รายละเอียดทัวร์

www.TripleEnjoy.com
by Double Enjoy Travel Co., Ltd.

300/50 Nawamin Road, Nawamin, Buengkum, BKK 10240
Tel: 02-379-2955  Hotline: 099-130-6886  Fax: 02-379-1163 (Auto)

 Website: www.tripleenjoy.com   E-mail: [email protected]


 

Juristic Identification No. 0125554005216                                                               TAT License No. 11/05307


ทัวร์จอร์เจีย

TE364 : โปรแกรมทัวร์ แกรนด์คอเคซัสทัวร์ อาเซอร์ไบจัน จอร์เจีย อาร์เมเนีย 13 วัน 11 คืน (QR)


Qatar Airways (QR)
คัดลอก URL คัดลอก URL
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
Baku Marriott Hotel Boulevard , Baku
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
Best Western Paradise Resort, Dilijan
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
Kabadoni Boutique Hotel, Sighnaghi
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
Radisson Blu Hotel , Yerevan
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
Radisson Blu Iveria Hotel , Tbilisi
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
Rooms Hotel , Kazbegi
เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม เรทโรงแรม
Sheki Saray Hotel , Sheki

โปรแกรมทัวร์ แกรนด์คอเคซัสทัวร์ อาเซอร์ไบจัน จอร์เจีย อาร์เมเนีย

 โกบูสถาน | บากู (Baku) | วิหารแห่งไฟอาเทสกาห์ | เชเมคา (Shemakha) | เชคฆี (Sheki) | อารามโบดเบ (Bodbe) จอร์เจีย | ซิกนากี (Sighnaghi) | ทบิลิซี (Tbilisi) | มซเฮตา (Mtskheta) | คาซเบกิ (Kazbegi) | โกรี (Gori) | นครถ้ำอุพลิทซิเฆ | ทบิลิซี | ฮักห์พาท (อาร์เมเนีย) | ซินนาฮินน์ | ดิลิจัน | เซวาน | การ์นี (Garni) | เก็กเคริท | เยเรวาน | คอร์วิราบ | เอคเมียทซิน | ซวาสนอทซ์ | เยเรวาน คาสเคด         


 
รายละเอียดการเดินทาง

วันที่ 1กรุงเทพฯ - โดฮา (Doha) 
23.00 น.พร้อมกันที่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ณ อาคารผู้โดยสารขาออกระหว่างประเทศ ชั้น 4 ประตู 6 เคาน์เตอร์ M โดยสายการบิน Qatar Airways โดยมีเจ้าหน้าที่บริษัทฯคอยให้การต้อนรับและอำนวยความสะดวกในการเช็คอินด้านสัมภาระและเอกสารให้กับท่าน
วันที่ 2โดฮา - บากู (Baku) อาเซอร์ไบจัน
02.30 น.เหินฟ้าสู่ เมืองโดฮา ประเทศกาตาร์ โดย สายการบิน QATAR AIRWAYS เที่ยวบินที่ QR 837 (ใช้เวลาบิน 7 ชั่วโมง) (บริการอาหารบนเครื่องบิน)
05.30 น.เดินทางถึง สนามบินนานาชาติฮาหมัด เมืองโดฮา รอเปลี่ยนเครื่องสำหรับเที่ยวบินถัดไป
08.45 น.เหินฟ้าสู่ บากู สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจัน โดย สายการบิน QATAR AIRWAYS เที่ยวบินที่ QR 353 (ใช้เวลาบิน 2 ชั่วโมง 50 นาที) (บริการอาหารบนเครื่องบิน)
12.35 น.เดินทางถึง ท่าอากาศยานนานาชาติเฮดาอาลิเยฟ เมืองบากู สาธารณรัฐอาเซอร์ไบจัน หลังผ่านพิธีการตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยแล้ว

นำท่านเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองบากู มุ่งตรงไปยังร้านอาหารทันที
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่ายเริ่มท่องเที่ยวนำชมเมืองหลวงบากู  "บากู" หรือชื่อเดิม “บากี” เป็นภาษาเปอร์เซียแปลว่าเมืองแห่งสายลม เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดของอาเซอร์ไบจัน ตั้งอยู่ริมทะเลสาบแคสเปียนของภูมิภาคคอเคซัส เมืองบากูอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล 28 เมตร จึงทำให้บากูเป็นเมืองหลวงที่อยู่ต่ำที่สุดในโลก ทั้งยังเป็นเมืองศูนย์ กลางทางด้านวิทยาศาสตร์ วัฒนธรรมและอุตสาหกรรมของอาเซอร์ไบจัน มีห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ รวมทั้งมีสถาบันการศึกษาขนาดใหญ่หลายแห่งรวมตัวกันอยู่ในเมืองนี้

นำท่านไปที่ จุดชมวิวเมืองบากู (Sahidlar Xiyabani) ตั้งอยู่บนยอดเขาสูงสุดจากยอดเขาทั้งเจ็ดลูกของเมืองบากู เป็นจุดชมวิวทิวทัศน์ในมุมกว้างของเมืองบากู สามารถมองเห็นอ่าวโค้งของทะเลสาบแคสเปียน ตัวตึกรามบ้านช่อง และอาคารสูงตระง่าน รวมทั้งท่าเรือและเรือขุดเจาะน้ำมัน จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมเมืองบากูมีการพัฒนาเมืองอย่างรวดเร็ว เพราะมีทรัพยากร ธรรมชาติพวกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติมากมายมหาศาล 
ระหว่างทางขึ้นจุดชมวิว เดินผ่านสุสานของเหล่าทหารและวีรชนที่เสียชีวิตในสงคราม ใกล้กับจุดชมวิว จะเป็นที่ตั้งของกลุ่มอาคารรูปเปลวเพลิง (Flame Towers) เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สะท้อนถึงความทันสมัยของเมืองแห่งนี้ 

นำท่านแวะถ่ายรูป เฮดาร์ อาลิเยฟ เซ็นเตอร์ (Heydar Aliyev Center) อีกหนึ่งสัญลักษณ์สำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความทันสมัยของเมืองบากู ที่ออกแบบโดยสถาปนิกหญิงชื่อดังนามว่า Zaha Hadid โดยรูปทรงภายนอกของอาคารสีขาวคล้ายกับเกลียวคลื่นดูเก๋ไก๋และโดดเด่นในใจกลางเมือง


อิสระให้ท่านได้เดินเล่นบน ถนนนิซามี (Nizami Street) เป็นถนนช้อปปิ้งยอดนิยมที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองบากู บนถนนสายนี้มีบรรดาร้านค้าที่จำหน่ายสินค้ามากมาย รวมถึงยังมีร้านอาหารหลากหลายร้านให้เลือกทานกัน อาทิ อาหารพื้น เมืองอาเซอร์รี่ อาหารสไตล์ยุโรป อาหารเอเชีย เป็นต้น อาคารสถาปัตยกรรมยุคคริสต์ศตวรรษที่ 19 อันสวยงามบนถนนสายนี้เป็นสิ่งที่ดึงดูดใจสำหรับนักช้อปและนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะยามค่ำคืนเมื่อเริ่มเปิดไฟประดับอาคารต่างๆ ถนนสายนี้เต็มไปด้วยแสงไฟระยิบระยับสวยงามยิ่งนัก


พาเดินเล่นชมวิวทะเลแคสเปียนและวิวเมืองในมุมกว้างบนถนนริมทะเล ณ Baku Boulevard
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พักBaku Marriott Hotel Boulevard 5* ,Baku หรือเทียบเท่า
วันที่ 3โกบูสถาน - บากู (Baku) - วิหารแห่งไฟอาเทสกาห์
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางไปยัง โกบูสถาน (Gobustan) ตั้งอยู่ห่างจากเมืองบากู มีระยะทางราว 65 กิโลเมตร 


อุทยานโกบูสถาน ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะภาพแกะสลักและภาพวาดที่เกี่ยวกับเรื่องราวการล่าสัตว์ การต่อสู้ และพิธีกรรมที่เกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ 
จนถึงช่วงยุคกลาง นักมานุษยวิทยาและนักโบราณคดีคาดว่าเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของมนุษย์ในระหว่าง 5,000 - 40,000 ปีที่ผ่านมา โกบูสถานถูกค้นพบโดยกลุ่มคนงานเหมืองในปีค.ศ.1930 เมื่อพนักงานคนหนึ่งสังเกต เห็นภาพแกะสลักอยู่บนโขดหิน นอกจากนั้นยังค้นพบถ้ำ ที่เต็มไปด้วยภาพเขียนต่างๆที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของโลกและประเทศอาเซอร์ไบจัน องค์การยูเนสโก้จึงได้ประกาศขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 2007

ระหว่างทางแวะชม ภูเขาไฟโคลน (Mud Volcano) ที่เกิดจากดินเหลวและก๊าซ ลักษณะคล้ายลาวาพุ่งขึ้นจากใต้ดิน ในประเทศอาเซอร์ไบจันมีภูเขาไฟโคลนมากกว่าครึ่งหนึ่งที่พบบนโลก
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่ายนำท่านเดินเที่ยวแถว ย่านเมืองเก่า (Baku Old City) พาชม ประตูเมืองเก่าเชเมคา (Shemakha Gate) พระราชวังเชอร์วานชาค์ (Shirvanshakh's Palace) ภายในจะมีศาลตัดสินความ สุสานของกษัตริย์และเชื้อพระวงศ์  โรงอาบน้ำโบราณ ที่พักกองคาราวาน (Caravanserai) หอสังเกตการณ์เมดาน (Maiden Tower) และ ตลาดผลไม้ในสมัยโบราณ ปัจจุบันดัดแปลงเป็นพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่ง ก่อสร้างในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 11-12  ต่อมาในปี ค.ศ.1806 อาเซอร์ไบจันถูกครอบครองโดยจักรวรรดิ์รัสเซีย ที่นี่จึงเป็นศูนย์กลางทางการค้า มีร้านค้ากว่า 700 ร้าน ประชากรรวมกันกว่า 7,000 คน ภายในกำแพงเมืองเก่ามีปืนใหญ่ตั้งอยู่รายรอบ ประตูเมืองทั้งสองแห่งเปิดให้ทำการค้าและมีการตั้งสำนักงานศุลกากรขึ้นในปี ค.ศ.1809 ในเวลาต่อมาเมืองบากูเริ่มขยายและถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน พวกที่คิดว่าตนเองดีกว่ารวยกว่าก็ย้ายออกไปตั้งบ้านเรือนใหม่นอกกำแพงโดยนำรูปแบบการก่อสร้างแบบบาร็อคและโกธิคมาใช้ จึงทำให้ย่านเมืองบากูใหม่มีบ้านเมืองที่คล้ายคลึงกับแถบยุโรป นอกจากนี้ในปีค.ศ.2000 เมืองเก่าบากูได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นเมืองมรดกโลกทางวัฒนธรรมอีกด้วย 
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พักBaku Marriott Hotel Boulevard 5*, Baku หรือเทียบเท่า
วันที่ 4บากู - เชเมคา (Shemakha) - เชคฆี (Sheki)  
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

ออกเดินทางสู่ เมืองเชคฆี ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองบากู ระหว่างทางท่านสามารถชื่นชมทิวทัศน์อันสวยงาม เดินทางต่อไปบนเส้นทางผ่าน เมืองเชเมคาหรือเชเมคี (Shemakha or Shemakhi) เมืองหลวงเก่าของอาเซอร์ไบจันก่อนที่จะย้ายไปยังเมืองบากู แวะชม สุสานของดิริบาบา (Diri Baba Mausolem)  ตั้งอยู่ที่เมืองมาราซา (Maraza) สร้างอยู่บริเวณที่เป็นหน้าผา เป็นอาคารสถาปัตยกรรมสองชั้นที่มีรูปแบบสวยงามสร้างเจาะเข้าไปในหน้าผา สร้างในสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 14 เป็นสุสานของท่านเชค ดิริ

บาบา (Sheikh Diri Baba) นักบุญผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวอาเซอร์ไบจันเคารพนับถือและเดินทางมาจาริกแสวงบุญ ณ ที่แห่งนี้ทุกปี ครั้นเดินทางถึงเมืองเชเมคี นำท่านชม มัสยิดจูมาแห่งเมืองเชเมคี สถานที่สำคัญที่สุดของเมืองนี้ ซึ่งเป็นศาสนสถานที่ใหญ่ที่สุดและอลังการมากที่สุดแห่งหนึ่งของอาเซอร์ไบจัน ในขณะที่โครงสร้างปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ.2013 แรกเริ่มเดิมทีมัสยิดถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.743 ทำให้มัสยิดแห่งนี้เป็นมัสยิดที่เก่าแก่ที่สุดเป็นอันดับสองในคอเคซัสและเก่าแก่ที่สุดในอาเซอร์ไบจัน นอกจากความ สำคัญทางประวัติศาสตร์และศาสนาแล้ว ท่านจะได้สัมผัสกับสถาปัตยกรรมที่สง่างามและดูขลังเงียบสงบภายในมัสยิด
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่ายหลังอาหาร สมควรแก่เวลาเดินทางต่อไปจนถึงเมืองเชคฆี

นำท่านชม พระราชวังเชคฆี (Sheki Khans Palace) เป็นพระราชวังฤดูร้อนของข่านเชคฆี ภายนอกตกแต่งด้วยกระ เบื้องหลากสี สีน้ำเงินเข้ม สีฟ้าคราม สีเหลือง ตามรูปทรงเรขาคณิตแบบอิสลามพร้อมด้วยน้ำพุ สระน้ำและการจัดสวน โครงสร้างที่ใหญ่และหรูหรา ภายในผนังและเพดานเต็มไปด้วยภาพวาดลวดลายสวยงามแตกต่างกันไปในแต่ละห้อง อีกทั้งหน้าต่างยังใช้กระจกสีที่นำมาจากอิตาลี โดยผ่านพ่อค้ากองคาราวาน พระราชวังแห่งนี้สร้างเสร็จในปีค.ศ.1762 โดย มูหะหมัด ฮัสซัน ข่าน และได้รับการบูรณะใหม่โดยได้รับเงินสนับสนุนจากธนาคารโลก จากนั้น หากมีเวลาเหลือ เดินเล่นชมร้านรวงที่ขายสินค้าพื้น เมืองรวมทั้งขนมหวานที่มีชื่อเสียงของเมืองเชคฆีที่มีชื่อว่า “Halva” ก่อนเดินทางต่อไปยังโรงแรมเพื่อพักผ่อนอย่างอิสระตามอัธยาศัย
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ค่ำ รับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พักSheki Saray Hotel 4*, Sheki หรือเทียบเท่า
วันที่ 5เชคฆี - อารามโบดเบ (Bodbe) จอร์เจีย - ซิกนากี (Sighnaghi)
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

อำลาอาเซอร์ไบจัน เดินทางต่อไปยัง ด่านพรมแดนอาเซอร์ไบจัน-จอร์เจีย ผ่านการตรวจคนเข้าเมือง เปลี่ยนรถ พบมัคคุเทศก์ชาวจอร์เจียเพื่อเดินทางไปยังเมืองซิกนากี (โปรดทราบ...ระหว่างการข้ามพรมแดนทั้งสองประเทศ จะมีช่วงรอยต่อพรมแดนที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ (No Man Land)  ท่านจะต้องลากกระเป๋าของตนเอง ระยะทางราว 500-600 เมตร  ไม่มีคนยกกระเป๋าบริการ เนื่องจากเป็นเขตแดนควบคุมการเข้าออกอย่างเข้มงวด)

เมืองซิกนากี (Sighnaghi) เมืองเล็กๆ ที่มีประชากรอาศัยอยู่ไม่เกิน 3,000 คน ในเขตแคว้นคาเคติ  (Khakheti) เมืองนี้มีชื่อที่มาจากภาษาเตอร์กิชว่า “Signakh” แปลว่า “ที่พักอาศัย” ปัจจุบันได้ถูกเรียกขานว่า นครแห่งความรัก (Love City) เนื่องจากสถาปัตยกรรมและสีสันอันอ่อนหวานของบ้านเรือนแบบพื้นบ้านที่ทอดตัวอยู่บนเนินเขา เมื่อมองลงไปจะมองเห็นผืนที่ราบกว้างใหญ่ ซิกนากีเป็นเมืองสำคัญในประวัติศาสตร์อีกแห่งของจอร์เจีย ในฐานะเป็นศูนย์กลางทางการค้าและงานศิลปะจำพวกช่าง ฝีมือแขนงต่างๆ สิ่งสำคัญโดดเด่นเฉพาะถิ่นแถบนี้คือ การทำไร่องุ่นและการบ่มไวน์ที่มีชื่อเสียงมาช้านาน ที่นี่เป็นแหล่งเพาะองุ่นพันธุ์ที่ดีที่สุดในจอร์เจีย เขตคาเคติมีกำลังการผลิตไวน์ได้ถึงร้อยละ 70 ของประเทศ

นำท่านร่วมเดินทางไปบน เส้นทางแห่งไวน์ (Wine Route) ที่เป็นถนนสายเล็กๆที่ซอกซอนเข้าไปในหมู่บ้านแทบทุกสาย 

นำท่านเดินทางไปยัง อุโมงค์ไวน์ (Winery Khareba) ที่ท่านจะได้ชมกระบวนการการผลิตพร้อมชิมไวน์ที่มีชื่อเสียงของจอร์เจียที่เก็บบ่มไวน์ในอุโมงค์ใต้ดิน ด้วยคุณภาพไวน์จากวิธีการเก็บบ่มไวน์ดัง กล่าวนี้เองทำให้จอร์เจียและไวน์ของที่นี่ได้รับสมญานามว่า Georgia - A Cradle of Wine
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่ายนำท่านชม อารามโบดเบ (Bodbe Monastery) ที่ตั้งอยู่ห่างจากซิกนากีออกไป 2 กิโลเมตร ถือเป็นสถานที่แสวงบุญที่ศักดิ์สิทธิ์และสำคัญมากอีกแห่งหนึ่ง ใช้เป็นสถานที่บูชารำลึกและเก็บร่างของนัก บุญนิโน (St.Nino) ผู้เผยแพร่คริสต์ศาสนาของจอร์เจียในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 4

นำท่านชม ป้อมปราการแห่งซิกนากี (Sighnaghi Old Fortress) ตั้งอยู่ในเขตคาเคติ (Kakheti) เมืองซิกนากีก่อตั้งโดยกษัตริย์ Irakli II ในคริสต์ศตวรรษที่ 17 กำแพงป้อมปราการอยู่ในสภาพดีเยี่ยมและยังทำหน้าที่ปกป้องเมือง ที่นี่ถือเป็นป้อมปราการที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในจอร์เจีย หอคอยและกำแพงป้อมปราการขนาดใหญ่มอง เห็นได้จากระยะไกล กำแพงป้อมปราการตั้งอยู่บนทางลาดของภู เขา จากจุดสูงสุดของกำแพงป้อม คุณจะได้ชมทัศนียภาพที่ดีที่สุดของเมืองและหุบเขาอลาซานี (Alazani)

เมื่อได้เวลาพอสมควร นำท่านเช็คอินเข้าที่พัก พักผ่อนและเปลี่ยนอิริยาบถ 
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พักKabadoni Boutique Hotel 4*, Sighnaghi หรือเทียบเท่า
วันที่ 6ซิกนากี (Sighnaghi) - ทบิลิซี (Tbilisi)  
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

เช้านี้สดใส นำท่านชม พิพิธภัณฑ์มนุษยวิทยาและโบราณคดีแห่งซิกนากี (Ethnographic and Archaeological Museum) บริเวณภายในชั้นล่างจัดแสดงวัตถุโบราณต่างๆ ที่ขุดค้นพบจากสุสานในแถบหุบเขาอลาซานี (Alazani) เครื่องแต่งกาย เครื่องดนตรี เครื่องมือ อาวุธต่างๆ ส่วนชั้นบนท่านจะได้ชมภาพเขียนของนักประพันธ์กวีผู้โด่งดังในจอร์เจีย Niko Pirosmani และ Lado Gudiashvili 


จากนั้นอิสระให้ท่าน เดินเล่นในเมืองซิกนากี เมืองเล็กๆบนเนินเขา ช้อปปิ้งงานถักทอพื้นเมืองที่ทำโดยชาวบ้านในราคากันเอง
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่ายเดินทางต่อไปสู่ เมืองทบิลิซี (โดยมีระยะทาง 110 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 2 ชั่วโมง) 

นำท่านชมโบสถ์นิกายออโธด๊อกซ์ วิหารตรีเอกานุภาพแห่งทบิลิซี (Holy Trinity Cathedral of Tbilisi) โบสถ์นี้ในภาษาท้องถิ่นมีชื่อว่า ซาเมบา (Sameba) เป็นโบสถ์คริสต์ออโธด๊อกซ์ที่สูงสุดเป็นอันดับสามของโลก (ความสูง 84 เมตร) ใช้เวลาในการก่อสร้างกว่า 10 ปี จึงเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ.2004 เดิมสถานที่แห่งนี้เคยใช้เป็นสุสานเก่าของชาวอาร์เมเนียในกรุงทบิลิซี 

นำท่านชม อนุสาวรรีย์ประวัติศาสตร์จอร์เจีย (The Chronicle of Georgia) ซึ่งมีลักษณะเป็นแท่งหินสีดำขนาดใหญ่แกะสลักเป็นรูปไอคอนต่างๆ ที่สื่อถึงเรื่องราวในอดีตของประเทศจอร์เจีย ถูกสร้างขึ้นโดย ซุราป นักสถาปนิกชื่อดังก่อสร้างเมื่อปี ค.ศ.1985 ประกอบ ด้วยแท่งเสา 16 แท่ง แต่ละแท่งสูง 35 เมตร แต่ละเสาจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนล่างสุดเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระคัมภีร์ของศาสนาคริสต์ ส่วนกลางเกี่ยวกับเรื่องราวของข้าราชการชนชั้นสูงของจอร์เจีย ส่วนบนเกี่ยวกับเหตุการณ์สำคัญต่างๆของประเทศ ท่านสามารถชมวิวเมืองจากมุมสูงได้จากสถานที่แห่งนี้อีกด้วย

อิสระให้ท่านเดินช้อปปิ้งตามอัธยาศัย ณ ห้างสรรพสินค้า Galleria Tbilisi 
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พักRadisson Blu Iveria Hotel 5*, Tbilisi หรือเทียบเท่า
วันที่ 7ทบิลิซี - มซเฮตา (Mtskheta) - คาซเบกิ (Kazbegi)    
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเที่ยว เมืองมซเฮตา (Mtskheta) เมืองที่เป็นศูนย์กลางทางศาสนาของจอร์เจีย ตั้งอยู่ห่างจากกรุงทบิลิซีไป 25 กิโลเมตร ในอดีตเมืองแห่งนี้เคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรไอบีเรียตั้งแต่ในช่วงยุค 300 ปีก่อนคริสตกาลจนกระทั่งศตวรรษที่ 5 องค์การยูเนสโก้ได้ขึ้นทะเบียนให้ “โบราณสถานแห่งเมือง มซเฮตา” เป็นมรดกโลกในปีค.ศ. 1994

จากนั้นนำท่านสู่ อารามจวารี (Jvari Monastery) จากเนินเขาที่ตั้งของอารามจะมองเห็นวิวทิวทัศน์สวยงามของอดีตเมืองหลวงเก่าของจอร์เจีย และเป็นบริเวณจุดบรรจบกันของแม่น้ำสองสายหลักของจอร์เจีย คือ แม่น้ำมตควารีและแม่น้ำอารักวี อารามแห่งนี้เป็นที่เก็บไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์หนึ่งในสามอันที่สร้างในสมัยนักบุญนีโน่ 

นำท่านชม มหาวิหารสเวติสโฆเวลี (Svetitskhoveli Cathedral) สร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 11 ที่นี่คือศูนย์กลางทางศาสนาที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในจอร์เจีย ภายในมหาวิหารแห่งนี้จะมีภาพเขียนเฟรสโก้ที่สวยงาม ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวที่เกี่ยวเนื่องกับคริสต์ศาสนา และยังมีหลุมฝังพระศพของกษัตริย์จอร์เจียที่สำคัญอีกสองพระองค์คือ กษัตริย์วาคตัง กอร์กาซาลี (King Vakhtang Gorgasali of Katli) แห่งคริสต์ ศตวรรษที่ 4 และกษัตริย์อีเรคเคิลที่สอง (King Erekle II) แห่งคริสต์ศตวรรษที่ 18  
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่ายออกเดินทางต่อไปบนเส้นทางหลวงทหารจอร์เจียสายประวัติศาสตร์ (Georgian Military Highway) ทางทิศเหนือของทบิลิซี สู่เมืองคาซเบกิ ระหว่างทางแวะชม ป้อมปราการอันนานูรี (Ananuri Fortress) ซึ่งเป็นป้อมปราการเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำอารักวีใกล้อ่างเก็บน้ำซินวาลี สร้างขึ้นโดยท่านดยุคแห่งอารักวีในช่วงคริสต์ ศตวรรษที่13 ป้อมปราการนี้ประกอบด้วยสองส่วนเข้าด้วยกัน คือ ป้อมปราการส่วนบนที่เป็นอาคารทรงสี่เหลี่ยมถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี และป้อมปราการส่วนล่างมีลักษณะอาคารทรงกลมก็อยู่ในสภาพถูกทำลายเสียหายโดยส่วนใหญ่ ปัจจุบันป้อมปราการแห่งนี้อยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาคัดเลือกให้เป็นมรดกโลกอีกด้วย (Unesco Tentative List)  

เดินทางต่อสู่เมืองแห่งสกีรีสอร์ทที่สวยงามแห่งเทือกเขาคอเคซัส ณ ระดับความสูง 2,200 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นประตูหน้าด่านสู่ เมืองสเตปันทสมินดา (Stepantminda) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อว่า เมืองคาซเบกิ (Kazbegi) บนเส้นทางหลวงทหารสายนี้ ท่านจะได้เพลิดเพลินกับความงดงามตระการตาของวิวทิวทัศน์แถบเทือกเขาคอเคซัส (The Greater Caucasus) ตลอดเส้นทาง คาซเบกิเป็นชื่อเรียกในสมัยที่ถูกปกครองโดยสหภาพโซเวียต เมืองใกล้ชายแดนรัสเซียที่มีชื่อเสียงในเรื่องของความงามทางธรรมชาติของทิวทัศน์และยอดเขาคาซเบ็ก (Mount Kazbek) ซึ่งมีความสูง 5,047 เมตร เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดเป็นอันดับเจ็ดของเทือกเขาคอเคซัส 

นำท่านนั่งรถจี๊ป (คันละ 4-5 ท่าน) ขึ้นสู่ยอดเนินเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของ โบสถ์สมินดา ซาเมบา (Tsminda Sameba Church / Gergeti Trinity Church) ในระดับความสูง 2,170 เมตรที่อยู่ใกล้หมู่บ้านเกอเกติ โบสถ์เก่าแห่งนี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยคริสต์ศตวรรษที่ 14 มีอายุกว่า 700 ปี ปัจจุบันโบสถ์แห่งนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์การท่องเที่ยวของจอร์เจีย และได้ขึ้นหน้า ปกของหนังสือท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง Lonely Planet ฉบับล่าสุด อิสระให้ท่านถ่ายภาพวิวทิวทัศน์บริเวณรอบๆ โบสถ์ที่มองเห็นหมู่บ้านเกอเกติอยู่เบื้องหน้าและเมืองคาซเบกิอยู่เบื้อง หลังและทุ่งหญ้ารอบเนินเขาก็เป็นแหล่งอาหารของฝูงวัวแห่งคอเคซัสด้วย (ก่อนเข้าชมโบสถ์ด้านใน เฉพาะผู้หญิงจะต้องนุ่งผ้าที่ทางวัดเตรียมไว้ให้) 

จากนั้นเดินทางกลับลงไปยังเมืองเพื่อเปลี่ยนเป็นรถบัส
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พักRooms Hotel 4*, Kazbegi หรือเทียบเท่า
วันที่ 8คาซเบกิ (Kazbegi) - โกรี (Gori) - นครถ้ำอุพลิทซิเฆ - ทบิลิซี
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม พร้อมชมทิวทัศน์ของเทือกเขาคอเคซัสและยอดเขาคาซเบ็ก ณ ระเบียงเบื้องหน้าของโรงแรม

เช้านี้ เดินทางต่อสู่เมืองโกรี ระหว่างทางให้ท่านแวะถ่ายรูปที่ อนุสรณ์สถานมิตรภาพระหว่างจอร์เจียและรัสเซีย (Georgia and Russia Friendship Monument)
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่ายเมืองโกรี เป็นเมืองหลวงของแคว้นชีดา คาร์ตลี ในยุคของสหภาพโซเวียต โกรีได้ถูกพัฒนาให้เป็นเมืองศูนย์กลางด้านอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม อีกทั้งเป็นบ้านเกิดของโจเซฟ สตาลิน อดีตจอมเผด็จการผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งของโลกช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 

นำท่านชม พิพิธภัณฑ์และบ้านเกิดของโจเซฟ สตาลิน (Joseph Stalin Museum) พร้อมทั้งรถไฟที่เขาใช้ในการเดินทางไปประชุมในที่ต่างๆ  

นำท่านเดินทางไปชม นครถ้ำอุพลิทซิเฆ (Uplistsikhe) ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองโกรีไปทางทิศตะวัน ออกเฉียงใต้ราว 15 กิโลเมตร อุพลิทซิเฆ Uplistsikhe คือนครถ้ำที่เคยเป็นถิ่นฐานของผู้คนและอารยธรรมในแถบนี้ตั้งแต่เมื่อ 3,000 ปีก่อน หินผาขนาดใหญ่ถูกสกัดและสลักเสลาเป็นช่องห้องโถงต่างๆ มากมายจนกลายเป็นนครถ้ำตั้งอยู่บนแนวเทือกเขาหินทรายซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 50 ไร่ อดีตถ้ำอุพลิทซิเฆเป็นศูนย์กลางวัฒนธรรมของจอร์เจียฝั่งตะวันออกตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล และช่วงที่เมืองนี้มีความเจริญสุดขีด คือ ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 9-11 ก่อนจะถูกรุกรานโดยชาวมองโกลในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 13 และถูกปล่อยให้เป็นเมืองร้างไป ประการสำคัญนครถ้ำอุพลิทซิเฆ คือส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมที่เชื่อมต่อเมืองไบแซนติอุมแห่งจักรวรรดิ์ไบแซนไทน์ ปัจจุบันคือ อิสตันบูลของตุรกี 

เมื่อเดินทางกลับถึงเมืองทบิลิซีแล้ว เช็คอินเข้าสู่โรงแรมที่พัก เชิญพักผ่อนตามอัธยาศัย
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พักRadisson Blu Iveria Hotel 5*, Tbilisi หรือเทียบเท่า
วันที่ 9ทบิลิซี (Tbilisi) 
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

เริ่มท่องเที่ยวใน เมืองทบิลิซี (Tbilisi) เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศจอร์เจีย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำคูรา (Kura) หรือเรียกว่าแม่น้ำมตควารี (Mtkvari) ในภาษาจอร์เจียน เมืองทบิลิซีเป็นเมืองเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 1,700ปี เริ่มสร้างเมืองขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 4 โดยกษัตริย์วาคตัง กอร์กาซาลี (King Vakhtang Gorgasali of Katli) กษัตริย์จอร์เจียแห่งไอบีเรีย  

นำท่านชมสถานที่สำคัญต่างๆของเมืองทบิลิซี อันได้แก่ โบสถ์เมเตคี (Metekhi Church) เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่สร้างขึ้นในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12 ตั้งอยู่บริเวณริมหน้าผาที่เบื้องล่างเป็นแม่น้ำมตควารี สายน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตของชาวจอร์เจีย ในอดีตถูกใช้เป็นป้อมปราการและที่พำนักของกษัตริย์ ในบริเวณเดียวกันท่านจะได้พบกับอนุสาวรีย์ทรงม้าของกษัตริย์วาคตัง กอร์กาซาลี ผู้สร้างเมืองตั้งตระหง่านอย่างสง่างาม

แล้วนำท่านชม โรงอาบน้ำแร่เก่าแก่ (Bath Houses) ในย่านโซโลลากี (Sololaki) ที่นี่มีชื่อเสียงในเรื่องบ่อน้ำร้อนกำมะถันธรรมชาติ (Sulphur Spring Water) จึงเหมาะกับกิจกรรมออนเซ็นในแบบฉบับของจอร์เจีย โรงอาบน้ำเหล่า นี้ยังมีการให้บริการอยู่ในปัจจุบัน และเป็นที่นิยมของชาว เมืองทบิลิซี 

นำท่านขึ้นกระเช้าไฟฟ้าสู่ ป้อมปราการหินนาริกาลา (Narikala Fortress) ป้อมปราการที่ได้รับการยกย่องว่าแข็งแกร่งและตีได้ยากที่สุดบนเส้นทางสายไหมและถือว่าเป็นจุดชมวิวไฮไลท์ของทบิลิซี ใกล้ๆ กันก็จะเห็นอนุสาวรีย์แม่แห่งจอร์เจีย (Mother of Georgia) โดยเป็นรูปหล่อจากอลูมิเนียมสูง 20 เมตร มือข้างหนึ่งถือดาบ ข้างหนึ่งถือแก้วไวน์ เป็นสัญลักษณ์แสดงลักษณะนิสัยของชาวจอร์เจียที่มีมิตรไมตรีต่อแขกที่มาเยือนแต่ก็พร้อมที่จะสู้กับศัตรูที่เข้ามารุกราน 

นำท่านเดินชม ย่านเมืองเก่า (Old Tbilisi) นครหลวงทบิลิซี หนึ่งในชุมชนคริสเตียนที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่เคยถูกรุกรานหลายครั้งหลายคราจากพวกชาวอาหรับ เปอร์เซีย มองโกล และรัสเซีย ทำให้นครแห่งนี้ผสมผสานไปด้วยชุมชนของกลุ่มชาติพันธุ์เก่าแก่ต่างๆที่อาศัยอยู่มายาวนานหลายชั่วอายุคน เป็นย่านเมืองเก่าที่มีเสน่ห์ชวนหลงใหล อาทิ ย่านโซโลลากี บ้านเรือนพื้นเมืองอายุหลายร้อยปีที่เป็นศิลปะ ผสมผสานระหว่างยุโรปกับเปอร์เซีย รวมทั้งเป็นย่านที่ตั้งของโรงอาบน้ำโบราณของทบิลิซีอีกด้วย 

ถนนชาร์ดีน
(Chardin Street) ถนนคนเดินขึ้นชื่อสายหนึ่งในย่านเมืองเก่าที่เป็นศูนย์รวมร้านค้าต่างๆ
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น (อาหารจีน)
บ่ายนำชม พิพิธภัณฑ์สมบัติแห่งชาติจอร์เจีย (Georgian National Museum) สถานที่ที่จัดแสดงวัตถุโบราณ โดยเฉพาะเครื่องประดับทองคำอันล้ำค่าในสมัยก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 3 นอกจากนั้นยังมีห้องที่แสดงชุดเกราะ อาวุธต่างๆ ที่ใช้ในสงคราม รวมทั้งเรื่องราวที่เกิดขึ้นในยุคโซเวียต ซึ่งจัดแสดงในชั้นบน  

อิสระให้เดินเล่นบน ถนนรุสตาเวลี (Rustaveli Avenue) เป็นถนนธุรกิจสายหลักของนครที่สองฟากถนนมีอาคารสไตล์ยุโรปสวยงามตั้งเรียงรายเต็มไปด้วยร้านค้าหรูหรา ร้านกาแฟ ร้านแผงลอยขายของที่ระลึกมากหลากหลายมาวางอวดโฉมอยู่บนทางเท้าราวกับพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง 
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พักRadisson Blu Iveria Hotel 5*, Tbilisi หรือเทียบเท่า
วันที่ 10ทบิลิซี - ฮักห์พาท (อาร์เมเนีย) - ซินนาฮินน์ - ดิลิจัน  
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

เดินทางมุ่งหน้าสู่ เมืองซาดาโคล ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงทบิลิซีราว 72 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที อันเป็นเมืองหน้าด่านพรมแดนระหว่างจอร์เจียและอาร์เมเนีย (การข้ามพรมแดนทั้งสองประเทศ จะมีช่วงรอยต่อพรมแดนที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของ (No Man Land) ท่านจะต้องลากกระเป๋าของตนเอง โดยมีระยะทางราว 250 เมตร เพราะไม่มีคนยกกระเป๋าบริการเนื่องจากเป็นเขตแดนควบคุมการเข้าออกอย่างเข้มงวด) หลังจากผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองแล้ว 

นำท่านเดินทางสู่ เมืองฮักห์พาท (Haghpat) ทางตอนเหนือของอาร์เมเนีย เป็นที่ตั้งของอารามสำคัญ ทั้ง 2 แห่ง คือ  อารามฮักห์พาท (Haghpat Monastery) สร้างในปีค.ศ. 976 และ อารามซานาฮินน์ (Sahahin Monastery) สร้างในปีค.ศ. 966 ตามตำนานเล่าว่า สร้างโดยหญิงสาวผู้หนึ่งเพื่อให้แก่ลูกชายสองคน นำชมอารามมรดกโลกทั้งสองแห่งซึ่งเป็นผลงานที่โดดเด่นทางสถาปัตยกรรมในแบบฉบับอาร์เมเนียในยุคกลาง และองค์การยูเนสโก้ได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกในปีค.ศ.1996 รายละเอียดของสถาปัตยกรรมและโครงสร้างภายในเข้าใจว่าทั้งสองแห่งถูกสร้างขึ้นโดยช่างฝีมือจากสำนักเดียวกัน อารามทั้งสองแห่งถือเป็นศูนย์กลางด้านการศาสนาและการศึกษาในช่วงยุคกลางของอาร์เมเนีย 
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่นร์ตซิน
บ่ายออกเดินทางต่อไปยัง เมืองดิลิจัน (Dilijan) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทะเลสาบเซวาน ริมแม่น้ำอัคซเทป อยู่สูง 1,500 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล มีป่าเขียวชอุ่มและอากาศเย็นสดชื่นตลอดปี จึงกลายเป็นเมืองที่สำคัญทางด้านการท่องเที่ยว และได้สมญานามว่าเป็นสวิตเซอร์แลนด์แห่งอาร์เมเนีย (Little Switzerland of Armenia) 

นำท่านแวะชม Old Dilijan Complex ซึ่งถือเป็นย่านประวัติศาสตร์เก่าของเมืองที่ได้รับการอนุรักษ์อาคารสถาปัตยกรรมไม้ในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 19 เอาไว้อย่างดี 
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พักBest Western Paradise Resort 4*, Dilijan หรือเทียบเท่า
วันที่ 11ดิลิจัน - เซวาน - การ์นี (Garni) - เก็กเคริท - เยเรวาน  
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม 

ออกเดินทางผ่าน เมืองเซวาน แวะเก็บภาพความสวยงามของ ทะเลสาบเซวาน (Sevan Lake) เป็นทะเลสาบน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในเขตเทือกเขาคอเคซัส และนำท่านชม โบสถ์เซวานาแวงค์ (Sevanavank Monastery) ซึ่งตั้งอยู่บริเวณริมทะเลสาบทางตะวันตกเฉียงเหนือ คำว่า "แวงค์" เป็นภาษาอาร์เมเนีย แปลว่า วิหาร สร้างโดยเจ้าหญิงมาเรียม พระธิดาของกษัตริย์อาชอตที่ 1 (Ashot I) ในปีค.ศ.874 เมื่อเก็บภาพกันพอสมควรแล้วเดินทางต่อ (ระยะทางราว 85 กิโลเมตร ใช้เวลาราว 1 ชั่วโมง 30 นาที)
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่ายนำท่านชม วิหารการ์นี (Garni Temple) ในอดีตเมื่อ 3 ปีก่อนคริสตกาลมาแล้ว พบว่าเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์และเป็นเมืองสำคัญในยุคจักรวรรดิ์โรมัน ในเวลาต่อมา บริเวณนี้เคยใช้เป็นพระราชวังฤดูร้อนของกษัตริย์แห่งอาร์เมเนียจนถึงราชวงศ์สุดท้ายที่กษัตริย์ถูกลอบสังหารโดยลูกเขยและหลานของพระองค์เอง วิหารเสียหายจากแผ่นดินไหวเมื่อปี ค.ศ.1679 สิ่งที่พบเห็นในปัจจุบันจะเป็นการบูรณะซ่อมแซมใหม่ ลักษณะสถาปัตยกรรมคล้ายกรีกแต่ลวดลายเป็นศิลปะแบบอาร์เมเนีย ถัดจากเมืองการ์นีขึ้นไปทางเหนือ บริเวณหุบเขาใกล้แม่น้ำเอแซท (Azat River)

นำท่านไปชมวัดถ้ำ หรือ วิหารเก็กเคริท (Geghard Monastery) ที่แกะสลักจากภูเขาหิน (คล้ายวิหารฮินดูที่อจันต้า-อินเดีย) สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 4 ซึ่งเป็นยุคที่ศาสนาคริสต์กำลังรุ่งเรือง แต่ถูกทำลายในช่วงศตวรรษที่ 9 จากการรุกรานของชาวอาหรับ อย่างไรก็ตามภายในวิหารยังมีการตกแต่งที่สวยงาม มีการตัดหินเป็นรูปคานโค้งที่งดงาม รวมทั้งมีภาพแกะสลักบนกำแพงหินในรูปต่างๆ ที่สื่อความหมายต่างๆ อีกด้วย 

จากนั้นเดินทางต่อเข้าสู่ กรุงเยเรวาน เมืองหลวงของประเทศอาร์เมเนีย
ค่ำรับประทานอาหารค่ำ ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
ที่พักRadisson Blu Hotel 5*, Yerevan หรือเทียบเท่า
วันที่ 12คอร์วิราบ - เอคเมียทซิน - ซวาสนอทซ์ - เยเรวาน คาสเคด 
เช้ารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม

นำท่านเดินทางไปยังเขตอารารัตและตรงไปสู่วิหารคอร์วิราบ ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างพรมแดนของอาร์เมเนียและตุรกีเพียง 8 กิโลเมตร ใกล้แนวเทือกเขาอารารัต นำชม วิหารคอร์วิราบ ตั้งอยู่ที่ความสูง 829 เมตร คำว่า “คอร์” เป็นชื่อของนักบุญเกรกอรี่ “วิราบ” เป็นภาษาอาร์เมเนีย แปลว่า หลุมลึก สถานที่แสวงบุญของชาวคริสต์ วิหารคอร์วิราบสร้างตั้งแต่ปีค.ศ. 642 โดยคำแนะนำของนักบุญเกรกอรี่ที่ให้คำปรึกษาด้านศาสนาแก่กษัตริย์ธิริเดทที่ 3 (Tiridates III) ทำให้ศาสนาคริสต์เป็นที่เลื่อมใสและอาร์เมเนียเป็นประเทศแรกในโลกที่ได้ประกาศให้ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำชาติ บนบริเวณนี้เองท่านสามารถมองเห็นวิวยอดเขาอารารัตใหญ่ (5,137 เมตร) และยอดเขาเลสเซอร์อารารัต (3,896 เมตร) ได้อย่างชัดเจนหากฟ้าเปิดเป็นใจ

จากนั้นเดินทางสู่ เมืองเอคเมียทซิน (Echmiadzin) อยู่ห่างจากกรุงเยเรวานราว 20 กิโลเมตร

นำท่านชม คริสตจักรเอคเมียทซิน (Echmiadzin Cathedral) หรือ อีกชื่อหนึ่งว่า วิหารพระมารดาแห่งคริสตจักรอาร์เมเนีย ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นศูนย์กลางของคริสตจักรอาร์เมเนีย มีความสำคัญเทียบเท่าเสมือนเป็นวาติกันของอาร์เมเนีย และที่แห่งนี้จัดเป็นโบสถ์คริสต์แห่งแรกที่เก่าแก่ที่สุดของโลก โดยมีตำนานเล่าว่า มันเป็นสถานที่ที่พระเยซูคริสต์เสด็จลงมาจากสวรรค์เพื่อแสดงตำแหน่งที่พระองค์มีพระประสงค์ให้สร้างโบสถ์ ดังนั้น คำว่า “Echmiadzin” คือ "The only-begotten descended" โบสถ์ถูกสร้างขึ้นโดยนักบุญเกรกอรี่ (St.Gregory) ในระหว่างปีค.ศ.301-303 เดิมสร้างด้วยไม้และบูรณะเปลี่ยนเป็นหิน ชมภาพจิตรกรรมฝาผนังที่สวยงาม ที่สำคัญคือได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 2000 นอกจากนี้ภายในบริเวณเขตรั้วของมหาวิหารก็มีกลุ่มอาคารต่างๆ อาทิเช่น ห้องสมุด โรงพิมพ์ มหาวิทยาลัยสอนศาสนา และที่สำคัญคือ พระราชวังประทับขององค์พระสังฆราชแห่งอาร์เมเนีย หรือที่เรียกว่า “คาทอลิโก้” (Catholico)  
กลางวันรับประทานอาหารกลางวัน ณ ภัตตาคารท้องถิ่น
บ่ายเดินทางไปชมซากปรักหักพังของ อารามซวาสนอทซ์ (Zvartnots Cathedral) สร้างขึ้นในช่วงเวลาที่อาร์เมเนียอยู่ภายใต้การควบคุมของอาณาจักรไบเซนไทน์และในช่วงต้นของการรุกรานอาร์เมเนียโดย ชาวอาหรับมุสลิม การก่อสร้างวิหารเริ่มขึ้นในปีค.ศ.643 โดยคาทอลิโก้ เนอร์เสส (Catholico Nerses  the Builder) เพื่ออุทิศให้แก่นักบุญเกรกอรี่ หลังจากการยึดครองของชาวอาหรับและสงครามรุนแรงทวีระหว่างกองทัพไบเซนไทน์และอาหรับที่บริเวณชายแดนตะวันออก รวมทั้งเกิดเหตุแผ่นดินไหวอย่างรุนแรงหลายครั้ง อารามแห่งนี้จึงเหลือเพียงซากปรักหักพังถูกฝังไว้อยู่ใต้ดินจนกระทั่งมีผู้มาขุดค้นเจอโดยบังเอิญในปีค.ศ. 1905 แต่จากการศึกษาโครงสร้างทำให้ทราบว่าอารามแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่สวยมากที่สุดแห่งหนึ่งในยุคนั้น จึงได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโก้ในปี ค.ศ. 2000 

ก่อนอำลาอาร์เมเนีย...ดินแดนแห่งคริสต์ศรัทธา นำชม กรุงเยเรวาน (Yerevan) เมืองที่มีประวัติย้อนไปในยุคศตวรรษที่ 8 ก่อนคริสตกาล เดิมชื่อ เมืองเยเรบูนี่ (Erebuni) เมืองหลวงแห่งนี้จัดเป็นเมืองที่สวย งามแห่งหนึ่งในแถบภูมิภาคคอเคซัสที่มีรูปแบบโครงสร้างอาคารสถาปัตยกรรมในตัวเมืองมีกลิ่นอายของการผสมผสานระหว่างยุโรปและรัสเซีย และตั้งอยู่ในระดับสูงกว่า 800 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล อากาศจึงเย็นสบาย กรุงเยเรวานตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ราบหุบเขาอารารัต มีแม่น้ำสายสำคัญไหลผ่านชื่อ แม่น้ำราซดัน (Hrazdan River)  

นำท่านชม จัตุรัสกลางเมือง (Republic Square) เดิมทีชื่อว่า Lenin Square ซึ่งถือว่าเป็นศูนย์กลางทั้งด้านธุรกิจและด้านการปกครอง อันเป็นที่ตั้งของกระทรวงสำคัญต่างๆหลายกระทรวง มีตึกอาคารต่างๆที่รายล้อมรอบจัตุรัสนั้นสวยงามโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบอาร์เมเนียน มีน้ำพุตั้งอยู่ที่จัตุรัสดังกล่าว ซึ่งช่วงกลางคืนจะมีการเปิดให้ชมน้ำพุเต้นระบำเป็นรอบๆ ด้วยเช่นกัน 

แล้วนำท่านชม เยเรวาน คาสเคด (Yerevan Cascade) สิ่งก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงแห่งนี้ซึ่งมีลักษณะเป็นขั้นบันไดลดหลั่นกันลงมามีความสูงประมาณ 500 เมตรและมีการปล่อยน้ำลงมาเสมือนเป็นน้ำตกขั้นบันได โดยภายในของอาคารดังกล่าวยังเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่จัดแสดงศิลปะร่วมสมัยตามขั้น บันไดอย่างสวยงามสะดุดตา เมื่อขึ้นเป็นถึงชั้นบนสุด ท่านสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์อันสวยงามของกรุงเยเรวานได้โดยรอบ 
เย็นรับประทานอาหารเย็น ณ ภัตตาคารท้องถิ่น 
ที่พักRadisson Blu Hotel 5*, Yerevan หรือเทียบเท่า
วันที่ 13เยเรวาน - โดฮา - กรุงเทพฯ 
00.30 น.เดินทางสู่สนามบิน เตรียมตัวเช็คอินสำหรับเที่ยวบินระหว่างประเทศ เพื่อเดินทางกลับสู่ประเทศไทย
03.30 น.เหินฟ้าสู่ เมืองโดฮา ประเทศกาต้าร์ โดยสายการบิน QATAR AIRWAYS เที่ยวบินที่ QR 286 (ใช้เวลาบิน 3 ชั่วโมง) (บริการอาหารบนเครื่องบิน)
05.30 น. เดินทางถึงสนามบินโดฮา เปลี่ยนเครื่องบินเพื่อเดินทางต่อไปยังจุดหมายปลายทาง กรุงเทพฯ 
08.10 น.เหินฟ้าสู่ กรุงเทพฯ ประเทศไทย โดยสายการบิน QATAR AIRWAYS เที่ยวบินที่ QR 832  (ใช้เวลาบิน 6 ชั่วโมง 55 นาที) (บริการอาหารบนเครื่องบิน)
19.05 น. เดินทางถึง สนามบินสุวรรณภูมิ กรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพ



เงื่อนไขในการจอง

อัตราค่าบริการรวม
  • ค่าตั๋วเครื่องบินชั้นประหยัดแบบหมู่คณะสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ และค่าภาษีสนามบินทุกแห่ง
  • ค่าธรรมเนียมประกันภัยทางอากาศ และ ค่าธรรมเนียมเชื้อเพลิง                            
  • ค่าระวางน้ำหนักกระเป๋าเดินทาง 1 ใบ 23 กิโลกรัม
  • ค่าที่พักโรงแรม 2 ท่านต่อ 1 ห้อง รวม 11 คืน
  • ค่าอาหารทุกมื้อที่ระบุในรายการ และน้ำดื่มบนรถตลอดการเดินทาง
  • ค่าบัตรผ่านประตูเข้าชมสถานที่ระบุไว้ในรายการ
  • ค่าประกันภัยอุบัติเหตุจากการเดินทาง 1,000,000 บาท ตามเงื่อนไขกรมธรรม์
  • ค่าทิปมัคคุเทศก์ท้องถิ่นและคนขับรถเท่านั้น
  • ค่าวีซ่าอาเซอร์ไบจันและอาร์เมเนียแบบ Tourist E-visa (Single entry)
ค่าบริการไม่รวม
  • ค่าใช้จ่ายส่วนตัว เช่น ค่าโทรศัพท์ ค่าซักรีด ค่าเครื่องดื่ม นอกเหนือจากรายการ
  • ค่าทิปพนักงานยกกระเป๋าในโรงแรม 
  • ค่าทำหนังสือเดินทาง/ค่าทำเอกสารออกนอกราชอาณาจักรของผู้ถือหนังสือต่างด้าว/ค่าวีซ่าด่วน
  • ค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% และภาษีหัก ณ ที่จ่าย 3%
  • ค่าทิปหัวหน้าทัวร์ไทย
การจองและการชำระเงิน
  • บริษัทฯ เรียกเก็บเงินมัดจำ ท่านละ 80,000 บาท (แปดหมื่นบาท) พร้อมกรอกรายละเอียดในใบแบบฟอร์มการจองทัวร์พร้อมส่งสำเนาหน้าพาสปอร์ตของท่าน และชำระเงินมัดจำภายใน 3 วัน สำหรับค่าทัวร์ส่วนที่เหลือชำระทั้งหมดก่อนเดินทาง 30 วัน
  • กรณีท่านได้รับส่วนลดพิเศษตามโปรโมชั่น หรือกรณีหักค่าวีซ่า(ถ้ามี) ค่าส่วนลดดังกล่าวจะถูกหักออกจากค่าทัวร์ส่วนที่เหลือในงวดสุดท้าย
การยกเลิกการเดินทาง
  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง   60  วันคืนค่าใช้จ่ายทั้งหมด (ยกเว้น กรุ๊ปที่เดินทางช่วงวันหยุดหรือเทศกาลที่ต้องมัดจำกับทางสายการบินหรือมีการมัดจำค่าที่พักทั้งโดยทางตรง หรือ โดยการผ่านตัวแทนในประเทศ หรือต่างประเทศและไม่อาจขอเรียกคืนเงินได้)
  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง  45-59 วัน คืนเงินมัดจำบางส่วน แต่หักค่าใช้จ่ายอื่นๆที่เกิดขึ้นตามจริง (ถ้ามี)  
  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง  30-44 วัน เก็บค่าใช้จ่ายท่านละ 50,000 บาท
  • ยกเลิกก่อนการเดินทาง  1-29 วัน เก็บค่าบริการทั้งหมด 100%

    ** กรณีคณะส่วนตัวหรือกรุ๊ปเหมา หลังจากยืนยันการจองและชำระเงินค่ามัดจำแล้ว หากยกเลิกทัวร์ บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ไม่คืนเงินมัดจำในทุกกรณี  
    ** หากมีการยกเลิกทัวร์ หลังจากได้รับวีซ่าจากสถานทูตแล้ว บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการนำเล่มพาสปอร์ตไปยกเลิกวีซ่าในทุกกรณี ไม่ว่าค่าใช้จ่ายในการยื่นวีซ่าจะรวมหรือแยกจากรายการทัวร์ก็ตาม
    ** บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการไม่คืนค่าวีซ่า ค่ามัดจำตั๋วเครื่องบิน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ หากบริษัทได้ดำเนินการไปแล้ว
    ** เมื่อท่านได้ตกลงจองทัวร์กับบริษัทแล้ว ถือว่าท่านได้ตกลงยอมรับในเงื่อนไขต่างๆดังกล่าวข้างต้นแล้วทุกประการ
เงื่อนไขการให้บริการ
  • เมื่อได้รับการยืนยันว่ากรุ๊ปออกเดินทางได้ ผู้เดินทางต้องจัดเตรียมเอกสารจำเป็นต่างๆสำหรับการยื่นขอวีซ่าให้พร้อมโดยเร็ว
  • การยื่นขอวีซ่าของแต่ละประเทศหรือแต่ละสถานทูต จะมีการเตรียมเอกสารและมีขั้นตอนการยื่นขอวีซ่าที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจเป็นการยื่นขอวีซ่าแบบหมู่คณะ หรือแบบรายบุคคล (แสดงตนที่สถานทูต) หรือแบบวีซ่าออนไลน์ แล้วแต่กรณี ท่านสามารถสอบถามข้อมูลกับทางบริษัทตามช่องทางการขายต่างๆเพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนการจองทัวร์
  • กรณีผู้เดินทางต้องการผู้ดูแลพิเศษ อาทิเช่น นั่งรถเข็น (wheelchair) เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ มีโรคประจำตัว หรือไม่สะดวกในการนั่งรถเดินทางท่องเที่ยวเป็นเวลาเกินกว่า 4-5 ชั่วโมงติดกัน ผู้เดินทางจำต้องหาผู้ดูแลส่วนตัวร่วมเดินทางไปด้วย เนื่องจากการเดินทางเป็นหมู่คณะ หัวหน้าทัวร์และไกด์ท้องถิ่นมีความจำเป็น 
    ต้องดูแลคณะทัวร์ทั้งหมดเป็นหลัก
  • กรณีผู้เดินทางมีอายุไม่ถึง18ปี และไม่ได้เดินทางกับบิดามารดา ต้องมีจดหมายยินยอมให้บุตรเดินทางไปต่างประเทศจากบิดาหรือมารดาแนบมาด้วย
ข้อมูลเบื้องต้นในการเตรียมเอกสารยื่นวีซ่า
  • การพิจารณาอนุมัติวีซ่าเป็นเอกสิทธิ์และดุลยพินิจของสถานทูต ดังนั้นการเตรียมเอกสารที่ถูกต้องและครบถ้วนตามเงื่อนไขการยื่นขอวีซ่าที่สถานทูตกำหนดไว้ จะทำให้การพิจารณาของสถานทูตรวดเร็วและง่ายยิ่งขึ้น
  • หนังสือเดินทางต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 6 เดือน (หรือ 180 วัน) โดยนับวันเริ่มเดินทางออกนอกประเทศไทย 
    หากนับแล้วต่ำกว่า 6 เดือน (หรือ 180 วัน) ผู้เดินทางต้องไปยื่นคำร้องขอทำหนังสือเดินทางเล่มใหม่ทันที และที่สำคัญคือจำนวนหน้าของหนังสือเดินทางต้องเหลือว่างสำหรับติดวีซ่าไม่ต่ำกว่า 3 หน้า
  • หนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ถือเป็นหนังสือเอกสารทางราชการ จะต้องไม่มีรอยฉีกขาด หรือ การขีดเขียน หรือ แต่งเติมใดๆ ในเล่มหนังสือเดินทางโดยเด็ดขาด
ข้อมูลเบื้องต้นเรื่องตั๋วเครื่องบินและที่นั่งบนเครื่องบิน
  • เมื่อบริษัทฯได้ทำการสำรองที่นั่งพร้อมชำระเงินมัดจำค่าตั๋วเครื่องบินแล้ว หากท่านยกเลิกทัวร์ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการเรียกเก็บค่ามัดจำตั๋วเครื่องบินตามจำนวนเงินที่เกิดขึ้นจริง ทั้งนี้ขึ้นอยู่สายการบินและช่วงเวลาเดินทาง
  • เมื่อบริษัทฯได้ทำการสำรองที่นั่งพร้อมชำระเงินค่าตั๋วเครื่องบินแล้วในกรณีออกตั๋วเครื่องบินแบบรายบุคคลหรือรายกลุ่ม หากท่านยกเลิกทัวร์หรือไม่สามารถเดินทางได้ ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการเรียกเก็บค่าตั๋วเครื่องบิน แบบรายบุคคลหรือรายกลุ่ม ตามจำนวนเงินที่มีค่าใช้จ่ายตามที่เกิดขึ้น
    จริง และจะต้องรอจากทำรีฟันด์จากทางสายการบินซึ่งใช้เวลาดำเนินการ 60-90 วันหรือมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของสายการบินและเงื่อนไขของการซื้อตั๋วนั้นๆ
  • ที่นั่งแบบ Long Leg โดยปกติอยู่บริเวณทางออกประตูฉุกเฉิน ผู้นั่งบริเวณดังกล่าวจะต้องมีคุณสมบัติตรงตามที่สายการบินกำหนด เช่น ต้องเป็นผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง และช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างรวดเร็วในกรณีที่เครื่องบินประสบปัญหา ท่านสามารถเปิดประตูฉุกเฉินได้ (น้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัม) ไม่ใช่ผู้ที่มีปัญหาทางด้านสุขภาพและร่างกาย อำนาจในการตัดสินใจให้ที่นั่ง Long leg ขึ้นอยู่กับทางเจ้าหน้าที่สายการบินในขณะตอนเวลาเช็คอินเท่านั้น
  • การระบุเลือกที่นั่งล่วงหน้า ปัจจุบันทางสายการบินส่วนใหญ่เปิดให้เลือกที่นั่งได้โดยมีค่าธรรมเนียม หากท่านต้องการเลือกที่นั่งล่วงหน้า โปรดแจ้งให้เจ้าหน้าที่บริษัททราบเพื่อดำเนินการ
เงื่อนไขและความรับผิดชอบ
  • บริษัทเป็นเพียงตัวแทนการท่องเที่ยว สายการบิน และตัวแทนการท่องเที่ยวในต่างประเทศ ซึ่งไม่อาจรับผิดชอบต่อความเสียหายต่างๆที่อยู่เหนือการควบคุมของเจ้าหน้าที่บริษัทฯ อาทิเช่น การนัดหยุดงาน การจลาจล เปลี่ยน แปลงกำหนดเวลาในตารางบิน ภัยธรรมชาติ หรือค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมที่เกิดขึ้นทั้งทางตรงหรือทางอ้อม เช่น การเจ็บป่วย การถูกทำร้าย การสูญหาย  ความล่าช้า หรือจากอุบัติเหตุต่างๆ ฯลฯ
  • รายการท่องเที่ยวอาจจะเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม เนื่องจากความล่าช้าของสายการบิน โรงแรมที่พักในต่างประเทศ เหตุการณ์ทางการเมือง และภัยธรรมชาติ ฯลฯ โดยบริษัทฯจะคำนึงถึงความสะดวกของผู้เดินทางเป็นสำคัญ  
  • รายการท่องเที่ยวนี้เป็นการชำระแบบเหมาจ่ายกับบริษัทตัวแทนในต่างประเทศ ท่านไม่สามารถเรียกร้องเงินคืนในกรณีที่ท่านปฏิเสธหรือสละสิทธิ์ในการใช้บริการนั้นที่ทางทัวร์จัดให้ ยกเว้นจะตกลงกันเป็นกรณีไป บริษัทฯจะไม่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น 
  • บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกการเดินทางในกรณีที่มีผู้เดินทางต่ำกว่า 10 ท่าน โดยจะแจ้งให้ผู้เดินทางทราบล่วงหน้าก่อนเดินทาง
  • บริษัทฯไม่รับผิดชอบในกรณีที่กองตรวจคนเข้าเมืองห้ามผู้เดินทางเนื่องจากมีสิ่งผิดกฎหมายหรือสิ่งของห้ามนำ เข้าประเทศ เอกสารเดินทางไม่ถูกต้อง หรือมีความประพฤติส่อไปในทางเสื่อมเสีย หรือด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม 
    ซึ่งกองตรวจคนเข้าเมืองพิจารณาแล้ว บริษัทฯไม่อาจคืนเงินให้ท่านได้ไม่ว่าจำนวนทั้งหมดหรือบางส่วน
  • บริษัทฯจะไม่รับผิดชอบในกรณีที่กองตรวจคนเข้าเมืองของประเทศไทยงดออกเอกสารเข้าเมืองให้กับชาวต่าง ชาติหรือคนต่างด้าวที่พำนักอยู่ในประเทศไทย
  • บริษัทฯจะไม่รับผิดชอบในกรณีที่สถานทูตงดออกวีซ่าอันสืบเนื่องมาจากตัวผู้เดินทางเอง  
การทำวีซ่า
  • ประเทศอาเซอร์ไบจันทำ E-Visa 
  • ประเทศอาร์เมเนียทำ E-Visa
  • ประเทศจอร์เจีย คนไทยไม่ต้องทำวีซ่า

ค้นหา
คำค้น
ช่วงเวลา
รายการทัวร์
ค้นหา


 

Add line Triple Enjoy