วันที่ 1 | กรุงเทพมหานคร |
09.00 น. | คณะพบเจ้าหน้าที่และมัคคุเทศก์ได้ที่เคาน์เตอร์เชคอินสายการบินแอร์ฟร้านซ์ แถว P 1-15 ประตูทางเข้าที่ 7-8 อาคารผู้โดยสารขาออกชั้น 4 ณ สนามบินสุวรรณภูมิ |
11.30 น. | ออกเดินทางสู่ มหานครปารีส ประเทศฝรั่งเศส โดย สายการบินแอร์ฟร้านซ์ เที่ยวบิน AF165 (ใช้เวลาบินประมาณ 12.20 ชั่วโมง) เพลิดเพลินกับภาพยนตร์หลากหลายกับจอทีวีส่วนตัวทุกที่นั่ง สายการบินฯ มีบริการ อาหารกลางวัน และอาหารค่ำ บนเครื่องบิน |
18.35 น. | เดินทางถึง สนามบินชาลส์เดอโกว์ (CDG) นครปารีส ประเทศฝรั่งเศส แวะเปลี่ยนเครื่องเป็นเที่ยวบิน AF406 อิสระให้ท่านได้ช้อปปิ้งสินค้าปลอดภาษี และ ผ่อนคลายอิริยาบถ ภายในสนามบินชาลส์เดอโกว์ (CDG) |
23.40 น. | ออกเดินทางจาก สนามบินชาลส์เดอโกว์ (CDG) สู่ สนามบินซานเตียโก (SCL) ประเทศชิลี สัมผัสประสบการณ์บินข้ามเส้นแบ่งเขตเวลาสากล (ใช้เวลาบินประมาณ 14.30 ชั่วโมง) สายการบินมีบริการอาหารค่ำ และ อาหารเช้าบนเครื่องบิน ********* บินข้ามเส้นแบ่งเขตเวลาสากล ******* |
วันที่ 2 | ซานเตียโก (ชิลี) - ซิตี้ทัวร์ - พระราชวังโมนิดา |
10.10 น. | เดินทางถึง สนามบินซานเตียโก (SCL) ประเทศชิลี นำท่านผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองและศุลกากร นำท่านเที่ยวชม ความยิ่งใหญ่ของ เมืองซานเตียโก (Santiago) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศชิลี ตั้งอยู่ที่ระดับความสูง 520 เมตร (1,700 ฟุต) ในหุบเขาตอนกลางของประเทศ และเป็นส่วนหนึ่งของแคว้นซานเตียโกเมโทรโพลิแทน กว่าสามศตวรรษที่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องได้เปลี่ยนให้ซานเตียโกเป็นเขตนครหลวงที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในละตินอเมริกา พร้อมๆ กับการพัฒนาเขตชานเมืองอย่างกว้างขวาง ศูนย์การค้าหลายสิบแห่ง และสถาปัตยกรรมที่น่าประทับใจ รวมทั้งมีระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของละตินอเมริกา เช่น ซานเตียโกเมโทร (Santiago Metro) และระบบใหม่ "โกสตาเนรานอร์เต” (Costanera Norte)" เป็นระบบขนส่งของย่านกลางกรุง เชื่อมระหว่างด้านตะวันออกสุดไปด้านตะวันตกสุดของเขตเมืองภายในเวลา 15 นาที
|
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น (ลิ้มลองเมนู ปูยักษ์อล้าสก้า) |
บ่าย | นำท่านชม ย่าน เบอร์นาโด โอ ฮิกกิ้น อเวนิว (Bernardo O Higgins Avenue) หรือที่ชาวชิลีรู้จักในนาม La Alameda หมายถึงถนนที่เต็มไปด้วยต้นปอปล่า นับเป็นถนนสายหลักของเมืองซานเตียโก และเป็นย่านเมืองเก่าที่ยังคงความคลาสสิค นำท่านแวะถ่ายรูปกับศาลาว่าการเมือง (Santiago city hall) จากนั้นนำท่านสู่ย่านจตุรัสพลาซ่า เดอะ อาร์ม (Plaza De Arm) อันเป็นจตุรัสที่ตั้งของสถานปัตยกรรมโบราณต่างๆมากมาย นำท่านเข้าชม มหาวิหารแห่งซานเตียโก (Cathedral of Santiago) เป็นมหาวิหารที่สร้างด้วยศิลปะแบบนีโอคลาสสิคสร้างตั้งแต่ปี 1748 แล้วเสร็จในปี 1800 นำท่านเข้าชมความงดงามภายในมหาวิหารแห่งนี้ นำท่านเข้าชม บริเวณด้านหน้าของพระราชวังโมนิดา (La Moneda Palace) ซึ่งปัจจุบันคือ ทำเนียบประธานาธิบดีของประเทศชิลี และใช้เป็นสถานที่ราชการของกระทรวงต่างๆของประเทศชิลี นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมและถ่ายรูปบริเวณลานด้านหน้า พระราชวังแห่งนี้ออกแบบโดย โจแอนควิน โทเอากา สถาปนิกชาวอิตาเลี่ยน สร้างขึ้นในปี 1784-1805 ในแบบสถาปัตยกรรมนีโอคลาสสิค และมีเสาโรมันขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านเป็นซุ้มประตู ความสวยงามและเก่าแก่ของพระราชวังแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การยูเนสโก้ อีกด้วย ได้เวลานำท่านเชคอินโรงแรมที่พัก เพื่อให้ท่านได้พักผ่อนอิริยาบถก่อนอาหารค่ำ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม |
ที่พัก | Plaza San Francisco Hotel **** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 3 | เกาะอีสเตอร์ - รูปปั้นปริศนาโมอาย (พักค้าง 2 คืน) |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม |
07.00 น. | นำท่านเดินทางสู่ สนามบินซานเตียโก เพื่อเชคอิน |
09.25 น. | ออกเดินทางสู่ สนามบินซานเตียโก โดยเที่ยวบิน LA 841 (ใช้เวลาบินประมาณ 5.35 ช.ม.) |
13.00 น. | เดินทางถึง สนามบิน อีสลา เดอ ปาชัวร์ บนเกาะอีสเตอร์ |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวันในโรงแรม |
บ่าย | นำท่านชม เกาะอีสเตอร์ เป็นเกาะขนาดเล็กที่ถือว่าตั้งอยู่โดดเดี่ยวแห่งหนึ่งของโลก โดยเกาะนั้นมีพื้นที่เพียง 160 ตารางกิโลเมตร มีความยาว 25 กิโลเมตร แต่ถึงแม้ว่าเกาะจะมีขนาดเล็ก แต่ประวัติศาสตร์ของเกาะอีสเตอร์นั้นยิ่งใหญ่เกินขนาดของเกาะเป็นหลายเท่าตัวเลยโดยสิ่งก่อสร้างที่ถือว่าเป็นตัวแทนของประวัติศาสตร์ของเกาะแห่งนี้ คือ รูปสลักหินขนาดยักษ์ หรือที่รู้จักในนาม “โมอาย” (Moai) แม้ว่าจะไม่มีใครรู้ที่มาของชาวพื้นเมืองบนเกาะ แต่ชาวพื้นเมืองก็ได้สร้างรูปสลักยักษ์ขึ้น ซึ่งสร้างจากหินและกากแร่ภูเขาไฟหรือหินบะซอลต์ซึ่งรูปสลักในยุกแรกจะเป็นรูปสลักคนนั่งคุกเข่าในช่วงประมาณ ค.ศ. 380 ในยุคถัดมาเริ่มต้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1100 จะสลักเป็นรูปที่เรียกว่า โมอาย (Moai) ซึ่งเป็นที่โดดเด่นทั่วไปบนเกาะ โมอาย เป็นรูปปั้นหินซึ่งมีรูปร่างคล้ายมนุษย์และส่วนศีรษะมีขนาดใหญ่เด่นชัด โมอายถูกพบมากกว่า 600 ตัว กระจายอยู่ทั่วเกาะอีสเตอร์ในอุทยานแห่งชาติลาปานุย ประเทศชิลี โมอายเกือบทั้งหมดที่พบนั้นถูกแกะสลักมาจากหินก้อนเดียว แต่ก็มีบางตัวซึ่งมี Pukau ลักษณะคล้ายหมวกเป็นชิ้นต่างหากอยู่บนศีรษะ โมอายเกือบทั้งหมดถูกแกะสลักมาจากเหมืองหินที่ราโน ราราคู (Rano Raraku) ซึ่งเป็นที่ที่พบโมอายอยู่กว่า 400 ตัว อยู่ในกระบวนการแกะสลักซึ่งใกล้เสร็จสมบูรณ์ นำท่านเดินทางสู่ อุทยานแห่งชาติลาปานุย ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ในปี 1995 เพื่อถ่ายรูปกับโมอาย สัญลักษณ์แห่งเกาะอีสเตอร์ นำท่าน ถ่ายรูปกับ โมอาย 7 ตัว หรือที่รู้จักกันในนาม อาฮู อากิวี (Ahu Akivi) สร้างขึ้นโดยกษัตริย์ โฮตู มาตูอา (King Hotu Matua) จากนั้นนำท่านสู่ บริเวณที่เชื่อว่าเป็นที่ ทำหมวกของโมอาย หรือที่รู้จักในนาม ปูนาเปา (Puna Pau Quarry) ซึ่งเป็นอีกชิ้นส่วนที่สำคัญของโมอายที่สร้างเหมือนมีหมวกบนหัว |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
ที่พัก | Taha Tai Hotel *** หรือเทียบเท่า (พักค้างคืนที่ 1) |
วันที่ 4 | เกาะอีสเตอร์ - ราโน ราราคู |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเดินทางสู่ ตอนใต้ของเกาะอีสเตอร์ เพื่อไปชมความมหัศจรรย์ของ ทุ่งโมอาย ณ เหมืองหิน ราโน ราราคู (Rano Raraku) ซึ่งเป็นที่ที่พบโมอายอยู่กว่า 400 ตัว อยู่ในกระบวนการแกะสลักซึ่งใกล้เสร็จสมบูรณ์ จากการค้นพบรูปปั้นที่ยังแกะสลักอยู่ครึ่งๆกลางๆนั้น ทำให้มีการสันนิษฐานว่าเหมืองหินได้ถูกทิ้งร้างไปอย่างกะทันหัน นอกจากนั้นในการค้นพบโมอายเกือบทั้งหมดอยู่ในสภาพล้มนอน เชื่อว่าชาวพื้นเมืองบนเกาะเป็นผู้ทำให้มันล้ม ลักษณะที่เด่นชัดของโมอาย คือส่วนหัว แต่ก็มีโมอายหลายตัวซึ่งมีส่วนหัวไหล่ แขน และลำตัว ซึ่งเป็นโมอายที่พบหลังจากถูกฝังมานานนับปี ความหมายและวัตถุประสงค์ของการสร้างโมอายนั้นยังไม่เป็นที่แน่ชัดและมีการสันนิษฐานกันไปต่างๆนานา ข้อสันนิษฐานที่แพร่หลายมากคือโมอายถูกแกะสลักโดยชาวโพลิเนเชียน (Polynesian) ซึ่งอาศัยอยู่บนเกาะนี้เมื่อกว่า 1,000 ปีมาแล้ว ข้อสันนิษฐานเชื่อว่าพวกโพลิเนเชียนอาจสร้างโมอายขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนถึงบรรพบุรุษผู้ล่วงลับ หรืออาจจะเป็นผู้ซึ่งมีความสำคัญ ณ สมัยนั้นหรืออาจจะเป็นสัญลักษณ์แสดงสถานะของครอบครัว อิสระให้ท่านเก็บภาพความน่าอัศจรรย์ของทุ่งโมอายนับร้อยตัว |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวันแบบกล่อง (Lunch box) |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ ปากปล่องภูเขาไฟ ที่ใหญ่ที่สุดแห่งเกาะอีสเตอร์ จากนั้นนำท่านถ่ายรูปกับ โมอาย อาฮูตองการิกิ (Ahu Tongariki) ซึ่งเป็นโมอายที่โดดเด่นที่สุดบนเกาะอีสเตอร์ จากนั้นนำท่านชม โมอาย Ahus Nau Nau และ โมอาย Ature Huke และชมโมอาย Pukau ลักษณะคล้ายหมวกเป็นชิ้นต่างหากอยู่บนศีรษะ ซึ่งแตกต่างจากโมอายโดยทั่วไปที่นิยมแกะสลักจากหินก้อนเดียว ได้เวลานำท่านเดินทางกลับสู่โรงแรมที่พัก |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำ ในโรงแรมที่พัก |
ที่พัก | Taha Tai Hotel *** หรือเทียบเท่า (พักค้างคืนที่ 2) |
วันที่ 5 | เกาะอีสเตอร์ - ซานเตียโก |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านเที่ยวชมและเก็บภาพความสวยงามของ ปากปล่องภูเขาไฟราโนเกา (Rano KAu Volcano) จากนั้นนำท่านสู่จุดชมวิวที่ทำให้สามารถเห็นปากปล่องภูเขาไฟได้อย่างชัดเจน ได้เวลานำท่านเดินทางสู่ หมู่บ้านโอรองโก (Orongo Ceremonial Village) หมู่บ้านที่ใช้จัดพิธีการเลือกหัวหน้าเผ่า ผู้ครองเกาะ โดยการที่ชายหนุ่มที่มีความแข็งแกร่งกระโดดลงหน้าผา และ ว่ายน้ำข้ามไปยังเกาะนก เพื่อไปนำไข่นกแล้วว่ายน้ำกลับมายังเกาะอีสเตอร์ เป็นพิธีการเลือกผู้นำของชาวลาปานุยมาช้านาน อิสระให้ท่านได้เก็บภาพและชมทัศนียภาพอันสวยงามของเกาะนก และเกาะอีสเตอร์ ตลอดจนบ้านพักอาศัยของชาวเมืองในสมัยก่อน |
12.00 น. | รับประทานอาหารกลางวันในโรงแรม |
13.00 น. | นำท่านเดินทางสู่ สนามบิน อีสลา เดอ ปาชัวร์ บนเกาะอีสเตอร์ |
15.00 น. | ออกเดินทางสู่ เมืองซานเตียโก ประเทศชิลี โดยเที่ยวบิน LA842 |
21.45 น. | เดินทางถึง สนามบินซานเตียโก นำท่านเข้าสู่ โรงแรมที่พัก |
ที่พัก | Plaza San Francisco Hotel **** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 6 | ซานเตียโก - เปอร์โตนาตาเลส - อุทยานแห่งชาติมรดกโลก ทอเรส เดล ไพเน่ |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม |
08.30 น. | นำท่านเดินทางสู่ สนามบินซานเตียโก |
11.00 น. | ออกเดินทางจาก สนามบินซานเตียโก สู่ สนามบินเปอร์โตนาตาเลส โดยเที่ยวบิน LA….. |
14.10 น. | เดินทางถึง สนามบินเปอร์โตนาตาเลส |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ อุทยานแห่งชาติมรดกโลก ทอเรส เดล ไพเน่ (Torres del Paine National Park) อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของภูมิภาคมากายาเนสและลาอันตาร์ตีกาชีเลนา (Magallanes and Antartica Chilena Region) โดยอุทยานแห่งนี้อยู่ห่างจากเมืองปอร์โต นาตาเลส (Puerto Natales) ไปทางตอนเหนือประมาณ 112 กิโลเมตร (70 ไมล์) และอยู่ห่างจากเมืองปุนตาอาเรนัส (Punta Arenas) ประมาณ 312 กิโลเมตร (194 ไมล์) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของ Patagonia Cordillera del Paine อุทยานแห่งชาติมีพื้นที่ครอบคลุม ภูเขา ธารนํ้าแข็ง ทะเลสาบ แม่นํ้า รวมไปถึงพื้นที่ป่าอันอุดมสมบูรณ์ของชิเลียนปาตาโกเนีย (Chilean Patagonia) ภูมิทัศน์ของอุทยานแห่งนี้มีจุดเด่นอยู่ที่ เทือกเขากอร์ดิเยร่า (Cordillera del Paine) หินแกรนิตที่เวลาสะท้อนแสงแดด สีสวยจับใจ เป็นศูนย์กลางของอุทยานและมีเขตติดต่อกับ Bernardo O'Higgins National Park และ Los Glaciares National Park ของอาร์เจนติน่า และเป็นหนึ่งในเทือกเขาที่ท้าทายสำหรับนักปีนเขา นอกจากนี้ยังมีธารนํ้าแข็งเกรย์ Grey Glacier ที่ไหลลงสู่ทะเลสาบชื่อเดียวกัน อุทยานแห่งนี้ได้ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1959 และองค์การยูเนสโก้ (UNESCO) ได้ประกาศให้ เป็นมรดกโลก World Biosphere Reserve ในปีค.ศ. 1978 อุทยานตั้งอยู่ปลายสุดทางทิศใต้ของทุ่งนํ้าแข็งใต้ ภูมิทัศน์ประกอบไปด้วยธารนํ้าแข็งหลายแห่ง ทะเลสาบ ลากูน และมีแม่นํ้าสามสายไหลเข้าสู่เขตอุทยาน ได้แก่ แม่นํ้าปิงโก (Pingo) แม่นํ้าไพเน่ (Paine) และแม่นํ้าดิกสัน (Dickson) ที่มีเฉดสีของนํ้าแตกต่างกันตั้งแต่ นํ้าเงินไปจนถึงเขียว และยังก่อให้เกิดนํ้าตกสำคัญสามแห่งคือ นํ้าตกไพเน่ (Paine) นํ้าตกซัลโต้ กรานเด้ (Salto Grande) และนํ้าตกซัลโต้ ชิกโก้ (Salto Chico)
|
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม |
ที่พัก | Lago Grey Hotel**** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 7 | อุทยานแห่งชาติมรดกโลก ทอเรส เดล ไพเน่ - ปุนตาอาเรนัส |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม นำท่านชม ทิวทัศน์และบันทึกภาพความอัศจรรย์ทางธรรมชาติ ตั้งแต่ธารนํ้าแข็ง ทะเลสาบและลากูน ตลอดจนธารนํ้าตลอดทางโดยมีจุดหมายสำคัญของการเดินทางชมความงามของอุทยานแห่งนี้คือ มิราดอร์ ลาส ตอร์เรส (Mirador Las Torres) จุดชมเสาหินแกรนิตยักษ์สัญลักษณ์ของอุทยานแห่งชาติ ทอเรส เดลไพเน่ ซึ่งมีความหมายว่า เสาหินของไพเน่ ตามชื่อเสาหินสามเสานี้เอง เสาหินแกรนิตแห่งนี้ถูกธารนํ้าแข็งแกะสลักไว้กว่า 12 ล้านปีที่แล้ว ยอดหอคอยเสาหินที่สูงที่สุดคือ ไพเน่ กรานเด้ (Paine Grande) สูง 3,050 เมตร (10,000 ฟุต) แต่ยอดหอคอยเสาหินที่มีชื่อเสียงที่สุดและเป็นที่นิยมบันทึกภาพมากที่สุดคือ คัวนอส เดล ไพเน่ (Cuernos del Paine หรือที่รู้จักในนาม แตรไพเน่ Paine Horns) ได้เวลานำท่านกลับสู่โรงแรมที่พัก |
กลางวัน | รับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น |
บ่าย | นำท่านเดินทางสู่ เมืองปุนตาอาเรนัส (Punta Arenas) เมืองหลวงแคว้นมากายาเนสและลาอันตาร์ตีกาชีเลนา แคว้นใต้สุดของชิลี เป็นเมืองใหญ่ที่สุดทางซีกโลกใต้บนเส้นรุ้งที่ 46 เดิมได้เปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการเป็น มากายาเนส ในปี ค.ศ. 1927 แต่เปลี่ยนกลับมาใช้ ปุนตาอาเรนัส เหมือนเดิมในปี ค.ศ. 1938 และตั้งแต่ปี ค.ศ. 1977 เป็นหนึ่งในสองเมืองของชิลีที่เป็นเมืองท่าปลอดภาษี เมืองตั้งอยู่ข้างช่องแคบแมกเกนแลน มีความสำคัญด้านภูมิศาสตร์ของเมืองทำให้เมืองมีความสำคัญด้านการทหารในคาบสมุทรแอนตาร์กติก ในศตวรรษที่ 20 และ 21 นำท่านชม เมืองปุนตาอาเรนัส (Puta Arenas) เมืองซึ่งได้รับอิทธิพลและสถาปัตยกรรมในแบบสเปน นำท่านชม จตุรัสพลาซ่า เดออาร์ม (Plaza de Arm) ซึ่งเป็นจตุรัสใจกลางเมือง อันเป็นที่ตั้งของอนุสาวรีย์ Fernando de Magellan ซึ่งชาวเมืองให้การนับถือเป็นอย่างมาก และมีเรื่องเล่าว่า หากได้จุมพิศที่นิ้วเท้าของรูปปั้นนี้ ท่านจะมีโอกาสได้กลับมาเยือนเมืองนี้อีกครั้ง อิสระให้ท่านได้เดินเล่นและเก็บภาพความน่าประทับใจ |
ค่ำ | รับประทานอาหารค่ำในโรงแรม |
ที่พัก | Puta Arenas Hotel **** หรือเทียบเท่า |
วันที่ 8 | ปุนตาอาเรนัส - ซานเตียโก |
เช้า | รับประทานอาหารเช้าในโรงแรม |
07.00 น. | นำท่านเดินทางสู่ สนามบินปุนตาอาเรนัสเพื่อเชคอิน |
09.33 น. | ออกเดินทางจากสนามบินปุนตาอาเรนัส สู่ สนามบินซานเตียโก โดยเที่ยวบิน LA… (ใช้เวลาเดินทาง 3.30 ชม.) |
14.18 น. | เดินทางถึง สนามบินซานเตียโก นำท่านเข้าสู่โรงแรมที่พัก นำท่านเชคอิน สายการบินสายการบิน แอร์ฟร้านซ์ |
16.45 น. | ออกเดินทางจาก สนามบินซานเตียโก (SCL) สู่ สนามบินชาลส์เดอโกว์ (CDG) โดย สายการบิน แอร์ฟร้านซ์ (AF) เที่ยวบินที่ AF 401 (ใช้เวลาบินประมาณ 13.45 ชั่วโมง) |
วันที่ 9 | ปารีส - กรุงเทพมหานคร |
| ********* บินข้ามเส้นแบ่งเขตเวลาสากล ******* สายการบินมีบริการอาหารเช้า และ อาหารกลางวันบนเครื่องบิน
|
10.45 น. | เดินทางถึง สนามบินชาลส์เดอโกว์ (CDG) ประเทศฝรั่งเศส เพื่อแวะเปลี่ยนเที่ยวบิน |
16.05 น. | ออกเดินทางสู่ กรุงเทพฯ โดย สายการบิน แอร์ฟร้านซ์ (AF) เที่ยวบินที่ AF166 (ใช้เวลาบินประมาณ 11 ชั่วโมง) สายการบินมีบริการอาหารค่ำ และ อาหารเช้าบนเครื่องบิน
|
วันที่ 10 | กรุงเทพมหานคร |
09.15 น. | เดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ.... |