วันที่ 1 | กรุงเทพมหานคร – โอมาน – คูเวตซิตี้ (พักค้าง 2 คืน) |
06.00 น. | คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่เคาน์เตอร์เช็คอิน สายการบินโอมานแอร์ ณ สนามบินสุวรรณภูมิ |
09.10 น. | ออกเดินทางสู่กรุงมัสกัต ประเทศโอมาน โดยเที่ยวบิน WY818 (ใช้เวลาบินประมาณ 6 ชั่วโมง) เพลิดเพลินกับภาพยนตร์หลากหลายกับ จอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง และสายการบินฯ มีบริการ อาหารเช้า ระหว่างเที่ยวบิน |
12.00 น. | เดินทางถึงมัสกัต ประเทศโอมาน แวะเปลี่ยนเที่ยวบินเพื่อเดินทางต่อสู่ นครคูเวต ซิตี้ ประเทศคูเวต |
14.10 น. | ออกเดินทาง สู่ คูเวตซิตี้ โดยเที่ยวบิน WY645 (ใช้เวลาบินประมาณ 2 ชั่วโมง) |
15.20 น. | เดินทางถึงสนามบินคูเวตซิตี้ ประเทศคูเวต นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร และนำท่านสู่โรงแรมที่พัก |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | Al Hamra Hotel / Best Western Plus Hotel Kuwait**** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1) |
วันที่ 2 | คูเวตซิตี้ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเที่ยวชมนครคูเวตซิตี้ เมืองหลวงของประเทศคูเวต หรือชื่อทางการคือ รัฐคูเวต เป็นรัฐเจ้าผู้ครองนคร ที่มีขนาดเล็กและอุดมไปด้วยทรัพยากรน้ำมัน ตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ ริมชายฝั่งอ่าวเปอร์เซีย มีพรมแดนทางใต้ติดกับประเทศซาอุดีอาระเบีย และพรมแดนทางเหนือติดกับประเทศอิรัก นำท่านเข้าชมความงดงามของแกรนด์มอสค์ (Grand Mosque) เป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดของประเทศคูเวต มีพื้นที่กว่า 45,000 ตารางเมตร ห้องสวดหลักกว้าง 72 เมตร ทุกด้านมีประตูไม้สักและมีหน้าต่างกว่า 144 บาน (ขอสงวนสิทธิ์ในการเข้าชมหากมีการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา) ได้เวลานำท่านขึ้นชมหอคอยคูเวตทาวเวอร์ (Kuwait Tower) หอคอยสูง รูปทรงแปลกตาที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศคูเวต ตั้งอยู่ติดกับอ่าวอาระเบียน (Arabian gulf) เป็นกลุ่มของหอคอยที่ ประกอบด้วยอาคารทรงสูงจำนวน 3 อาคาร โดยมีอาคารหลังแรกสูงที่สุด ลักษณะเป็นแท่งสูง มีทรงกลมขนาดใหญ่อยู่ตรงปลายด้านบน ภายในเป็นอุปกรณ์ควบคุมระบบไฟฟ้าและน้ำประปา คูเวตทาวเวอร์แห่งนี้เคยถูกทำลายเสียหาย เมื่อครั้งที่โดนอิรักบุก แต่หลังจากเสร็จสิ้นสงครามก็ได้รับการบูรณะซ่อมแซมให้กลับมามีสภาพดังเดิม ด้านบนของโถงทรงกลมที่เป็นจุดชมวิว จึงมีนิทรรศการภาพถ่ายที่เป็นความเสียหายของอาคารเมื่อครั้งสงครามกับอิรัก สำหรับนักท่องเที่ยวนั้นสามารถขึ้นไปชม ทิวทัศน์ของเมืองได้บนหอคอยหลังที่สูงสุดเท่านั้น ได้เวลานำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งชาติคูเวต (Kuwait National Museum) ซึ่งเป็นแหล่งจัดแสดงโบราณวัตถุ และนิทรรศการทางประวัติศาสตร์ของประเทศคูเวต |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารบนหอคอย Kuwait Tower |
บ่าย | นำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์ ทาเร็ค ราจ๊าป (Tareq Rajab Museum) ก่อตั้งขึ้นโดยคหบดีชาวคูเวต ผู้มีใจรักในงานประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรม จึงได้เริ่มสะสมและเสาะหาข้าวของจากหลายๆประเทศมารวบรวม และนำมาจัดแสดงไว้ที่นี่ แม้ว่าครั้งหนึ่งจะได้รับความเสียหายอย่างมากจากการบุกโจมตีของอิรัก แต่ก็ปรับปรุงซ่อมแซมจนคืนสภาพได้ดังเดิม ด้านในอาคารมีการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ จากเกือบทุกมุมโลก ซึ่งล้วนแต่เป็นของหายากที่มีคุณค่าทั้งสิ้น จากนั้นนำท่านเข้าชมศูนย์กลางการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์แห่งคูเวต (Kuwait Scientific center) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ ซึ่งจัดได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอย่างแท้จริง เพราะที่นี่ถูกแบบมาให้เป็นแหล่งความรู้และบันเทิงอย่างครบวงจร ซึ่งมีทั้งส่วนที่เป็นพิพิธภัณฑ์ ตู้ปลาขนาดใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง และมีพื้นที่แสดงสัตว์กว่า 100 ชนิด พร้อมด้วยโรงภาพยนตร์ 3 มิติ โดยทั้งหมดอยู่ในพื้นที่อาคารขนาดใหญ่กว่า 18,000 ตารางเมตร และยังมีร้านค้า ร้านอาหารอีกด้วย ได้เวลานำท่านชมพระอาทิตย์ตกบนหอคอย ลิเบอเรชั่น ทาวเวอร์ (Liberation Tower) หรือ หอคอยแห่งเสรีภาพ นับว่าเป็นหอคอยที่สูงที่สุดในตะวันออกกลาง และติดอันดับ 5 ของ หอคอยที่สูงติดอันดับโลก โดยมีความสูงจากฐานถึงยอด 372 เมตร ชาวคูเวตเขาถือว่าหอคอยนี้เป็นงานศิลปะแห่งโลกโทรคมนาคม เพราะหอคอยแห่งนี้เป็นศูนย์กลางระบบโทรคมนาคมของประเทศ และจุดชมวิวบนหอคอยนี้ น่าจะเห็นทิวทัศน์ของเมืองได้รอบทิศทางกว่าเพระตั้งอยู่ ใจกลางเมืองหลวง |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน |
ที่พัก | Al Hamra Hotel / Best Western Plus Hotel Kuwait **** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2) |
วันที่ 3 | คูเวตซิตี้ – โดฮา (ประเทศกาตาร์) พักค้าง 2 คืน |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่สนามบินคูเวต เพื่อเช็คอิน |
11.20 น. | ออกเดินทางสู่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ โดยเที่ยวบิน ....... (ใช้เวลาบินประมาณ 1.35 ชั่วโมง) |
12.50 น. | เดินทางถึงสนามบินโดฮา ประเทศกาตาร์ นำท่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านเข้าชมหมู่บ้านวัฒนธรรม Katara คำว่า Katara เป็นภาษาอาหรับ แปลว่า กาตาร์ หมู่บ้านแห่งนี้เป็นสถานที่รวบรวมการดำเนินงานด้านวัฒนธรรมที่สำคัญของกาตาร์และโลกอาหรับ ภายในหมู่บ้านประกอบด้วย โรงละครกลางแจ้งขนาดใหญ่ โรงดนตรีออร์เคสตรา สมาคมและชมรมศิลปะต่าง ๆ ร้านอาหารนานาชาติ ตลาดท้องถิ่นจำลอง และชายหาดสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ หมู่บ้านแห่งนี้ยังใช้เป็นสถานที่จัดงานและนิทรรศการทางศิลปะและวัฒนธรรมตลอดทั้งปี อิสระให้ท่านได้ชมความสวยงามและประวัติศาสตร์ความเป็นมาของกาตาร์ ได้เวลานำท่านถ่ายรูปมัสยิด Imam Muhammad ibn Abd Al Wahhab เป็นมัสยิดประจำชาติกาตาร์ และเป็นมัสยิดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในกาตาร์ ตั้งขึ้นเมื่อปี 2554 อยู่บนพื้นที่ 175,164 ตารางเมตร โดยภายในมัสยิดฯ สามารถจุคนได้จำนวน 12,200 คน และ 30,000 คนหากรวมพื้นที่โดยรอบมัสยิดฯ รูปแบบของมัสยิด Imam Muhammad ibn Abd Al Wahhab เป็นการผสมผสานของวัฒนธรรมอาหรับร่วมสมัยซึ่งเป็น Landmark สำคัญของกาตาร์ที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโดฮาในปัจจุบัน นำท่านเข้าชมความยิ่งใหญ่และความสวยงามของมัสยิดประจำกรุงกาตาร์ (ขอสงวนสิทธิ์ในการเข้าชมหากมีการประกอบพิธีกรรมทางศาสนา ซึ่งนักท่องเที่ยวต้องเคารพกฎเกณฑ์ในการเข้าชม) |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารไทย |
ที่พัก | Holiday Villa Hotel **** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 1) |
วันที่ 4 | กาตาร์ – ป้อมมรดกโลก อัลซูบารา – The Museum of Isalamic Art – แอสปาย โซน |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ ป้อมอัล ซูบารา (Al Zubara Fort) เดิมเคยเป็นท่าเรือที่มีความเจริญรุ่งเรืองและเต็มไปด้วยชาวประมง พ่อค้า และชุมชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จำนวนมาก แต่ต่อมาได้ล่มสลายลงกลายเป็นเมืองใต้ทะเลทราย กระทั่งเมื่อปี 2009 ป้อมแห่งนี้ได้ถูกสำรวจโดยทีมนักโบราณคดีและนักวิทยาศาสตร์ นำโดยสำนักงานพิพิธภัณฑ์ของกาตาร์โดยการสำรวจทางโบราณคดี การวิจัย และการทำงานร่วมกับชุมชนในพื้นที่นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อจารึกและทำความเข้าใจถึงยุครุ่งเรืองและยุคตกต่ำของป้อมแห่งนี้ ตลอดจนบทบาทสำคัญของ Al Zubarah Fort ในการพัฒนาสู่ความเป็นอ่าวอาหรับที่มีความทันสมัยในอดีต ซึ่งต่อมาในปี 2013 ทางองค์การยูเนสโกได้ขึ้นทะเบียนป้อมอัล ซูบารา ให้เป็นหนึ่งในมรดกโลกอีกด้วย ได้เวลานำท่านสู่ พิพิธภัณฑ์ Sheikh Faisal Bin Qassim Al Thani ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2541 เป็นเมืองป้อมปราการของชาวกาตาร์ในทุ่งนา Al Samriya ซึ่งรูปลักษณ์ภายนอกมีความโดดเด่นสวยงามโดยเฉพาะตัวป้อมปราการสร้างจากหินที่มีอยู่ในท้องถิ่นในรูปแบบดั้งเดิม แต่ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถสะท้อนความทันสมัยของกรุงโดฮาในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ถูกออกแบบและสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่การดำรงรักษาและส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรมศาสนาอิสลามของ Sheikh Faisal Bin Qassim Al Thani โดยใช้เป็นสถานที่เก็บรักษาและจัดแสดงสิ่งประดิษฐ์พิเศษที่เก็บรวมรวมโดย Sheikh Faisal Bin Qassim Al Thani เป็นการเฉพาะเพื่อให้ชาวกาตาร์และชาวต่างชาติได้มีโอกาสชื่นชม นำท่านเข้าชมความยิ่งใหญ่และความสวยงามภายในพิพิธภัณฑ์ป้อมปราการแห่งนี้ |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคาร |
บ่าย | นำท่านเข้าชม The Museum of Islamic Art จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2008 ภายใต้การดูแลของ Qatar Museum Authority เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมผลงานศิลปะของวัฒนธรรมอิสลาม อาทิ เอกสารทางประวัติศาสตร์ อัญมณี วัสดุเครื่องใช้ต่าง ๆ ที่ทำจากเหล็ก แก้ว ไม้ งาช้าง หิน สิ่งทอ เป็นต้น โดยรวบรวมจากประเทศต่าง ๆ ที่นับถือศาสนาอิสลาม โดยเฉพาะจากอียิปต์ อิหร่าน อิรัก ตุรกี อินเดีย และประเทศในภูมิภาคเอเชียกลาง (ยกเว้นของกาตาร์ที่จะนำไปจัดแสดงที่ Qatar National Museum แทน) บริเวณรอบนอกพิพิธภัณฑ์ยังเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นใจกลางเมืองของกรุงโดฮาซึ่งเป็นที่ตั้งของหน่วยงานราชการและอาคารสำนักงานต่างๆ ได้ทั้งหมด อิสระให้ท่านได้ชมความสวยงามของงานศิลปะต่างๆก่อนนำท่านสู่สนามบิน เพื่อเดินทางไปยังกรุงมัสกัต ประเทศโอมาน ได้เวลานำท่านเข้าชม Aspire Zone หรือ Doha Sports City ตั้งอยู่บนพื้นที่ 2.5 ตารางกิโลเมตร จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2546 ซึ่งเป็นปีที่กาตาร์เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ โดยวัตถุประสงค์สูงสุดของการจัดตั้งเพื่อใช้เป็นสถานที่จัดการแข่งขันกีฬาระดับชาติและนานาชาติ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของจุดมุ่งหมายของกาตาร์ที่ต้องการผลักดันให้กาตาร์มีความเป็นเลิศด้านกีฬาอย่างครบวงจร ภายใน Aspire Zone ประกอบด้วยพื้นที่ 3 ส่วน ได้แก่ (1) Khalifa International Stadium ซึ่งเป็นสนามฟุตบอลที่จะสร้างขึ้นเพื่อเป็นหนึ่งในสนามที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2565 ที่กาตาร์เป็นเจ้าภาพ (2) Hamad Aquatic Center เป็นอาคารสระว่ายน้ำขนาดเดียวกับที่ใช้ในการแข่งขันโอลิมปิก และ (3) Aspire Dome ซึ่งเป็นศูนย์กีฬาในร่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำบนเรือพร้อมล่องเรือชมวิว และ พระอาทิตย์ตกดิน |
ที่พัก | Holiday Villa Hotel **** หรือเทียบเท่า (คืนที่ 2) |
วันที่ 5 | กาตาร์ – บาห์เรน |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่สนามบินเพื่อเช็คอิน |
11.20 น. | ออกเดินทางจากสนามบินกาตาร์ สู่สนามบินมานามา ประเทศบาห์เรน |
12.50 น. | เดินทางถึงสนามบินมานามา นำท่านผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารไทย |
บ่าย | นำท่านชม เมืองมานามา (Manama) ชื่อเมืองมาจากภาษาอารบิกว่า “ มานาม ” มีความหมายว่า “ ที่นอน ” ในสมัยเมื่อต้นศตวรรษที่ผ่านมา เมืองมานามา เป็นเมืองท่าที่ใกล้ที่สุดสำหรับชาวประมงที่มีอาชีพดำน้ำหาไข่มุก และจุดที่พักระหว่างทางของเหล่าลูกเรือบรรทุกสินค้าที่ขนสินค้าจากประเทศอินเดียไปยังทวีปแอฟริกา ต่อมาเมื่อต้นปี 1932 มีการขุดพบบ่อน้ำมันในเมืองมานามา ส่งผลให้เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรือง จนเป็นที่สนใจของนักลงทุนและนักธุรกิจอย่างมากมาย เมืองมานามาได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในประเทศที่เป็นมิตรมากที่สุด และได้รับการยกย่องว่าบาห์เรนเป็นประเทศที่ยังรักษาวัฒนธรรมและมรดกด้านอื่นๆของชาวอาหรับเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ บาห์เรน ปกครองโดยมีกษัตริย์แห่งราชวงศ์อัลคาลิฟา เป็นประมุขสูงสุด เศรษฐกิจของประเทศพึ่งพาการส่งออกน้ำมันและไข่มุก บาห์เรนมีลักษณะแตกต่างจากประเทศอื่นในอ่าวเปอร์เซีย เนื่องจากเป็นเกาะอยู่ในอ่าวเปอร์เซียจำนวน 33 เกาะ เกาะใหญ่คือ Bahrain Island เกาะต่างๆของบาห์เรนจะอยู่ทางตอนเหนือของกาตาร์ และมีซาอุดิอาระเบียอยู่ด้านตะวันตก นำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งชาติบาห์เรน (Bahrian National Museum) พิพิธภัณฑ์ที่ประกอบไปด้วยห้องนิทรรศการต่างๆ ที่ครอบคลุมประวัติศาสตร์ของบาห์เรนจากยุคหินที่ผ่านอารยธรรมโบราณจนถึงยุครุ่งเรืองด้านน้ำมัน ได้เวลานำท่านชมสิ่งก่อสร้างเก่าแก่คือ ป้อมปราการอารัด (Arad Fort) สร้างสมัยศตวรรษที่ 15 ตั้งอยู่ใกล้กับสนามบินนานาชาติแห่งบาห์เรน ป้อมแห่งนี้เชื่อกันว่าสร้างเพื่อป้องกันนักเดินเรือต่างชาติเข้ามารุกรานบาห์เรนในสมัยโบราณ จากนั้นนำท่านชม King Fahd Causeway ทางด่วนที่เชื่อมประเทศซาอุดิอาราเบีย กับบาห์เรน เริ่มทำการสำรวจเพื่อสร้างเส้นทางในปี 1968 แต่เริ่มสร้างในปี 1981-1986 และได้ทำพิธีเปิดใช้สะพานเป็นทางการ ในวันที่ 26 พฤศจิกายน 1986 สะพานนี้สร้างโดยเงินสนับสนุนของ Khli Fah Ibn Sulman ความยาวของสะพาน 26 กิโลเมตร ความกว้างของถนน 25 เมตร |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคาร |
ที่พัก | Park Regis Lotus Hotel Manama**** หรือเทียบเท่า |
วันที่ื 6 | บาห์เรน – มัสกัต (โอมาน) |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านชม มัสยิด เอล เฟท (Al Fateh) เป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุด สามารถจุคนที่จะมาแสวงบุญได้ถึง 7,000 คนต่อวัน นำท่านผ่อนคลายบรรยากาศริมทะเลย่าน Corniche Al Fateh ท่านจะได้ชมวิวทะเล และตึกทันสมัยของเมืองมานามา นำท่านเที่ยวชมความยิ่งใหญ่ของเมืองมานามา ราชอาณาจักรบาห์เรน ซึ่งมีสิ่งก่อสร้างที่น่าสนใจหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นบาห์เรน เวิลด์เทรด เซ็นเตอร์ หรือบาห์เรน ไฟแนนเชียล ฮาร์เบอร์ก และอาคารที่มีรูปทรงแปลกตา แต่ที่น่าสนใจคืออาคาร Murjan Tower คาดว่าเป็นอาคารที่สูงที่สุดในโลกคือ 3,281 ฟุต ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ ตลาดเก่า (Manama Souq) ตั้งอยู่ใกล้กับ Bab Al Bahrain ซึ่งสองข้างทางจะเต็มไปด้วยร้านขายสินค้าพื้นเมือง ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเทศ พรม ผ้า ถั่วประเภทต่างๆ ในราคาที่นักท่องเที่ยวสามารถต่อรองได้ แต่ต้องใช้เงินสกุลของบาห์เรนคือ ดินาร์ สินค้าที่นักท่องเที่ยวนิยมคือไข่มุก ซึ่งเป็นมุกแท้ และมีชื่อเสียงในกลุ่มประเทศอาหรับ |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านชม ต้นไม้แห่งชีวิต (Tree of life) เป็นต้นไม้ต้นเดียวในเขตทะเลทราย จากนั้นนำท่านแวะถ่ายรูปกับสัญลักษณ์ของมานามา คือ บัป อัล บาห์เรน (Bab Al Bahrain) ประตูเมืองเก่าแก่ ที่สร้างสมัยอังกฤษปกครองบาห์เรน ออกแบบโดยสถาปนิกชื่อ เซอร์ ซาล์ล เบลเกฟ ในปี 1945 บัป อัล บาห์เรน เดิมเป็นย่านทำเนียบรัฐบาล สร้างเห็นวิวทะเล ศิลปะของตัวอาคารศิลปอิสลามดั้งเดิมของเมืองมานามา |
15.00 น. | นำท่านเดินทางสู่สนามบินมานามา |
17.00 น. | ออกเดินทางสู่สนามบินมัสกัต โดยเที่ยวบิน WY656 (ใช้เวลาบินประมาณ 1.40 ช.ม.) |
19.40 น. | เดินทางถึงสนามบินมัสกัต ประเทศโอมาน |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารจีน |
ที่พัก | Al Falaj Hotel Muscat **** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 7 | มัสกัต – หลุมน้ำบิมมาห์ – ซูร์ – โอเอซิสวาดิ – ทะเลทรายวาฮิบา (พักกระโจมทะเลทราย) |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่หลุมน้ำบิมมาห์ซิงก์โฮล (Bimmah Sinkhole) หรือ ดิบับซิงห์โฮล์ (Dibab Sinkhole) (ระยะทาง 127 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30 ช.ม.) ตั้งอยู่ในสวนฮาวิยัด นาจิม พาร์ค (Hawiyat Najm Park ) ซึ่งอยู่ติดกับถนนที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองบิมมาห์ และเมืองดิบาบ หลุมน้ำแห่งนี้เคยถูกเชื่อว่าเป็นหลุมที่ถูกอุกกาบาตตกลงมาทำให้เป็นหลุมกว้าง แต่นักวิทยาศาสตร์สันนิษฐานว่าเกิดจากการที่แผ่นดินทรุดจนทำให้เกิดหลุม และพื้นที่นี้ใกล้กับทะเล จึงทำให้น้ำทะเลซึมเข้ามา แถมน้ำในหลุมนี้ยังมีสีเขียวใสสวยงาม มองลงมาจากปากหลุมดูอลังการมาก ท่านสามารถเตรียมชุดว่ายน้ำเพื่อลองว่ายน้ำในหลุมน้ำแห่งนี้ได้ อิสระให้ท่านได้เล่นน้ำตามอัธยาศัย นำท่านเดินทางสู่โอเอซิส วาดิ (Wadi Shab) คือแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติซึ่งหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วในทวีปเอเชีย เพราะเหมือนหลุดเข้ามาในโลกยุคดึกดำบรรพ์ มีตั้งแต่ หาดทราย โขดหิน หน้าผา เดินอยู่ท่ามกลางเทือกเขาสูงตระหง่าน แถมยังมีบ่อน้ำสีฟ้าเทอร์คอยซ์สวยๆ ให้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกอีกด้วย |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | ได้เวลานำท่านเดินทางสู่เมืองซูร์ (Sur) เมืองแห่งมนต์เสน่ห์ชายทะเลที่มีชื่อเสียงในเรื่องอู่ต่อเรือ (Dhow) แบบดั้งเดิม อีกทั้งยังเป็นเมืองที่มีประวัติการเดินเรือและการค้ามาอย่างยาวนาน สถานที่แห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของประเทศโอมานนำท่านเดินชมความสวยงามของเมืองซูร์ พร้อมถ่ายรูปกับวิวสวยๆของเมืองนี้ เมืองนี้ยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมืองโอมานที่พากันมาปิกนิก เพลิดเพลินกับชายหาด ชมนกนางนวล เรียกได้ว่ามาที่นี่จะได้เพลิดเพลินกับธรรมชาติที่รังสรรค์ให้เมืองซูร์ เป็นอีกหนึ่งเมืองสวยของประเทศโอมาน ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ทะเลทรายวาฮิบา (Wahiba Desert) ที่ตั้งอยู่ใจกลางประเทศเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสโอมานแบบโบราณอย่างแท้จริง โดยผู้มาเยือนสามารถสัมผัสวิถีชีวิตเร่ร่อนในอดีตได้โดยร่วมคณะทัวร์ที่มักเริ่มต้นการเดินทางจากเมืองอิบรา (Ibra) และพาคณะเดินทางนั่งรถ 4 WD ขับผ่าน Sand Dune และตั้งแคมป์พักค้างแรมกลางทะเลทรายภายใต้แสงจันทร์ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำแบบท้องถิ่น (กลางทะเลทราย) |
ที่พัก | แบบกระโจมทะเลทราย Al Salam Camp Desert |
วันที่ 8 | นิซวา – ป้อมปราการบาห์ลา (UNESCO) – มัสกัต |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่เมืองนิซวา (Nizwa) เคยเป็นเมืองหลวงของโอมานในศตวรรษที่ 6-7 ปัจจุบัน เมืองนิซวามีชื่อเสียงจากป้อมปราการที่ถูกสร้างขึ้นจากพระบัญชาของสุลตาน บิน เซฟ (Sultan Bin Saif Al Ya’ribi) ในศตวรรษที่ 17 จุดเด่นที่สำคัญของป้อมปราการนี้อยู่ที่หอคอยทรงกระบอกขนาดมหึมา และกลไกการป้องกันข้าศึกที่น่าสนใจ อาทิ กับดักน้ำผึ้ง (Honey trap) ที่ใช้สาวสวยล่อล่วงทหาร และหน้าต่างรูปทรงแปลกๆ เพื่อให้คนในป้อมสามารถยิงข้าศึกได้ เป็นต้น นำท่านเข้าชมป้อมโบราณนิซวา (Nizwa Fort) ป้อมปราการขนาดใหญ่ อนุสรณ์สถานแห่งชาติของโอมาน หอคอยขนาดใหญ่ ที่มี ห้องมากมายสลับซับซ้อนเหมือนกับเขาวงกต |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นําท่านเข้าชมปราสาทจาบริน (Jabrin Castle) ปราสาทสามชั้นที่สร้างขึ้นในช่วงกลางคริสต์ศวรรษที่ 16 เป็นศูนย์กลางของการศึกษาโหราศาสตร์(Astrology) ยา (Medicine) กฎหมายอิสลาม (Islamic Law) เป็นปราสาทที่สร้างในรูปแบบศิลปะอิสลาม ที่ภายในโดดเด่นด้วยงาน แกะสลักไม้ และภาพเขียนดาวเพดานที่สวยงาม ได้เวลานำท่านเข้าชมป้อมบาห์ลา (Bahla Fort) เป็นหนึ่งในป้อมปราการที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดของโอมาน ถูกสร้างเมื่อ 500 ปีก่อนคริสตกาล และเป็นป้อมหนึ่งเดียวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกในปี 1987 กำแพงป้อมแห่งนี้มีความยาวถึง 12 กิโลเมตร ลักษณะภายนอกเป็นศิลปะแบบตะวันออกกลาง ก่อสร้างด้วยปูนและดินสีน้ำตาลอ่อน เข้ากับลักษณะภูมิประเทศแบบทะเลทราย ถูกบูรณะมาหลายครั้ง สมัยก่อนใช้เป็นปราการป้องกันศัตรูที่มารุกราน มีโซนสำหรับป้อมปืนใหญ่คอยระวังภัย ห้องเก็บเสบียง ห้องละหมาด ห้องประชุม และห้องสำหรับทำกิจกรรมต่างๆมากมาย แต่ที่เด่นที่สุดก็เห็นเป็นหอคอยลักษณะทรงกลมที่สูงเด่น อิสระให้ท่านได้ชมความสวยงามของป้อมมรดกโลกหนึ่งเดียวในโอมาน ได้เวลานำท่านเดินทางกลับสู่กรุงมัสกัต เมืองหลวงของประเทศโอมาน |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารไทย |
ที่พัก | Al Falaj Hotel Muscat**** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 9 | มัสกัต |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเที่ยวชมกรุงมัสกัต (Muscat) อันเป็นที่ตั้งของป้อมปราการ พระราชวัง พิพิธภัณฑ์ และตลาดจำนวนมาก นำท่านเข้าชมมัสยิดสุลต่านกาบูส (Sultan Qaboos Grand Mosque) ได้รับการการันตีว่าเป็นมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในคาบสมุทรอาหรับ ภายนอกก่อสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบอิสลาม มีลักษณะเป็นโดมตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมที่มั่นคง ยิ่งใหญ่ โอ่งโถง และสวยงาม โดยรอบปลูกต้นไม้ และดอกไม้ประดับอย่างร่มรื่น ภายในโถงกลางมีพรมทอมือไร้รอยต่อ ลวดลายวิจิตรงดงามที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สองของโลก โดยใช้เวลาทอนานกว่า 4 ปี และยังมีแชนเดอเลียความสูง 14 เมตร ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ประดับอยู่กลางโถงละหมาด เป็นมัสยิดที่มีความยิ่งใหญ่อลังการและความสวยงามมาก การเข้าชมมัสยิดสุลต่านกาบูสเปิดให้ชมในช่วงเช้าเท่านั้น หลังจากนั้นจะปิดเพื่อทำพิธีละหมาด การแต่งตัวผู้หญิงจะต้องแต่งตัวมิดชิด ใส่กระโปรงยาวคลุมเท้า เสื้อแขนยาว คลุมผ้าโพกหัวให้เรียบร้อย หากไม่ได้เตรียมไปใส่ ที่มัสยิดมีบริการให้เช่าชุดอาบายะห์ (ชุดยาวสีดำล้วนของอิสลามของผู้หญิง) และชุดโต๊บ (ชุดยาวสีขาวแขนยาวของผู้ชาย) ในราคาชุดละ 5 เรียล หรือประมาณ 500 บาทไทย ได้เวลานำท่านเข้าชมพิพิธภัณฑ์ เบทอัลซูแบร์ (Bait Al Zubair Museum) เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่บนถนน Al Saidiya, แห่งเมืองเก่ามัสกัต ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้และอาวุธโบราณ ได้แก่ khanjar อุปกรณ์ใช้ในครัวเรือนและเครื่องแต่งกาย นอกพิพิธภัณฑ์เป็นหมู่บ้านชาวโอมานและตลาดพื้นเมืองให้ได้ชม นำท่านแวะถ่ายรูปกับโรงโอเปร่า (Royal Opera House) ซึ่งเป็นโรงโอเปร่าที่เรียกได้ว่าดีที่สุดอีกแห่งของโลก |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านถ่ายรูปกับป้อมอัลจาลาลี (Al Jalali) และป้อมอัลมิรานิ (Al Mirani) ซึ่งตั้งอยู่โดยรอบพระราชวัง เป็นป้อมปราการสร้างในสมัยศตวรรษที่ 16 ตั้งตระหง่านเหนืออ่าว ป้อมทั้งสองถูกสร้างโดยชาวโปรตุเกสเพื่อปกป้องท่าเรือ Al Jalali ตั้งอยู่บนโขดหินโผล่ออกมาทางด้านตะวันออกของท่าเรือ ขณะที่ Al Mirani อยู่บนโขดหินโผล่ออกมาทางฝั่งตะวันตก การดำรงอยู่ของป้อมสองรอบและภูเขาล้อมรอบ ทำให้มัสกัตเสริมการโจมตีจากทะเล นอกจากจะใช้เป็นป้อมปราการป้องกันการรุกรานเมืองจากข้าศึก ยังเคยใช้เป็นที่คุมขังนักโทษในช่วงศตวรรษที่ 20 อีกด้วย ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงมรดกทางวัฒนธรรมของโอมาน นำท่านเที่ยวชมความสวยงามและประวัติมรดกโลกทางวัฒนธรรมของโอมาน นำท่านแวะถ่ายรูปกับพระราชวังหลวงอัลอาลัม (Qasr Al Alam Royal Palace) ที่นักท่องเที่ยวสามารถชมความตระการตาของพระราชวังจากท่าเรือได้ถึงแม้จะไม่สามารถเข้าไปชมด้านในได้ก็ตาม พระราชวังที่ประทับแห่งนี้เดิมเป็นที่ประทับของสุลต่าน Qaboos (คาบูส) ซึ่งอยู่ย่านเมืองเก่าของโอมาน แม้จะไม่ให้เข้าไปถ่ายรูปด้านในแต่แค่ความงามด้านนอกนั้นก็สะกดสายตาเหล่านักท่องเที่ยวได้ทีเดียว |
18.00 น. | นำท่านเดินทางสู่สนามบินมัสกัต เพื่อทำการเช็คอินและเตรียมตัวเดินทางกลับ |
21.10 น. | ออกเดินทางจากสนามบินนานาชาติมัสกัต สู่กรุงเทพมหานคร โดยเที่ยวบินที่ WY817 (ใช้เวลาบิน 6.10 ชม.) บริการอาหาร เครื่องดื่ม และพักผ่อน บนเครื่องบิน |
วันที่ 10 | กรุงเทพมหานคร |
06.20 น. | เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ (BON VOYAGE) |
หมายเหตุ | นักท่องเที่ยวผู้หญิง ขอให้เตรียมชุดกระโปรงยาว และผ้าคลุมผมไปด้วย การแต่งกายต้องมิดชิดและเคารพระเบียบข้อบังคับในการแต่งกาย ดังนั้นขอให้ท่านเตรียมชุดกระโปรงยาว เสื้อแขนยาว ไม่อนุญาตให้ใส่กางเกงขาสั้น เสื้อแขนสั้น หรือ แขนกุดทุกชนิด |