) 
- กรุณาแนบสูติบัตร, ทะเบียนบ้าน, ทะเบียนสมรส หรือหลักฐาน เพื่อแสดงสถานะ และความสัมพันธ์ว่าเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน
กรณีนายจ้างรับรองค่าใช้จ่ายให้ลูกจ้าง
- จดหมายรับรองจากนายจ้างระบุว่าเป็นผู้รับรองค่าใช้จ่าย พิมพ์เป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น
- หนังสือรับรองเงินฝาก ดังข้อ 11.1 และ 11.2  
 (สถานฑูตไม่รับพิจารณาบัญชีกระแสรายวันในทุกกรณี ไม่ต้องแนบมา)

ค้นหา
คำค้น
ช่วงเวลา
รายการทัวร์
ค้นหา


 

Add line Triple Enjoy